บทที่1364 คู่หมั้นอะไรกัน
“นี่คุณตื่นอยู่เหรอ?! ”
เสี่ยวเหยียนถามเขาอย่างประหลาดใจ และผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คือ
“ตื่นอยู่ตลอดนั่นแหละ”
เสี่ยวเหยียน:“???”
“ถ้ายังงั้นฉันหาอยู่ตั้งนาน ทำไมคุณถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะ? ”
หานชิงพูดเสียงทึมๆ น่าจะเพราะว่าพึ่งตื่น เสียงของเขาก็เลยแหบแห้งเล็กน้อย “ก็เห็นว่าเธอพยายามหาอย่างเต็มที่ ก็เลยทนไม่ได้ที่จะรบกวนเธอ”
ฟังเขาพูดประโยคนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้ว่ามันเป็นการประชดประชัน ทันใดนั้นเธอก็โกรธมาจนพุ่งข้างหน้าแล้วตีเขา
“นี่คุณจงใจชัดๆ ทั้งๆ ที่ตื่นแล้ว แต่ก็ไม่เตือนฉัน เอาแต่มองดูฉันพลิกกล่องเทตู้อยู่ทั้งห้อง ลับๆ ล่อๆ เหมือนกับโจร คงภูมิใจมากเลยสินะ? ทั้งๆ ที่เป็นของของฉันแท้ๆ แต่ว่าคุณกลับเอาไปเป็นของของ ตัวเอง ไม่ให้ฉันก็ช่างเถอะ แต่ยังมามองฉันเป็นเรื่องตลกขบขันแบบนี้ สนุกมาไหม? ”
ก่อนหน้านี้สีหน้าของหานชิงยังดูสบายใจเล็กน้อย แต่หลังจากที่เสี่ยวเหยียนโมโหนั้น รอยยิ้มในดวงตาของเขาก็ค่อยๆ จางลงไป
“ไม่สนุกเลย ถ้าเกิดว่าทำได้ล่ะก็ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเก็บกระเป๋าตังค์กับบัตรประชาชนของเธอไว้หรอก แต่ว่าถ้าเกิดว่าฉันไม่เก็บพวกนี้ไว้ วินาทีต่อมากเธอก็จะหนีไป แล้วถ้าเธอหนีไปแล้ว ฉันจะทำยังไง? ”
ถ้าเธอหนีไปแล้ว ฉันจะทำยังไงงั้นเหรอ?
ชั่วพริบตาหนึ่ง เสี่ยวเหยียนรู้สึกหวั่นไหวกับประโยคนี้ ถ้าเกิดว่าเธอหนีไปแล้วเขาจะทำยังไงน่ะเหรอ? หรือว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง?
เขาต้องการเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?
แต่ว่า….ต่อให้เขาต้องการเธอ แต่ว่าเธอก็ยังไม่มีทางที่จะขัดกับหลักศีลธรรมของตัวเองหรอก ถ้าเกิดว่าเป็นตอนที่เธอยังไม่รู้ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าตอนนี้เธอก็รู้แล้วอย่างชัดเจน ถ้าเกิดว่าเธอยังจะคบกับเขาต่อไปล่ะก็ เธอจะกลายเป็นคนแบบไหนกัน?
พอคิดได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็กัดฟันแน่นและโต้กลับ
“คุณควรจะทำยังไงก็ทำแบบนั้นแหละ ฉันหนีไปแล้ว คุณก็ไปหาอีกคน”
พอได้ยินดังนี้ สายตาของหานชิงก็จมดิ่ง มือที่จับข้อมือเธออยู่นั้นก็กระชับขึ้นเล็กน้อย “หาอีกคนงั้นเหรอ? ”
“ใช่! ”เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง “ฉันไม่ต้องการคุณแล้ว ดังนั้นคุณก็ไปหาคนใหม่สิ? ”
“เรื่องความรู้สึกเธอบอกว่าไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการยังงั้นเหรอ? ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนแรกทำไมต้องมายั่วฉันด้วย? ”
“อ้อ”เสี่ยวเหยียนพูดอย่างไม่เห็นด้วย “ตอนแรกฉันชอบความหล่อเหลาของคุณไง ตอนนี้ผ่านมานานแล้วก็ดูจนเบื่อแล้ว ฉันก็เลยไม่ต้องการคุณแล้ว แล้วอีกอย่างฉันก็พบว่าคุณเนี่ยนะ ไม่สนใจแฟนเลยแม้แต่นิดเดียว วันๆ ก็เอาแต่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง วันๆ มีแต่ฉันที่วิ่งโร่เอาของไปให้คุณที่บริษัท แล้วคุณล่ะ? คุณเคยเอาอะไรมาให้ฉันบ้าง? เมื่อพนักงานของคุณพูดถึงแฟนของคุณลับหลังนั้น คุณกำลังทำอะไรอยู่? คู่หมั้นของคุณ……”
พอพูดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็หยุดกะทันหัน
เธอนี่สมควรตายจริงๆ ทำไมถึงพูดถึงคู่หมั้นของเขาอีกแล้ว? พูดออกไปมันเป็นการตบหน้าตัวเองไม่ใช่เหรอ?
และหานชิงเองก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเธอ เขาหรี่ตาลง “คู่หมั้นอะไรกัน? ”
เสี่ยวเหยียนหันหน้าไปทางอื่น ไม่สนใจเขา
ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่กลับเสแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วมาถามเธออีก เห็นว่าเธอเป็นคนถูกรังแกง่ายยังงั้นเลยเหรอ?
“ในใจคุณก็รู้ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมาถามฉัน”
พอได้ยินดังนั้น สุดท้ายหานชิงก็ขมวดคิ้วขึ้น ตอนแรก เขานึกว่าเสี่ยวเหยียนเตรียมจัดงานวันเกิดให้เขา แต่เขากลับออกไป เลยทำให้เธอทุกข์ใจแล้วก็โกรธเขา
แถมยังพูดคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนอย่างมาก ตอนนั้นหานชิงนึกว่าเธอโกรธและอยากเลิกกับเขาเพราะเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เขาทำร้ายเธอก่อน
แต่ว่าตอนนี้ เขาพบว่าเหมือนกับว่าเสี่ยวเหยียนไม่ได้โกรธเรื่องวันเกิดงั้นเหรอ?
พอนึกถึงเรื่องนี้ หานชิงก็ถามในสิ่งที่ตัวเองคาดเดาออกมา “ที่จู่ๆ เธอบอกว่าจะเลิกกับฉัน ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องฉลองวันเกิดของฉันงั้นเหรอ? ”
เรื่องฉลองวันเกิด?
ถึงแม้ว่าเธอจะเตรียมการมานาน แล้วจู่ๆ เขาก็จากไป แต่พอตอนนั้นได้ยินสวี่เย็นหวั่นบอกว่าเขาไม่เคยฉลองวันเกิดมาก่อน ตอนนั้นเธอยังรู้สึกด้วยซ้ำว่าเธออาจจะไปสัมผัสบาดแผลอะไรบางอย่างของเขา ยังตำหนิตัวเองอยู่เลย
เธอเสียใจจริงๆ แต่ว่าเธอเองก็อยากรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่อยากฉลองวันเกิด
แต่ว่านึกไม่ถึงว่า ข่าวที่ตามมา ก็คือเธอได้รู้อย่างไม่คาดคิดว่าสวี่เย็นหวั่นคือคู่หมั้นของเขา
เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีคู่เลยดีกว่า
ถ้าเกิดว่าสวี่เย็นหวั่นไม่ใช่คู่หมั้นของเขา ถ้ายังงั้นคำพูดพวกนั้นที่เธอพูดเสี่ยวเหยียนคงไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรอก
แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับสนใจประโยคนั้นมาก ที่ว่า ฉันนึกว่าเธอจะสามารถรักษาจุดอ่อนของเขาที่ไม่อยากฉลองวันเกิดได้แล้ว พวกเธอเป็นแฟนกัน เขาควรจะบอกเรื่องพวกนี้กับเธอไม่ใช่เหรอ
พอเห็นว่าเสี่ยวเหยียนไม่ตอบ หานชิงก็จับไหล่ของเธอ “หืม? ”
เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมา สบตากับเขา “เรื่องที่คุณรู้ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องมาถามฉันด้วยล่ะ? เพราะว่ารู้สึกว่ามันสนุก หรือว่าอยากทำให้ฉันรู้สึกอัปยศอดสูมากกว่านี้? ”
ประโยคนี้ ราวกับว่าทำให้หานชิงมั่นใจได้ว่า เธอไม่ได้อยากจะเลิกกับเขาเพราะเรื่องวันเกิด
“เรื่องคู่หมั้นที่เธอพูดเมื่อกี้นี้ คือเรื่องอะไรกัน? ”
เสี่ยวเหยียนเบิกตากว้างด้วยความงงงัน อยากจะพูดแต่ก็ทนไว้ สุดท้ายก็หัวเราะออกมาเพราะความโกรธ
“เรื่องอะไรยังงั้นเหรอ? นั่นคือคู่หมั้นของคุณ แล้วคุณมาถามฉันเนี่ยนะ? ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันคือเรื่องอะไรกัน! ”
พอพูดจบ เธอก็ออกแรงสะบัดมือของเขาออก เสียงของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย “ทั้งๆ ที่คุณมีคู่หมั้นของตัวเองอยู่แล้ว แต่กลับมาพูดต่อหน้าฉันว่าจะชอบฉันตลอดชีวิตอะไรนั่น หานชิง คุณนี่จะจอมปลอมเกินไปแล้ว! ”
หานชิง:“……”
หลังจากเงียบไปนาน น้ำเสียงของหานชิงก็ดูไม่มีทางเลี่ยง
“ใครบอกเธอว่าฉันมีคู่หมั้นแล้ว? ”
เสี่ยวเหยียนที่หัวใจเต้นแรง ลมหายใจไม่คงที่เพราะว่าโกรธ พอเธอได้ยินประโยคนี้นั้น ก็อึ้งไปในทันที เธอมองหานชิงที่อยู่ตรงหน้าเธอ “หมายความว่ายังไง? ”
“ดังนั้น เธออยากเลิกกับฉันเพราะว่าเรื่องนี้ยังงั้นเหรอ? ” หานชิงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แถมยังถามต่อ แล้วก็เผลอหัวเราะออกมา “ยัยเด็กน้อย….”
เสี่ยวเหยียน:“???”
สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่? ประโยคเมื่อกี้ของเขานั้นมันหมายความว่ายังไงกัน? เขาไม่ยอมรับว่าตัวเองมีคู่หมั้นยังงั้นเหรอ?
ไม่ใช่สิ ถ้าเกิดว่าคนอื่นพูดก็ช่างเถอะ แต่ว่านี่สวี่เย็นหวั่นเป็นคนพูดเอง แถมยังส่งข้อความมาหาเธออีก
พอคิดได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น “คุณโกหกให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ นี่จะกล้าบอกฉันว่าไม่มีคู่หมั้นยังงั้นเหรอ! ”
สีหน้าของหานชิงดูไม่มีทางเลี่ยง “ฉันอยู่คนเดียวมาโดยตลอด แล้วคู่หมั้นจะมาจากไหนกัน? ”
“แล้วสวี่เย็นหวั่นล่ะ เธอไม่ใช่คู่หมั้นของคุณหรอกเหรอ? ”
“……”
พอพูดชื่อนี้ขึ้นมา สายตาของหานชิงก็มีประกายความงงงวย “เย็นหวั่น? เธอเป็นลูกสาวของลุงสวี่ไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เคยบอกเธอแล้วนิ แล้วเธอกลายมาเป็นคู่หมั้นฉันได้ยังไง? ”
เย็นหวั่น?
“คุณยังเรียกเธออย่างสนิทสนมเลย! ” เสี่ยวเหยียนโมโหมาก กัดฟันตัวเองกรอด
“สนิทสนมเท่าเหยียนเหยียนเหรอ? ” หานชิงโน้มตัวลงมา เอาหน้าผากของตัวเองชนกับหน้าผากขาวๆ ของเธอ น้ำเสียงแหบแห้งขึ้นเยอะ “ถ้าเกิดว่าเธอโกรธและต้องการจะเลิกกับฉันเพราะเรื่องนี้จริงๆ ก็แสดงว่าเธอใส่ร้ายฉันอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว”
“ใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม? ”
“อืม” หานชิงพยักหน้า “เธอไม่ใช่คู่หมั้นของฉัน อย่างมากก็แค่โตขึ้นมาด้วยกันเท่านั้น ความสัมพันธ์ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปหน่อย แต่ว่าระหว่างฉันกับเธอไม่มีอะไรกันทั้งนั้น ฉันไม่ได้เห็นเธอเป็นแม้แต่น้องสาวด้วยซ้ำ”
ตอนแรกเสี่ยวเหยียนยังนึกว่าเขาจะพูดประมาณว่า เขาแค่เห็นสวี่เย็นหวั่นเป็นน้องสาวเท่านั้น ใครจะไปนึกว่าเขากลับพูดว่าเขาไม่ได้เห็นเธอเป็นแม้แต่น้องสาวด้วยซ้ำ
“ฉันเอาแต่ตามหาน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ไม่มีอารมณ์ไปสนใจเรื่องอื่นหรอก ลูกสาวของตระกูลสวี่สำหรับฉันแล้วนั้น อย่างมากก็เป็นแค่เพื่อนเล่นในวัยเด็กเท่านั้นเอง”