บทที่1382ไม่อยากคลุกคลีมากเกินไป
“งานแต่ง?”
ตอนแรกเซียวซู่แค่ขมวดคิ้วครู่นึง จากนั้นก็คลายออก“ถ้าคุณอยากไปร่วมงานล่ะก็สามารถไปได้”
อะไรนะ?
เธออยากไปร่วมงานก็สามารถไปได้? เขารู้หรือเปล่ากันแน่ว่าตอนนี้เรื่องมันพัฒนาไปในทิศทางแบบไหนแล้ว?
“เอ่อ อะไรนะ คุณรู้มั้ยว่าตอนนี้แม่ของคุณชอบฉันมาก จะคอยมาอยู่กับฉันทุกวัน ฉันรู้สึกว่าท่านเห็นฉันเป็นว่าที่ภรรยาของท่านอย่างเต็มตัวแล้ว”
เรื่องมันใหญ่ไปหน่อย ใหญ่จนเธอคาดคิดไม่ถึง
เดิมทีแค่รับมือหน่อย ใครจะไปรู้ว่ารับมือเป็นแบบนี้
“อืม ผมรู้”
ที่จริงเซียวซู่ก็ยังไม่ได้คิดหาวิธีรับมือ คือจะบอกกับแม่โดยตรงว่าพวกเขาไม่ใช่แฟนกัน หรือบอกว่าพวกเขาเลิกกันแล้ว?
“ตอนนี้คุณมีความคิดยังไง?”
ก่อนจะทำการตัดสินใจ เซียวซู่ตัดสินใจลองถามความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋ดู
เจียงเสี่ยวไป๋ถูกเขาถามแบบนี้ปุ๊บ จู่ๆพบว่าตัวเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน เพราะช่วงนี้เธอกับเหลียงหย่าเหอเข้าหากันได้อย่างมีความสุข จึงพูดด้วยจิตใต้สำนึก:“ฉันไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตามแค่งานแต่งเฉยๆ ก็ถือว่าไปเที่ยวก็แล้วกัน แต่ถ้าคุณกังวลล่ะก็ ฉันก็ปฏิเสธคุณน้าก็โอเคแล้วค่ะ”
“ถ้าคุณอยากเล่นล่ะก็ งั้นก็ไปเถอะ”เซียวซู่สรุปโดยตรง:“ใกล้งานแต่งแล้ว งั้นก็รบกวนคุณเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน พอกลับมาจากงานแต่ง ผมค่อยพูดกับท่านให้รู้เรื่องเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋อึ้งไปครู่นึง จากนั้นได้พยักหน้า:“โอเคค่ะ”
เธอเข้าใจความหมายของเซียวซู่แล้ว ก็คือร่วมงานแต่งก่อน หลังจากร่วมงานแต่งเสร็จ เขาก็บอกความสัมพันธ์ของเธอกับเขาให้แม่ฟังอย่างตรงไปตรงมา ถึงเวลา……เธอก็อาจจะไม่ได้พักอยู่ที่นี่แล้ว
“แต่ว่าสารภาพผิดเป็นเรื่องของผม ถ้าคุณมีความต้องการอะไร ก็ยังหาผมได้นะครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยกมุมปาก:“โอเคค่ะ ฉันรู้แล้วค่ะ”
ทั้งสองได้จมเข้าไปในความเงียบสักพักใหญ่ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ลุกขึ้น:“งั้นก็ตกลงกันแบบนี้แล้วนะ ฉันขอตัวไปนอนก่อน”
“อืม”
ห้องนอนแขกได้จัดเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้เจียงเสี่ยวไป๋นอนที่ห้องนั้นตลอด
หลังจากกลับมาถึงห้อง เจียงเสี่ยวไป๋ซุกเข้าไปในผ้าห่ม ก็ไม่รู้เพราะอะไรไม่นึกเลยว่าในใจจะเศร้าหมองเล็กน้อย
แต่ไหนแต่ไรเธอเป็นคนมีสติ ดังนั้นเวลานี้ก็รู้ดีมาก อารมณ์ของตัวเองเศร้าหมองเพราะคำพูดนั้นของเซียวซู่ล้วนๆ เดิมทีตอนที่เธอได้ยินเหลียงหย่าเหอเรียนเชิญให้เธอไปเธอยังดีใจมากเลย
แต่ว่าตอนนี้ อารมณ์ของเธอได้เปลี่ยนเศร้าหมองแล้ว
คิดๆแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋หยิบมือถือออกมาส่งข้อความให้ฟางถังถัง
“ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้ฉันผิดปกตินิดหน่อย”
ฟางถังถัง: “ ? ”
“กรุณาสำรวมท่าทีของคุณด้วย ฉันผิดสังเกตจริงๆ”
ฟางถังถัง:“ดึกป่านนี้เธอเกิดผีบ้าอะไรขึ้นมา? หรือว่าเพราะเซียวซู่?”
เห็นชื่อของเซียวซู่ พริบตาเดียวเจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ดีแล้ว ทำไมไม่นานฟางถังถังก็สามารถเดาได้แล้ว? หรือว่าเธอแสดงออกได้ชัดเจนเกิน?
“เอ๊ะ ทำไมไม่พูด? ถูกฉันพูดถูกแล้วใช่มั้ย? ก่อนหน้านั้นก็บอกแล้วว่าเธอชอบเขา เธอยังไม่เชื่ออีก ดันยังมาแก้ตัวกับฉันอีก!”
ชอบเขาเหรอ?
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเป็นไปไม่ได้ แต่วันนี้อารมณ์ของเธอก็แปลกประหลาดมาก แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนี้เหมือนก็ไม่ได้มีอะไรมากพิเศษ
“ไม่ชอบ”
คิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ปฏิเสธโดยตรง“ฉันไม่ได้ชอบเขาจริงๆนะ”
“เออๆๆ เธอไม่ชอบเขา โอเคหรือยัง?งั้นเธอบอกมาซิว่าเธอผิดสังเกตยังไง?”
“ฉัน……”เจียงเสี่ยวไป๋กลับพูดไม่ออก ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
“เธอดูเธอซิ ยังหยิ่งอีก เธอก็คือมีความรู้สึกดีๆกับคนอื่นนั่นแหละ ว่าแต่ เซียวซู่คนนั้นหน้าตาหล่อดีนะ ถ้าไม่ใช่ว่าฉันมีเทพบุตรของฉันแล้ว อยู่กับผู้ชายแบบนี้นานเข้า ฉันก็อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกดีๆกับเขาหรอก”
ฟังถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋หรี่ตาขึ้นมา“เธอจะบอกว่าพอฉันอยู่กับเขานานเข้า ก็เกิดความรักขึ้นมางั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอคิดว่าเป็นไปไม่ได้เหรอ? ถ้าไม่ใช่อยู่ด้วยกันนานแล้วเข้าเกิดความรัก แล้วเธอร้อนรนใจขนาดนี้ทำไม เสี่ยวไป๋ เธอตอบตามตรงดีกว่า ว่าอนาคตอยากอยู่กับเขามั้ย?”
อยู่กับเซียวซู่?
ไม่นานเจียงเสี่ยวไป๋ก็นึกถึงผู้หญิงคนที่อยู่ในใจของเขา เธอส่ายหัวทันที :“ไม่อยาก”
เธอเคยบอกว่าตัวเองจะไม่ไปชอบผู้ชายที่ในใจมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ นี่มันหาความทรมานให้ตัวเองล้วนๆไม่ใช่เหรอ?
“จริงอ่ะ? ไม่อยากจริงๆ?”
“อืม”
“งั้นฉันขอเตือนเธอ ให้รีบย้ายออกมาเถอะ”หลังจากฟางถังถังคอนเฟิร์มความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋ไปหลายครั้ง จึงได้เตือนด้วยความจริงใจ:“ถ้าเธอไม่ย้ายออกมา ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเธอจะยิ่งอยู่ยิ่งชอบเขา พอถึงเวลาเธอถอนตัวไม่ขึ้น ก็จบเห่แล้ว”
ตอนที่ถอนตัวไม่ขึ้น?
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างจนปัญญา:“ฉันคิดว่าฉันไม่มีทางมีวันนั้นหรอก วางใจเถอะ แต่ที่เธอพูดฉันจะลองพิจารณาดู เดิมทีเราสองคนก็ไม่ใช่แฟนจริงๆอยู่แล้ว พักอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ค่อยดีจริงๆ”
“เธอรู้ก็ดีแล้ว ฉันกลัวเธอจะแยกแยะไม่ออก ถึงเวลาเธอเสียใจฉันปลอบใจเธอไม่ได้นะ”
“วางใจเถอะ”
หลังจากวางสาย เจียงเสี่ยวไป๋ได้พลิกตัวมองวิวยามค่ำคืนนอกหน้าต่าง และค่อยๆหลับตาลง
รออีกหน่อยเถอะ ครั้งนี้พอร่วมงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องเขาเสร็จ ก็เหมือนที่เขาพูด หลังจากกลับมาก็คุยกับพ่อแม่เขาให้ชัดเจน
ส่วนเธอก็พูดกับคนในครอบครัวให้ชัดเจนดีกว่า เพราะช่วงนี้ก็ใช้ชีวิตที่สงบสุขจนพอแล้ว พบปะหาคู่ก็พบปะหาคู่ เธอไม่เชื่อว่าเธอจะหาคนที่เข้ากันไม่ได้?
หลังจากตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ลังเลอีก ไม่นานก็เข้าสู่ความฝัน
ไม่นานแผนของสวี่เย็นหวั่นก็เขียนออกมาแล้ว เธออดหลับอดนอนมาหลายคืนถึงเขียนเสร็จ ตัวเองได้อ่านดูหลายรอบ แก้ไปหลายรอบ แน่ใจว่าไม่มีปัญหาถึงมอบให้หานชิง
จากนั้นหานชิงไม่มีการคัดค้าน แผนการที่ช่วยเธอพลิกฟื้นตระกูลสวี่ก็ได้เริ่มขึ้นแบบนี้เลย
“ฉันขอพูดให้ชัดเจนก่อนเลยนะ”สวี่เย็นหวั่นมองหานชิง และพูดทีละถ้อยคำอย่างใจเย็น:“ถึงแม้ฉันยอมรับการช่วยเหลือจากคุณ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่รับของๆคนอื่นฟรีๆ ตอนนี้คุณช่วยฉัน ถึงเวลาบริษัทก่อตั้งขึ้นมา คุณก็คือหุ้นส่วนใหญ่สุดของบริษัทนะ”
ได้ยินคำพูดแล้ว หานชิงขมวดคิ้ว:“ไม่ต้องหรอกครับ”
“ฉันรู้ค่ะ ขนาดของบริษัทตระกูลหานในตอนนี้ ต้องไม่แยแสบริษัทเล็กๆของฉันแน่นอน แต่คุณรู้ได้ยังไง ตอนนี้บริษัทฉันเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ต่อไปจะไม่ใช่บริษัทใหญ่ล่ะ? ตระกูลสวี่ในเมื่อก่อนไม่แพ้ตระกูลหานเลยสักนิด”
อันนี้หานชิงรู้ ความสามารถของตระกูลสวี่เขาก็รู้ดี
เขาก็ไม่มีความคิดที่ว่าดูถูก
“เพราะฉะนั้น ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธ”
“เข้าใจผิดแล้วครับ”หานชิงมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยและพูด:“ไม่ใช่ไม่แยแสหุ้นของบริษัทเล็กๆ แต่แค่ผมไม่อยากคลุกคลีกับคุณมากเกินไปเฉยๆ”
คำพูดที่พูดออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สวี่เย็นหวั่นปากซีด เธอเงยหน้ามองหานชิงอย่างเหลือเชื่อ
“ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของข่าวลือ ทำให้ว่าที่ภรรยาผมเกือบจะไปจากผม ดังนั้นต่อไปผมจะไม่คลุกคลีกับผู้หญิงคนไหนๆอีก เพราะฉะนั้นไม่ใช่มีความคิดเห็นกับบริษัทของคุณ หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ”
เข้าใจ?
สวี่เย็นหวั่นปากสั่น“ว่าที่ภรรยา? นี่คุณ ขอเธอแต่งงานแล้วเหรอคะ?”
“อืม”หานชิงพยักหน้า:“ถึงเวลาได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว เรียนเชิญคุณมาดื่มเหล้ามงคลด้วยนะครับ”