บทที่1390 ว่าที่ลูกสะใภ้
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูร่างเงาของเขา ก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ เธอก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเองแล้วได้รีบตามเขาไป
ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋กลับ เหลียงหย่าเหอเข้ามากุมมือเธอไว้อย่างคนใกล้ชิด:“เสี่ยวไป๋ หนูไม่สบายใช่มั้ย? ถึงได้ไปห้องน้ำนานขนาดนั้น”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกอาย “คุณน้าคะ หนูไม่เป็นไรค่ะ แค่ไปเติมแป้งเฉยๆค่ะ”
ได้ยินเธอบอกว่าไปเติมแป้ง เหลียงหย่าเหอก็คลายความสงสัยในทันที หัวเราะแล้วพูดว่า:“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง เสี่ยวไป๋ของเราสวยมากๆอยู่แล้ว เติมแป้งไม่เติมแป้งก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก หนูเหนื่อยมั้ย? หรือไม่เราพักผ่อนสักพักมั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อีกหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว งานแต่งก็ไม่ได้เริ่มเร็วขนาดนั้น ถ้าเหนื่อยเราก็พักผ่อนที่นี่หนึ่งชั่วโมงก่อน”
“คุณน้าคะ ไม่เป็นไรค่ะ เราออกเดินทางตอนนี้เถอะค่ะ”
“ไม่ต้องพักผ่อนจริงๆเหรอ?”
“ไม่ต้องจริงๆค่ะ ไปเถอะค่ะ~”
“ก็ได้ ถ้าหนูไม่สบายต้องบอกกับน้าและคุณลุงนะ น้าคนนี้ต้องเข้าข้างหนูอยู่แล้ว งานแต่งก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก”
“อืม ขอบคุณค่ะคุณน้า”
ได้เห็นความห่วงใยของเหลียงหย่าเหอแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกอบอุ่นใจมาก
ถ้าหากเธอกับเซียวซู่มีอะไรกันจริงๆล่ะก็ แม่สามีอย่างเหลียงหย่าเหอ คงจะเป็นแม่สามีที่ลูกสะใภ้ทั้งหลายอยากได้มากที่สุด เป็นคนที่ดีกับลูกสะใภ้ไปทุกอย่าง
ถ้าหากแม่สามีทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด แบบนั้นแม่สามีกับลูกสะใภ้บนโลกนี้ก็ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว
แต่เสียดาย……..
ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋มืดมน และเธอก็ไม่ได้คิดให้ลึกลงไป
ทุกคนได้เริ่มออกเดินทางใหม่อีกครั้ง และได้มาที่สถานที่งานแต่งอย่างรวดเร็ว
ตอนที่พวกเขาลงจากรถ ก็มีคนเข้ามาต้อนรับ
เซียวซู่เดินอยู่ข้างหลังของเจียงเสี่ยวไป๋ และอาศัยโอกาสนี้บอกกับเธอด้วยเสียงเบาว่า:“อีกเดี๋ยวถ้าทุกคนถามคำถามคุณ ถ้าคุณรู้สึกรำคาญ ก็ไม่ต้องตอบนะ”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋มองเขาด้วยสายตาตะลึง:“ถ้าไม่ตอบ จะไม่ขัดใจคนเข้าเหรอคะ?”
“ผมช่วยคุณรับเอาไว้เอง”
เสียงที่ทุ้มต่ำและหนักแน่นของเขา มีพลังแบบนึงที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจ ตอนที่พูดคำๆนี้ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋อึ้งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นได้ตอบเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
“โอเคค่ะ งั้นถ้าถึงเวลานั้นถ้าฉันก่อปัญหาใหญ่อะไรขึ้นมา คุณก็ต้องช่วยออกหน้าแทนฉันนะ”
“อืม”
เซียวซู่ตอบเธอแบบไม่รู้สึกอะไร
หลังจากนั้นเขาก็เหมือนกับสังเกตถึงอะไรบางอย่าง สายตาจ้องไปที่ตาของเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวไป๋กำลังจ้องมองเขาอยู่ สายตาทั้งสองได้เข้าหากัน มองหน้ากันประมาณเจ็ดวิ
จู่ๆเจียงเสี่ยวไป๋ก็นึกคำคมคำนึง
ถ้าหากคุณกับคนอีกคนจ้องตากันเกินเวลาเจ็ดวิขึ้นไป คุณจะต้องรักเขาอย่างสุดหัวใจโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่ก่อนแค่เคยได้ยิน แต่ตอนนี้กลับมีโอกาสได้พิสูจน์แล้ว เธอรักเซียวซู่หรือไม่ เธอไม่รู้
แต่วินาทีนี้หัวใจเธอเต้นแรงมาก
ตุ๊มๆต่อมๆ!
ตุ๊มๆต่อมๆ!
เสียงหัวใจ หัวใจของเธอเต้นชนที่ทรวงอกของเธออย่างแรง เหมือนกับว่าจะพุ่งทะลุออกมาจากข้างใน
เจียงเสี่ยวไป๋หันหน้าไป เพื่อหลบสายตาของเซียวซู่
เซียวซู่เม้มปาก พบว่าใบหูที่เดิมทีขาวใสของเธอนาทีนี้ได้กลายเป็นสีชมพูแล้ว น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม
เขาดึงสายตากลับ กลืนน้ำลายลงอย่างน่าอนาถ สะกดความร้อนรุ่มของในใจ
“ใช่ๆๆ เซียวซู่ก็มาเหมือนกัน”
เหลียงหย่าเหอที่อยู่ทางโน้นได้ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับญาติพอสมควรแล้ว จากนั้นคนกลุ่มนึงก็ได้มองมาทางพวกเขา เหลียงหย่าเหอมองทิศทางของเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความพึงพอใจ และพูดอย่างยิ้มแก้มปริ: “ในที่สุดครั้งนี้เซียวซู่ก็มีอนาคตแล้ว หาแฟนได้คนนึง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีมาก ไม่นานก็จะแต่งงานแล้ว แฟนของเขาจึงได้มาร่วมงานแต่งด้วยกัน”
เซียวซู่กับเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่ไม่ไกลได้ยินว่าพวกเขากำลังจะแต่งงาน: “……”
ทั้งคู่ค่อนข้างอึดอัดทำอะไรไม่ถูก ในขณะเดียวกันก็กำลังคิดอยู่ว่า ทั้งๆที่พรุ่งนี้กลับไปก็เตรียมจะเปิดเผยความจริงแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเหลียงหย่าเหอจะบอกกับญาติๆว่าพวกเขากำลังจะแต่งงาน
ที่จริงสถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าเหลียงหย่าเหอดีกับเจียงเสี่ยวไป๋มาก เธอจะรู้สึกเกลียดอาวุโสแบบนี้จริงๆ แต่หน้าตาที่หัวเราะแหยๆของเหลียงหย่าเหอก็ทำให้คนรู้สึกว่าเธอไม่มีเจตนาร้ายเลยสักนิด เธอดีกับเจียงเสี่ยวไป๋จริงๆ
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็สามารถรู้สึกได้อย่างจริงจัง
คิดถึงตรงนี้ เธอกดเสียงต่ำถามเซียวซู่:“จะทำยังไงคะ? แม่คุณเป็นมิตรมาก รอให้ครั้งนี้ร่วมงานแต่งเสร็จ ถึงเวลาทุกคนจะนึกว่าคุณจะแต่งงานแล้วหรือเปล่า?” เซียวซู่ไม่ได้พูด แต่สีหน้าท่าทางค่อนข้างจนปัญญา
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่อ:“อีกอย่างคุณดูแม่คุณสิดีใจมากเลย ถึงเวลาถ้าพวกเราเปิดเผยกับท่าน ท่านจะเสียใจหรือเปล่าคะ?”
เซียวซู่มองเธอทีนึง
เจียงเสี่ยวไป๋กระพริบตาปริบๆ จับพลัดจับผลูพูดไปคำนึง:“หรือไม่ พวกเราก็แกล้งเล่นละครให้เป็นความจริงไปเลย?” หลังจากพูดคำนี้ออกมา ทั้งคู่ได้อึ้งพร้อมๆกัน
เซียวซู่คือคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้ เพราะฉะนั้นเลยอึ้งค้าง ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะพูดคำพูดที่หน้าไม่อายขนาดนี้ออกมา แล้วมองสีหน้าที่อึ้งค้างไว้ไม่รู้จะตอบยังไงของเซียวซู่ เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที สีหน้ากลับไม่เผยออกมาเลยสักนิด กลับกันยังแกล้งไปควงแขนของเซียวซู่
“ทำไม? แค่นี้ก็ล้อเล่นไม่ได้เหรอ? ฉันก็แค่พูดไปงั้นๆแหละ คุณก็สีหน้าเปลี่ยนแล้ว? คุณก็ไม่ลองคิดดู ว่าฉันจะชอบคุณเหรอ?” หัวใจที่เมื่อกี๊ถูกเย้าแหย่จนหวั่นไหว ตอนนี้ราวกับถูกน้ำเย็นกะละมังนึงสาดลงมาจากศีรษะ เปลวไฟทั้งหมดได้ดับสนิท
สีหน้าและแววตาของเซียวซู่กลับคืนสู่ความเยือกเย็น“คุณคิดมากไปแล้ว”
“ฉันคิดมากไป? คุณอย่ามาทำสีหน้าใส่ฉันนะ วันนี้เป็นงานแต่งของญาติทางฝั่งคุณเชียวนะ ถ้าคุณทำสีหน้าแบบนี้ให้ฉันขายหน้าล่ะก็ ฉันไม่เกรงใจคุณนะจะบอกให้”เจียงเสี่ยวไป๋เสียงเบาเตือนเขา
ส่วนเซียวซู่กลับไม่รู้คิดอะไร ได้ตอบเรื่อยเปื่อยไปคำนึง
“ขายหน้าแล้วจะทำไม? เพราะยังไงซะกลับไปก็จะเปิดเผยความจริงอยู่ดี แค่ล่วงหน้าเฉยๆ”
คำพูดนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋เย็นหดหู่ใจทันที เธอกัดริมฝีปากล่างไว้กำลังอยากจะเปิดปากด่าทอ ทางฝั่งของเหลียงหย่าเหอก็ได้พาญาติเดินมาแล้ว
“อุ๊ย ดูสองคนนี้สิความสัมพันธ์ดีจะแย่อยู่แล้ว ฉันเพิ่งเดินไปพักเดียวเอง เขาสองคนก็กอดกันแล้ว”เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างหมดคำพูด ไม่เห็นเหรอว่าหน้าของลูกชายคุณน้าแย่ขนาดนี้แล้ว? แต่เหลียงหย่าเหออาจจะเพิกเฉยลูกชายเขาอัตโนมัติแล้ว สายตาเธอหัวใจเธอเห็นแค่เจียงเสี่ยวไป๋คนเดียวเท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีกะจิตกะใจรับมือ แต่พอนึกถึงความจริงใจและเลือดอันร้อนรุ่มของเหลียงหย่าเหอ สุดท้ายก็ได้ยิ้มตาหยีและพูด:“สวัสดีค่ะ พี่ป้าน้าอาทุกท่าน”
เจียงเสี่ยวไป๋หน้าตาสวยมาก หุ่นสูงเพรียว บวกกับการแต่งตัวของเธอในวันนี้มีบุคลิกที่ดูดีมาก คนสวยมักจะดึงดูดสายตาคนได้มากเป็นพิเศษ เธอยิ้มปุ๊บ ทันใดนั้นคนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มองจนเอ๋อ
คนที่ตรงไปตรงมา ได้พูดกับเหลียงหย่าเหอโดยตรง:“หย่าเหอ ว่าที่สะใภ้ของเธอสวยจังเลย ไปหาหญิงสาวที่สวยขนาดนี้มาจากไหน หาให้เทียนหมิงสักคนสิ”
เหลียงหย่าเหอฟังแล้วเกือบจะหน้าดำหน้าเขียว.แต่เห็นแก่ที่เป็นญาติกันสุดท้ายก็ได้ควบคุมอารมณ์ไว้แล้วพูด:“ความรักเนี่ยต้องอาศัยวาสนา เสี่ยวไป๋มีวาสนากับเซียวซู่ ย่อมอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว เทียนหมิงอยากมีแฟน มันก็ต้องดูที่วาสนา อยากหาก็จะหาได้เสียที่ไหนล่ะ?”