บทที่1371 อย่าให้ผมรอนานเกินไป
“คือว่า ฉันคิดว่านี่เหมือนจะเร็วเกินไปหน่อย ถ้าไม่งั้นคุณลองไปคิดให้ละเอียดอีกครั้ง” เสี่ยวเหยียนกระแอมเบาๆขัดขวางความบ้าคลั่งของหานชิง
แม้เธอจะคิดว่า ครั้งนี้ที่ตัวเองวิ่งหนีจะทำให้หานชิงเกิดความรู้สึกอยู่ในภาวะวิกฤติ ดังนั้นจึงรีบร้อนที่จะกักเธอเอาไว้
แต่ได้ยินว่าหลังจากที่เขากลับมาจากท่องเที่ยวก็เริ่มเตรียมแหวนเอาไว้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกตื้นตันใจไม่น้อย
ในตอนนั้นที่เขาถูกวางยา ก็พยายามที่จะสะกดกลั้นตัวเองอย่างเต็มที่ ตอนแรกเธอจะยั่วยวนเขาอย่างไรเขาก็ฝืนเอาไว้ได้ ก็เพราะไม่อยากทำร้ายเธอ
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมพร้อมไว้เร็วขนาดนี้
ดังนั้น ไม่ใช่แค่ตัวเองที่ชอบเขามากขนาดนั้น หานชิงเองก็ชอบเธอมากเหมือนกัน
“เร็วสิ” หานชิงหยีตาหรี่ลง ทันใดนั้นก็เอ่ยประโยคที่ทำให้ตกใจว่า “ลองคำนวณดู ถ้าคืนวันนั้นคุณท้องล่ะก็ เริ่มนับตั้งแต่พรุ่งนี้ ถึงวันแต่งงานวันนั้นท้องของคุณก็คงจะปิดไว้ไม่มิด”
ได้ยินดังนั้น ในใจเสี่ยวเหยียนตกตะลึง ตาเบิกโพลงอย่างที่สุดมองหานชิงด้วยความตื่นตกใจ:“คุณ ๆๆ…”
ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดเรื่องตั้งท้องขึ้นมาได้ และยังพูดได้ตรงเป๊ะ หรือว่าเขาเกิดเดาอะไรได้
เขารู้ว่าตัวเองตั้งท้องแล้วเหรอ
ไม่ใช่! ไม่มีทาง!
ถ้าหากเขารู้ว่าตนเองท้อง อย่างนั้นเขาคงไม่เอายาแก้หวัดส่งต่อหน้าเธอให้เธอกิน และก็ไม่คิดอยากจะนอนกับเธอตอนนี้!
เช่นนั้นเขาคงจะแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น หลังจากที่เสี่ยวเหยียนตื่นตกใจแล้ว ก็กลับมาใจเย็น:“แต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่เพียงแค่ความรู้สึกทางพิธีการเท่านั้น แต่ฉันยังรู้สึกว่าคุณควรจะลองคิดดูอีกที ในเมื่อพวกเราก็เหมือนอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน ถ้าเกิดผ่านไปไม่กี่เดือนแล้วคุณเกิดเบื่อขึ้นมา หากถึงเวลาหย่ากัน แบบนี้ก็ไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา”
หลังจากที่เธอพูดจบ ก็เห็นคิ้วของหานชิงขมวดเข้าหากัน สีหน้าและแววตาดูเหมือนไม่ค่อยพอใจนัก
“ที่คุณพูดกับผมก่อนหน้านี้คุณลืมไปหมดแล้วเหรอ”
“ฮะ”
หานชิงเม้มริมฝีปากบาง ไม่พูดอะไร แต่เห็นชัดว่าคือโกรธแล้ว
เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าตัวเองพูดประโยคไหนผิด ลองย้อนกลับไปคิดดู หรือว่าที่เธอพูดว่าหากหย่ากันประโยคนั้นทำเขาโกรธแล้วเธอได้แต่รีบอธิบายว่า:“ฉันก็ไม่ได้หมายความแบบนี้ ฉันแค่กลัวว่าคุณจะเสียภายหลังเท่านั้นเอง”
ไม่รู้ว่าหานชิงกำลังคิดอะไรอยู่ จ้องมองตาเธออยู่พักใหญ่ สุดท้ายโน้มตัวลงมาใกล้คอของเธอ ริมฝีปากบางจูบที่คอของเธอ พูดด้วยเสียงกลัดกลุ้มว่า
“ผมเคยบอกคุณว่าชีวิตนี้กำหนดเจาะจงว่าเป็นคุณแล้ว แต่ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ได้ อย่างนั้นผมให้เวลาคุณคิดทบทวนอีกที แต่ว่า อย่าให้ผมรอนานเกินไป”
เขาเริ่มพรมจูบไปทั่วคอของเธออีกครั้ง เสี่ยวเหยียนถูกเขาจูบจนเริ่มควบคุมสติไม่อยู่ บวกกับที่เมื่อครู่เขาสวมแหวนลงไปบนนิ้วเธอ ดังนั้นตอนนี้ในหัวของเสี่ยวเหยียนก็ว่างเปล่าเล็กน้อย
เดี๋ยวก่อน จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็นึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมหานชิงถึงเอาแหวนออกมาสวมให้เธอในตอนนี้
หรือว่า เพื่อที่เขาจะได้หลับนอนกับเธอได้อย่างไร้ข้อกังขาเหรอ
หลังจากที่เกิดความคิดนี้ขึ้นภายในใจ เสี่ยวเหยียนรีบถามออกมาทันที
หานชิงที่อยู่บนร่างเธอไม่ขยับ ใช้ความเงียบแทนคำตอบ
“ไม่ใช่ว่าถูกฉันพูดแทงใจดำหรอกนะ คุณ คุณคิดว่าขอแต่งงานสำเร็จ จากนั้นก็…”
ตอนท้ายประโยคเธอไม่ได้พูดต่อ แต่คำพูดท้ายประโยคนั้นคืออะไรก็ชัดเจนอยู่แก่ใจดีแล้ว
รอบๆตัวอยู่ในความเงียบงันชั่วครู่ เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าตัวเองคงจะพูดแทงใจดำเขาแล้ว
เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย
“อย่างนั้นตอนนี้ฉันควรจะเอาคืนไปใช่หรือเปล่า” เธอพูดเสียงกระซิบกระซาบ ด้วยความเสียดายอย่างมาก หานชิงเดาถูกแล้วเรื่องที่เธอตั้งท้อง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถหลับนอนกับเขาได้
หานชิงเองก็เข้าใจความหมายของเธอ จับข้อมือของเธอไว้:“ของที่มอบให้คุณแล้วก็คือของคุณ ไม่มีเหตุผลที่จะเอากลับคืน หากตอนนี้คุณไม่เต็มใจ อย่างนั้นผมก็ไม่บังคับคุณ”
เขาพูดแบบนี้ ก็ทำแบบนี้จริงๆ
หานชิงลุกขึ้น ไม่ได้ทำอะไรเสี่ยวเหยียนอีก นั่งข้างเตียงจัดการติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตน
มองด้านหลังของเขา เสี่ยวเหยียนไม่รู้ทำไม ในใจรู้สึกใจหายเล็กน้อย ความจริงแล้วเธอเต็มใจ เธออยากอยู่กับเขา แต่ว่าตอนนี้เธอท้องแล้ว หากถึงเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะทำอย่างไร
ดังนั้นให้เขาอดทนเอาไว้ก่อนดีกว่า รออีกสามเดือนให้หลังค่อย ฮี่ๆๆๆ
ครั้งนี้เสี่ยวเหยียนมาหมกตัวที่บ้านของหานชิงสามวันเต็มๆ รอจนหวัดหายดีแล้ว เธอจึงเก็บข้าวของกลับบ้านไป
เดิมหานชิงจะขึ้นไปด้านบนเพื่ออธิบายพร้อมกับเธอ แต่เสี่ยวเหยียนไม่ยอม บอกว่าถ้าเขาอยู่ด้วยตนเองไม่รู้จะพูดว่ายังไง ดังนั้นก็เลยให้เขากลับไปก่อน ครั้งหน้าค่อยมาใหม่
ในเมื่อหญิงสาวเอ่ยเช่นนี้แล้ว หานชิงก็ไม่ได้พูดว่าจะขึ้นไปชั้นบนอีก จูบที่หน้าผากเธอ แล้วขับรถจากไป
ตอนแรกตัวเองเป็นคนหนีออกไป เสี่ยวเหยียนยังคิดว่าหลังจากกลับมาแล้วพ่อแม่จะต้องมาซักไซ้เธอแน่ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาสองคนกลับไม่พูดอะไร เห็นเธอกลับมาได้แต่พูดด้วยความดีใจว่าวันนี้คงต้องทำกับข้าวเพิ่มแล้ว จากนั้นพ่อจางก็ออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว
ส่วนหลัวหุ้ยเหม่ยก็เข้าไปในห้องครัว เปิดเตาทอดลูกชิ้นที่เสี่ยวเหยียนชอบกินที่สุด
เห็นทั้งหมดนี้แล้ว ในใจเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกอบอุ่นอย่างที่สุด เธอเดินเข้าไปเชยคางไว้บนบ่าของหลัวหุ้ยเหม่ย เรียกด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานว่า:“แม่”
“เข้ามาทำไม ออกไปรอข้างนอกสิ วันนี้แม่กับพ่อของลูกจะทำอาหารมื้อที่แสนอร่อยให้ลูก”
หลัวหุ้ยเหม่ยพูดอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกเศร้าเสียใจ
“แม่ แม่กับพ่อไม่โกรธหนูเหรอ ครั้งนี้ที่หนูหนีออกไป หนูหัวดื้อเอาแต่ใจมากใช่มั้ย”
“ยัยเด็กโง่เอ้ย ตอนที่ยังหนุ่มยังสาวมีใครที่ไม่หัวดื้อบ้างเล่า คนเราต้องผ่านเรื่องราวถึงจะมีประสบการณ์ ในเมื่อลูกก็ปลอดภัยกลับมา พ่อกับแม่ก็สบายใจแล้ว จะโทษลูกทำไม”
“ขอบคุณค่ะแม่” เสี่ยวเหยียนก้มหน้าใบหน้าแนบชิดกับไหล่ของเธอ พูดอย่างไม่สบายใจว่า:“ครั้งนี้หนูรู้สึกว่าตัวเองวู่วามเกินไป ยังไม่ทันจะเข้าใจอะไรก็ใส่อารมณ์ที่นั่น หากไม่ใช่ว่าเขาตามหนูไปแล้วพูดให้เข้าใจ พวกเราอาจจะจบกันแล้ว”
ได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดหลัวหุ้ยเหม่ยก็หันมาอย่างอดไม่ได้ จัดระเบียบคอเสื้อของเสี่ยวเหยียนให้เรียบร้อย ถอนหายใจพลางเอ่ยว่า:“ดังนั้นแม่ถึงบอกว่าเราต้องผ่านเรื่องราวก่อนจึงจะมีประสบการณ์ หากไม่ใช่ว่าตอนหลังอธิบายกันเข้าใจดีแล้ว ย้อนกลับไปคิดดูจะรู้สึกมั้ยว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว ตอนนั้นลูกก็เหมือนลาดื้อตัวหนึ่ง ใครจะพูดอะไรก็ไม่ฟัง”
หลัวหุ้ยเหม่ยพูดอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล
“ดังนั้นแล้ว ต่อไปอย่าวู่วามแบบนี้อีก เกิดเรื่อง ก็วิเคราะห์ก่อน ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ หนึ่งในนั้นจะเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่ ตอนที่พูดคุยกันก็ต้องพูดตอนอารมณ์สงบลงแล้ว แบบนี้โอกาสที่จะเกิดการเข้าใจผิดก็จะลดน้อยลงไปมาก อนาคตหากเกิดเรื่องอะไรนึกย้อนกลับไปดูคุณก็อาจจะคิดได้จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างกับได้แรงบันดาล:“อืม หนูรู้แล้วค่ะแม่ ต่อไปหนูจะใจเย็นๆ”
“ลูกน่ะ โตขนาดนี้แล้ว ยังทำเหมือนเด็ก หลังจากผ่านเรื่องครั้งนี้ก็ควรจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วนะ”
พูดจบหลัวหุ้ยเหม่ยก็ไปบีบจมูก อาจจะเพราะแรงไปหน่อย ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงเจ็บ ยื่นมือไปผลักตามสัญชาตญาณ
“แม่ แม่บีบหนูเจ็บแล้ว”
จากนั้นก็ถูกหลัวหุ้ยเหม่ยมองเห็นแหวนเพชรที่สวมอยู่บนนิ้วเธอ