บทที่ 1378 ลูกสะใภ้ผู้น่ารัก
ดังนั้นหลายปีมานี้ เธอคุ้นชินแล้ว จึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าเหลียงหย่าเหอและเซียวหมิงจื้อทั้งสองคนไม่กล้านั่งลงไปเพราะสีของเบาะรองนั่งอันนี้
ภายใต้การต้อนรับอย่างอบอุ่นของเธอเหลียงหย่าเหอนั่งลงไปก่อน รู้สึกแปลกใจมากที่พบว่าเบาะนั้นยังนุ่มมาก จากนั้นเรียกให้เซียวหมิงจื้อนั่ง ยังทำตาขวางใส่เขาด้วย สายตานั้นเหมือนจะฆ่าเขา
เซียวหมิงจื้อลูบๆคลำๆจมูกอย่างเขินๆ สุดท้ายก็ได้แต่นั่งลง
“เสี่ยวไป๋จ๊ะ การตกแต่งภายในบ้านนี้ทั้งหมดหนูเป็นคนจัดเหรอ”
“อืม” เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า:“ฉันชอบโทนสว่างๆแบบนี้ ดูแล้วไม่ทำให้หดหู่ขนาดนั้น ทำให้คนอารมณ์ดี”
พูดมาถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้ “อ๋อใช่แล้วค่ะ ดูแล้วปัญญาอ่อนนิดหน่อยใช่มั้ยคะ หนูใช้ตั้งแต่เด็กจนชินแล้วค่ะ ดังนั้นก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก”
“ไม่เป็นไรๆ ไม่ปัญญาอ่อน น่ารักมากนะ ผู้หญิงสาวอย่างหนูก็ควรจะใช้ของแบบนี้ สดใสมีชีวิตชีวา”
เหลียงหย่าเหอพอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ชอบมาก ดังนั้นจึงรีบหาโอกาสชมเธอหลายคำ พูดจบก็ผลักเซียวหมิงจื้อ。
เซียวหมิงจื้อที่อยู่ภายใต้การกำกับของเธอก็ยิ้มอย่างซื่อๆ:“ใช่แล้ว คนหนุ่มคนสาวอย่างพวกคุณก็ควรจะใช้แบบนี้”
หลังจากทุกคนพูดคุยสัพเพเหระกันแล้วหลายประโยค เจียงเสี่ยวไป๋หาโอกาสไปห้องน้ำระหว่างนั้นก็ส่งข้อความหาเซียวซู่บอกว่าพ่อกับแม่เขามาถึงที่บ้านแล้ว
แต่ตอนที่เซียวซู่ได้รับข้อความ ก็ล่วงเลยไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว
พอเขาเห็นข้อความที่เจียงเสี่ยวไป๋ส่งมา คิดว่าเป็นข้อความพูดคุยธรรมดาหรือว่าคำถาม หลังจากที่อ่านเนื้อความชัดเจนแล้ว แววตาเขาเปลี่ยนไปช่วงหลายนาทีนั้น
พ่อแม่มาที่บ้าน ทำไมไม่บอกให้เขารู้ล่วงหน้าก่อนสักคำ
ความจริงแล้วเมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่จำนวนครั้งที่พวกเขามานั้นน้อยมาก ดังนั้นเซียวซู่จึงลืมเรื่องนี้ไปเลย หลังจากเจียงเสี่ยวไป๋ย้ายเข้ามาอยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้คิดว่าวันหนึ่งทั้งสองฝ่ายจะพบกัน
บ้านของตัวเองจู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พ่อแม่จะต้องเข้าใจผิดแน่
ในเมื่อเขากับเจียงเสี่ยวไป๋เป็นแฟนกันหลอกๆ ทั้งสองคนแทบไม่ได้มีความรู้สึกใดๆเลย หากทำให้พ่อแม่เข้าใจผิด ต่อไปเขาต้องเสียเวลานานเท่าไหร่ไปอธิบาย
คิดแล้วก็ทำให้รู้สึกปวดหัว
เซียวซู่คิดทบทวน ตัดสินใจกลับไปบ้านก่อน
อีกด้าน สองสามีภรรยาตระกูลเซียวตัดสินใจที่จะอยู่กินอาหารกลางวันแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ทำอาหารอย่างมากมายอุดมสมบูรณ์หนึ่งมื้อต้อนรับพวกเขา
จากนั้นตอนที่เธอทำกับข้าวเหลียงหย่าเหอก็ตามเข้าไป เห็นฝีมือทำกับข้าวที่ทะมัดทะแมงคล่องแคล่วของเจียงเสี่ยวไป๋ ความชื่นชอบและความรู้สึกดีๆต่อเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
นี่คือลูกสะใภ้ที่น่ารักอะไรอย่างนี้เนี่ย
เหลียงหย่าเหอยิ่งมองเจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ่งชอบ แต่ไม่นานเธอก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนั้น “จะว่าไปแล้วนะเสี่ยวไป๋ หนูทำอาหารเก่งขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าตอนที่อยู่กับเซียวซู่มีแต่หนูทำกับข้าวนะ”
ได้ยันดังนั้น เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างไม่ลังเลแต่อย่างใด เหลียงหย่าเหอพอได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ทำอย่างนี้ได้ยังไงกันล่ะแม้หนูจะเป็นแฟนเขา แต่หนูไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวให้เขาตลอดก็ได้นะ เซียวซู่ไอ้ลูกคนนี้ก็ช่างจริงๆ มีแฟนแล้วก็ไม่รู้จักทะนุถนอม ให้หนูมาทำกับข้าวได้ยังไงกัน ลูกคนนี้ช่างไม่รู้เรื่องเลย เสี่ยวไป๋หนูวางใจเถอะ ตอนเที่ยงเขากลับมาฉันจะด่าเขาให้ตายเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋หมดคำพูดไปชั่วขณะ
เพราะเธอก็แค่พลั้งปากพูดไป แต่คิดไม่ถึงว่าแม่ของเซียวซู่กลับมีปฏิกิริยาตอบโต้มากขนาดนี้ สำหรับเธอแล้ว เซียวซู่ไม่ใช่ลูกชายของเธอเหรอ อย่างนั้นเธอก็ควรจะเข้าข้างลูกตัวเองถึงจะถูก แต่กลับมาเข้าข้างตัวเอง
อีกทั้งตนและเซี่ยวซู่ก็ไม่ใช่แฟนกันจริงๆ เธอใช้เงื่อนไขการทำกับข้าวแลกเปลี่ยนกับเขา เขาจึงตอบตกลงเป็นแฟนหลอกๆกับตน ช่วยกันตนเองจากการดูตัวที่วุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง
เรียกว่าทั้งคู่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร แต่แม่ของเซียวซู่มีปฏิกิริยาตอบโต้แรงมาก
คิดมาถึงตรงนี้ เธอถอนหายใจเบาๆ อธิบายว่า:“คุณน้า ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงหนูก็อยู่บ้านทุกวันไม่มีอะไรทำ ดังนั้นบางครั้งก็ทำกับข้าวบ้าง หนูก็ไม่ได้ทำบ่อยนะคะ บางครั้งพวกเราก็ออกไปทานข้างนอก”
เหลียงหย่าเหอกลับถามอีกคำถาม:“งั้นปกติตอนหนูทำกับข้าว เซียวซู่ลูกคนนี้มันล้างชามมั้ย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
สำหรับเรื่องล้างชาม เซียวซู่ดูเหมือนจะยึดงานนี้เอาไว้กับตัวเอง และเขาก็ไม่ได้ทำงานอื่นใดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เขาก็ทำอย่างละเอียดรอบคอบมาก
ไม่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะทำห้องครัวสกปรกเลอะเทอะขนาดไหน เซียวซู่ก็สามารถทำความสะอาดได้ทั้งหมด
เหลียงหย่าเหอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า จึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “งั้นนั้นก็ดี อย่างนั้นเขาก็ไม่ถือว่าเกินเยียวยารักษามากนัก ถ้าแม้แต่จานชามเขายังไม่ล้าง อย่างนั้นคงต้องตัดขาเขาแล้วจริงๆ”
ฟังมาถึงตรงนี้ จู่ๆเจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกว่าเซียวซู่น่าจะน่าสงสารมาก ฮ่าๆๆๆ แม่ของเขาดูท่าจะไม่เกรงใจเขาเลยแม้แต่น้อย
เซียวซู่กลับมาอย่างรวดเร็วมาก แต่ตอนที่เขาเข้าประตูมาอาหารของเจียงเสี่ยวไป๋และเหลียงหย่าเหอก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเซียวหมิงจื้อก็กำลังช่วยจัดวางตะเกียบ
มองเห็นเซียวซู่ เซียวหมิงจื้อก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม
“เซียวซู่ เสี่ยวไป๋บอกว่าอีกพักหนึ่งลูกถึงจะกลับมา วันนี้ทำไมเลิกงานเร็วขนาดนี้ล่ะ”
เซียวซู่กวาดสายตามองภายในห้อง เปลี่ยนรองเท้าเข้ามาโดยไม่พูดจาอะไร มองชามตะเกียบบนโต๊ะวางเสร็จแล้ว ก็ถามว่า:“นี่ทานข้าวกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ”
เซียวหมิงจื้อพยักหน้า:“ใช่ เสี่ยวไป๋ให้พวกเราอยู่กินข้าวด้วยกัน แม่ของลูกช่วยเธอทำกับข้าวอยู่ในครัว”
ได้ยินถึงตรงนี้ ความจริงเซียวซู่ปวดหัวเล็กน้อย เขาเก็บความรู้สึกในแววตาทั้งหมด ถามเบาๆว่า:“ทำไมก่อนจะมาไม่โทรบอกผมก่อน ผมจะได้ไปรับพวกคุณ”
เขาจะได้จัดการทางนี้ให้เสร็จก่อน
ในเมื่อเขาและเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่แฟนกันจริงๆ แต่พ่อแม่เห็นพวกเขาพักอยู่ด้วยกัน ก็ต้องคิดว่าเป็นอย่างนี้แน่
ถึงเวลาเรื่องพวกนี้จะต้องสร้างความวุ่นวายให้เจียงเสี่ยวไป๋โดยไม่จำเป็นแน่นอน
“ปกติลูกงานยุ่งมากไม่ใช่เหรอ พ่อคิดจะโทรหาลูก แต่แม่ของลูกไม่ให้โทร บอกว่าปกติลูกก็งานยุ่งอยู่แล้ว ยังต้องรีบไปรับพวกเราอีก ต้องมาเหนื่อยขนาดนั้น อีกอย่างพวกเราก็มีกุญแจ แล้วก็รู้เส้นทาง ก็เลยมาเอง ไม่เดือดร้อนยุ่งยาก”
เซียวซู่ไม่ได้พูดอะไรอีก
พอดีกับตอนนี้เองที่เหลียงหย่าเหอยกอาหารออกมา เห็นเซียวซู่ก็ถลึงตาโตทันที หลังจากวางจานอาหารบนโต๊ะก็ดึงแขนเสื้อเขาลากเข้าไปในห้องทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันลูก” ได้ยินคำถามของแม่ เซียวซู่เม้มปาก เตรียมที่จะอธิบาย:“แม่ เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิด……”
“เสี่ยวไป๋เป็นแฟนลูก ทำไมลูกถึงให้เขาทำอาหารให้ลูกตลอดเลยนะ แฟนมีไว้เอาอกเอาใจทะนุถนอมลูกไม่รู้เหรอ ลูกให้เธอทำกับข้าวให้ตลอด ลูกเห็นเธอเป็นแม่บ้านหรือยังไง”
เซียวซู่อึ้งไปทันที มองเหลียงหย่าเหอไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร
“ลูกได้ยินที่แม่พูดกับลูกมั้ย แล้วลูกไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกที่บ้านสักคำ แม่กับพ่อมาครั้งนี้วางแผนจะแนะนำให้ลูกไปดูตัวหลายคนเลย แม่กับพ่อของลูกเป็นห่วงกังวลเรื่องแต่งงานของลูก แต่ลูกกลับทำดีมาก ไม่บอกสักคำว่าตัวเองมีแฟนแล้วไม่ยอมบอกที่บ้านเลย”
“แม่ มันไม่ได้เป็นแบบนี้ แม่ฟังผมอธิบาย”
“พอแล้วไม่ต้องอธิบาย ลูกไม่ใช่จะพูดเรื่องที่ลูกให้เธอทำกับข้าวเหรอ เสี่ยวไป๋จิตใจดีไม่ถือสาหาความกับลูกนี่ ถ้าเป็นแม่นะ แม่คงจะทิ้งลูกไปนานแล้ว”