เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1379 ใกล้แค่เอื้อม

บทที่ 1379 ใกล้แค่เอื้อม

เซียววซู่ฟังอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่เขาก็แทบจะไม่มีโอกาสได้อ้าปากพูด เพราะเหลียงหย่าเหอบ่นเขาไม่หยุด รอจนบ่นเสร็จก็ยังไม่ให้เขาพูด ข่มขู่ทันทีว่า:“ต่อไปดูแลเขาให้ดี รู้มั้ย ทำกับข้าวบ่อยๆ อย่างลูกนี่หาแฟนได้สวยขนาดนี้ลูกคู่ควรเหรอ”

เซียวซู่:“……”

ไม่ใช่ ทำไมเขาจะไม่คู่ควร

“แม่ จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ทำไมจะพูดแบบนี้ไม่ได้ ถ้าลูกคู่ควรลูกจะยังเป็นเป็นโสดอยู่ถึงตอนนี้เหรอ ตัวเองยังไม่รู้ว่าต้องพยายามอีกนิด ยังจะทำให้คนในบ้านเป็นห่วงลูก ตอนนี้หาเจอแล้วลูกก็ช่วยแม่ทะนุถนอมให้ดีนะ ถ้าไม่อย่างนั้นแม่จะหาคู่ไปให้ลูกดูตัวสักร้อยคน”

ร้อยคน

เซียวซู่ไม่อยากพูดแล้ว เม้มปาก

หรือว่าเขากับเจียงเสี่ยวไป๋ยิ่งต้องเพิ่มผลประโยชน์ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้แล้ว

“ไปๆ อีกเดี๋ยวตอนออกไปกินข้าว คีบอาหารให้เสี่ยวไป๋เขาเยอะๆนะ อ่อนโยนหน่อยรู้มั้ย”

หลังจากปล่อยเซียวซู่ออกจากห้องแล้ว ทางเจียงเสี่ยวไป๋ก็ยกอาหารทั้งหมดมาตั้งบนโต๊ะเรียบร้อย ทุกคนล้างมือเตรียมกินข้าว

เซียวซู่สบตากับเจียงเสี่ยวไป๋ทีหนึ่ง จากนั้นตอนที่เตรียมหาที่นั่งลงมานั้น กลับถูกเหลียงหย่าเหอเตะอย่างแรง เจ็บจนเขาขมวดคิ้วหันไปมองเธอ

เหลียงหย่าเหอยิ้มไม่เห็นฟัน:“ไป นั่งกับเสี่ยวไป๋ ที่นี่พ่อกับแม่จะนั่ง”

เซียวซู่พูดไม่ออก นั่งที่ไหนก็เหมือนกันมั้ย

แต่ในเมื่อเหลียงหย่าเหอพูดแล้ว เซียวซู่ก็ไปนั่งกับเจียวเสี่ยวไป

พอเซียวซู่นั่งลงมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็กดเสียงให้เบาลงพอที่จะได้ยินกันแค่สองคนว่า “ฉันปากไว ไม่ทันระวังบอกไปว่าเป็นแฟนกับคุณแล้ว”

ได้ยินอย่างนั้น เซียวซู่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน พูดเรียบๆว่า:“ไม่เป็นไร”

ในเมื่อต่อให้ปฏิเสธ แม่ของเขาก็คงต้องดื้อดึงให้เขาเป็นแฟนกันจนได้ อย่างนี้สู้ยอมรับตรงๆไปเลยดีกว่า

ลดความวุ่นวายที่ไม่จำเป็นไปบ้าง

เจียงเสี่ยวไป๋เห็นท่าทางเขาไม่ว่าอะไร จึงได้โล่งอก เธอยังคิดว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้เขา ถึงเวลาพอเขาโกรธ ไม่ยอมช่วยเป็นไม้กันหมาให้ที่บ้านเธอจะทำยังไง

“เซียวซู่ รีบคีบอาหารให้เสี่ยวไป๋สิ”

ตอนที่เซียวซู่กำลังเตรียมจะกินข้าวนั้นเอง เหลียงหย่าเหอกลับยิ้มอ่อนๆพลางเตือนเขา เซียวซู่ชะงัก ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่ข้างๆพูดว่า:“ไม่ต้องๆ ฉันคีบเองก็ได้ คุณน้าคุณอาคะ พวกคุณทานเยอะๆนะคะ”

“เซียวซู่ ลูกไม่ได้ยินที่แม่บอกเหรอ”

เหลียงหย่าเหอขมวดคิ้ว เซียวซู่ได้แต่คีบอาหารนิดหน่อยใส่ในชามของเธอ สุดท้ายตอนเก็บตะเกียบก็แสดงท่าทีเหมือนว่าแบบนี้พอใจแล้วหรือยัง

เหลียงหย่าเหอที่อยู่ข้างๆเห็นท่าทางและสายตาเขา ก็แทบจะอดไม่ได้ที่จะลุกไปจัดการเขาสักที

ไอ้ลูกตัวดีนี่มันยังไง ให้เขาคีบอาหารก็ทำท่าทำทางไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกตัวว่าเป็นแฟนของคนอื่นเขามั้ย

เจียงเสี่ยวไป๋เห็นของในชามตนเอง แล้วมองไปยังสีหน้าท่าทีของเหลียงหย่าเหอ ก็รู้สึกว่าตนเองพอจะเดาอะไรได้ ดังนั้นเธอจึงคีบอาหารให้เซียวซู่อย่างใส่ใจบ้าง จากนั้นยิ้มตาหยีให้เขากินเยอะๆหน่อย

จะอย่างไรเขาก็เคยช่วยตนเองตอนอยู่ต่อหน้าแม่ของตัวเองมาแล้ว ถ้าเขาต้องการ อย่างนั้นเธอก็สามารถให้ความร่วมมือได้

เห็นท่าทีใส่ใจของเจียงเสี่ยวไป๋ ตอนแรกเซียวซู่ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตอนที่ได้เหลียงหย่าเหอชื่นชมเจียงเสี่ยวไป๋ ก็เข้าใจในทันทีเลย

หลังจากอาหารมื้อนี้ เซี่ยวซู่ก็ถูกกลอกตามองบนไปไม่น้อย ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ล้วนได้รับแต่คำชื่นชมและเยินยอ ทำให้เซียวซู่สงสัยในชีวิตมาก

สองสามีภรรยาตระกูลเซียวชอบเจียงเสี่ยวไป่มากเป็นพิเศษ ชมเธอไม่หยุดว่าเธอหน้าตาสะสวย แล้วยังทำอาหารเป็น หลังจากรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังเขียนต้นฉบับอยู่ ก็ชมว่าเธอมีความรู้

หลังจากที่ชมเจียงเสี่ยวไป๋เสร็จแล้วเหลียงหย่าเหอก็เริ่มวิจารณ์เซียวซู่อีก วิจารณ์เขาเสียจนไม่มีอะไรดีเลย

รอจนค่ำเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองจากไป เซียวซู่ก็พูดอะไรไม่ออก นั่งลงบนโซฟาหน้าตาปวดหัว

เจียงเสี่ยวไป๋นั่งลงข้างๆบนโซฟา

“ฉันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้คุณใช่มั้ย” เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตนเองควรจะถามเสียหน่อยดีกว่า:“ฉันอยู่บ้านทุกวัน ฉันคิดว่าพ่อแม่ของคุณไม่รู้ว่าคุณพักอยู่ที่นี่เนี่ย คิดไม่ถึงว่าพวกเขาเองกลับมีกุญแจบ้านอีกด้วย ตอนที่เข้าประตูบ้านมาฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร ตกใจแทบแย่”

ได้ยินอย่างนั้น เซียวซู่เงยหน้าจ้องมองเธอเงียบๆ แววตาดำสนิท

เจียงเสี่ยวไป๋ถูกเขาจ้องมองแบบนี้รู้สึกเคอะเขิน “ทำ ทำไมล่ะ ทำไมมองฉันด้วยสายตาแบบนี้”

“วันนี้ถูกชมดีใจมั้ย” เซียวซู่จู่ๆก็ถามติดตลกมาหนึ่งประโยค

“อุ๊บ”

เจียงเสี่ยวไป๋ได้ฟังประโยคนี้ ก็กลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่หัวเราะออกมา “ดีใจสิ แม่คุณพูดเก่งมาก ชมฉันเสียจนตัวลอยแล้ว แต่ว่าคุณเป็นลูกแท้ๆหรือเปล่าเนี่ย ทำไมบางครั้งที่เธอพูดกับคุณถึงได้มีแต่คำดุด่านะ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้ยินเธอพูดเพราะๆดีๆกับคุณสักประโยค แต่ว่าคุณอย่าเสียใจไปเลย แบบนี้ถึงจะพิสูจน์ว่าคุณเป็นลูกแท้ๆ ”

ใช่เหรอ อย่างนั้นเขาต้องรู้สึกเป็นเกียรติด้วยใช่มั้ย

ในห้องรับแขกตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะหนึ่ง พักใหญ่เซียวซู่จึงพูดว่า:“ผมครองตัวโสดมาตลอดไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นแม่จึงไม่พอใจผมอย่างมาก”

เมื่อเอ่ยถึงปัญหาเรื่องโสด เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงตอนกลางวันที่ตนเองได้ยินคำพูดพวกนั้น

“ตอนกลางวันฉันได้ยินพวกเขาพูดว่าจะแนะนำให้คุณไปดูตัว ดูเหมือนว่าจะหามาให้คุณเลือกไม่น้อยเลย คุณนี่วาสนาดีจริงๆ”

ได้ยินคำว่าวาสนาดีสี่คำนี้ เซียวซู่ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจ รีบพูดว่า:“ตอนนี้พวกเขารู้ถึงการมีตัวตนของคุณแล้ว น่าจะไม่แนะนำคู่ครองให้ผมไปดูตัวแล้ว”

“งั้นคุณอยากหรือไม่อยากไปดูตัวล่ะ การมีตัวตนของฉันไม่ใช่ว่าช่วยแก้ปัญหาให้คุณแล้วเหรอ”

“อืม”

ตอนแรกคิดว่าเขาจะปฏิเสธ คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับง่ายๆขนาดนี้ เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงคำขอร้องของคุณลุงขึ้นได้ กระพริบตาปริบๆ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ถือว่าฉันช่วยคุณได้มาก”

เซียวซู่ไม่ตอบอะไร

“คุณดูสิ ถ้าหลังจากนี้แม่ของคุณมาแล้วไม่เจอฉัน พวกเขาคงต้องจัดการให้คุณไปดูตัวอีกมากมาย ถึงเวลาคุณก็จะไปดูจนเบื่อเลย แต่เพราะฉัน คุณลดความวุ่นวายไปได้มาก ใช่หรือไม่”

เซียวซู่เหล่มองเธอ

เธอพิงบนโซฟา ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาเป็นประกายวิบวับ เหมือนกับเขาเป็นเหยื่อก็ไม่ปาน

สายตาแบบนี้……

เซียวซู่คุ้นชินมากเหลือเกิน

“คุณบอกมาเถอะ มีเรื่องอะไรจะขอร้องผมใช่มั้ย”

ขอร้องเหรอ

เจียงเสี่ยวไป๋กระพริบตาปริบๆ “ขอร้องอะไรกัน อย่าพูดให้น่าเกลียดขนาดนี้ได้มั้ย พวกเราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

“ก็ได้ คุณจะยังไงก็ได้” เซียวซู่ขี้เกียจจะไปโต้เถียงปัญหานี้กับเธอ

“งั้นความหมายของคุณก็คือ จะช่วยฉันใช่มั้ย” เจียงเสี่ยวไป๋โน้มตัวลงมาข้างหน้าเขา ใกล้จนเหมือนจะชนหน้าเขาอย่างนั้น ขนตาที่สวยงดงามก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม เหมือนกับพัดสองอันที่มีรูปทรงสวยงาม ดวงตาคู่สวยแทบจะเปล่งแสงสว่างออกมา

กลิ่นหอมหวานบนตัวของหญิงสาวก็เข้าไปในลมหายใจของเขา ก็ไม่รู้ว่าเธอใช้น้ำหอมอะไร เซียวซู่ยังคงขมวดคิ้ว “คราวหน้าคุณไม่ต้องฉีดน้ำหอมมากขนาดนี้ก็ได้นะ”

ได้ยินที่เขาพูด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่รู้จะพูดอะไร “น้ำหอมอะไร ฉันแทบจะไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะ”

ใช่เหรอ เซียวซู่จ้องมองเธออย่างสงสัย อย่างนั้นทำไมบนกลิ่นบนตัวเธอถึงทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกแน่นหน้าอกแบบนั้น

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset