บทที่140 พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยาจริงๆ
รอจนเกือบจะครึ่งชั่วโมง เสิ่นเฉียวกับเย่หลิ่นหานถึงจะกินข้าวเสร็จแล้วออกมา ทั้งสองคนเดินผ่านห้องของหานเส่โยวไป
หานเส่โยวเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็รีบหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วรีบตามไปทันที
เธอตามอยู่ด้านหลังของทั้งสองคน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้อีกรูปหนึ่ง แล้วก็รีบไปแอบ ราวกับตัวเองเป็นโจรอย่างนั้น
เธอตามพวกเขาไปจนถึงลานจอดรถ หานเส่โยวก็ถ่ายรูปไว้ได้หลายรูป
ยังไม่ทันจะได้หันหลังกลับไปดู จู่ๆเสิ่นเฉียวก็หยุดเดิน แล้วก็มองไปข้างหลัง
เย่หลิ่นหานที่เดินอยู่ข้างๆก็หยุดเดินเช่นกัน “เป็นอะไรเหรอ?”
เสิ่นเฉียวมองไปรอบๆลานจอดรถที่เงียบสงัด เธอพูดขึ้นเพราะรู้สึกแปลกๆ “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า กำลังมีคนตามพวกเราอยู่?”
พูดจบ เย่หลิ่นหานก็มองไปรอบๆเช่นเดียวกัน แต่ว่าเขากลับมองไม่เห็นใคร พูดขึ้นเสียงเบา “ไม่เห็นมีใครเลยตาฝาดหรือเปล่า?”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เสิ่นเฉียวก็คิดว่าอาจจะเป็นตัวเองที่ตาฝาด แล้วก็ตอบเขา
“ฉันอาจจะตาฝาดไปเอง”
“ไปกันเถอะ กลับกันได้แล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ถ้าเกิดกลับไปช้า โม่เซินจะโกรธเอานะ” เย่หลิ่นหานเปิดประตูรถ แล้วเอามือวางไว้บนหลังคา พอเสิ่นเฉียวเข้าไปด้านในแล้ว หานเส่โยวที่หลบอยู่ตรงมุมๆหนึ่ง ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้อีก
เย่หลิ่นหานเหมือนกับรับรู้ได้ สายตาของเขาหันไปมองทางที่หานเส่โยวอยู่ แล้วกวาดตามองอีกรอบ
หานเส่โยวตกใจจนต้องกลับไปหลบอยู่หลังเสา ใจของเธอเต้นตึกๆ
นี่เธอโดนจับได้แล้วเหรอ? อย่างนั้นรูปที่เธอถ่ายวันนี้จะโดนเอาไปด้วยหรือเปล่า….. แล้วอีกเดี๋ยวถ้าเธอต้องเผชิญหน้ากับเฉียวเฉียวตรงๆ เธอจะบอกกับเฉียวเฉียวว่ายังไงดี?
ใจของหานเส่โยวเต้นไม่เป็นจังหวะ พอผ่านไปแป๊บหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงรถขับออกไป
เธอเพิ่งจะโผล่หน้าออกมาจากเสาที่แอบอยู่ มองรถคันนั้นที่เพิ่งจะขับออกไป
เย่หลิ่นหาน…..ตกลงว่าเขาเห็นเธอหรือเปล่านะ?
*
“พี่ใหญ่ วันนี้ขอบคุณนะคะ”
หลังจากที่รถมาถึงบ้านตระกูลเย่ เสิ่นเฉียวก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วก็หันไปขอบคุณเย่หลิ่นหาน
ใบหน้าของเย่หลิ่นหานประดับไปด้วยรอยยิ้ม พูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มทุ้ม “คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว เธอเข้าไปเถอะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่ อย่างนั้นฉันไปนะคะ”
พูดจบ เสิ่นเฉียวก็เปิดประตูแล้วลงจากรถ
เพราะว่าไปกินปลาต้มกันมา บนตัวของเสิ่นเฉียวก็เลยเต็มไปด้วยเหงื่อ พอกลับถึงห้องเธอก็รีบเข้าไปอาบน้ำทันที จะได้ล้างกลิ่นที่อยู่บนตัวไปด้วย
ตอนที่เธออาบน้ำเสร็จแล้วออกมา เย่โม่เซินก็ยังไม่กลับมา
ตอนที่เสิ่นเฉียวเอาผ้าขนหนูมาซับผม เธอกลับพบว่าทั้งผ้าห่มและผ้าที่ใช้รองปูนั้นหายไปเลยทั้งหมด
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอหันหลังกลับไปมองในห้อง มีแค่บนเตียงของเย่โม่เซินที่มีผ้าห่มวางอยู่
เกินไปแล้วนะ!
เสิ่นเฉียวรีบไปถามกับคนใช้สาวทันที
คนใช้สาวพอเห็นเสิ่นเฉียวสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที “คือว่า คุณนายน้องสองคะ….ผ้าห่ม…มันสกปรกค่ะ พวกเราก็เลยเอาไปซัก”
“เอาไปซัก?” เสิ่นเฉียวตาโต “แต่ฉันไม่ได้สั่งให้พวกเธอซักแทนฉันนี่?”
“ขอโทษนะคะคุณนายน้อยสอง ตอนที่พวกเราทำความสะอาด เห็นว่าผ้าห่มมันสกปรก พวกเราก็เลยเอาไปซักให้ค่ะ คุณนายน้อยสองอย่าโกรธเลยนะคะ”
ช่างมันเถอะ เสิ่นเฉียวขี้เกียจจะซักไซ้แล้ว เธอทำได้แค่เปลี่ยนเรื่อง “ช่างมันเถอะ ซักก็ซัก อย่างนั้นเธอให้ผ้าห่มผืนใหม่กับฉันอีกสองผืนได้ไหม?”
เมื่อวานตอนที่มาเอาไม่มี วันนี้น่าจะมีแล้วใช่ไหม?
แต่คนใช้สาวกลับพูดอย่างตะกุกตะกัก “คุณนายน้อยสอง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ผ้าห่ม…. ยังไม่แห้งเลยค่ะ”
เธอพูดติดๆขัดๆ เหมือนกับลมในปอดเธอมันไม่พอ สายตาก็ไม่กล้าจะมองตรงมาที่เสิ่นเฉียว
เสิ่นเฉียวได้ยินอย่างนั้น อีกนิดก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา
ผ้าห่มทั้งหมดยังไม่แห้ง วันนี้ก็มาเอาผ้าผืนที่เธอใช้รองนอนไปอีก เสิ่นเฉียวรู้สึกเอือมระอา “ผ้าห่มก็ไม่มีแล้ว อย่างนั้นคืนนี้จะให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนเธอ?”
คนใช้สาวได้ยินแบบนั้นก็ตกใจจนถอยหลังไปสองก้าว อีกนิดก็แทบจะล้มลงไปนอนอยู่ตรงหน้าของเสิ่นเฉียว
“อย่านะคะ คุณนายน้องสอง ในห้องไม่ใช่ว่ายังมีอีกผืนเหรอคะ? คุณนายน้อยสองก็นอนกับคุณชายสองก็ได้นี่คะ”
“……..”
ให้เธอกับเย่โม่เซินนอนด้วยกัน? ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก!
“เป็นเย่โม่เซินใช่ไหม ที่สั่งให้เธอทำแล้วก็พูดกับฉันแบบนี้?”
“ไม่ใช่นะคะ” คนรับใช้สาวส่ายหน้า แต่พอเสิ่นเฉียวกำลังจ้องอยู่ก็พยักหน้า “เป็นคุณชายสองที่บอกว่าผ้าห่มของคุณนายน้องสองสกปรก ให้คนมาเอาไปซัก ส่วนประโยคด้านหลังนั้น…… ดิฉันเป็นคนพูดเองค่ะ”
เธอทัดผมของตัวเอง พูดออกมาอย่างเกร็งๆ “คุณนายน้องสองกับคุณชายสองเป็นสามีภรรยากัน นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องปกติเหรอคะ?”
ใช่ไง สามีภรรยานอนเตียงเดียวกันเป็นเรื่องปกติมากๆ
แต่ว่าเธอกับเย่โม่เซินไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆเสียหน่อย
พวกเธอเป็นสามีภรรยากันตามสัญญา
แค่รอจนถึงเวลา เธอก็จะรีบออกไปจากบ้านตระกูลเย่ในทันที บวกกับแต่ก่อนพวกเธอไม่เคยนอนด้วยกันเลยสักครั้ง นอกจากเรื่องสุดวิสัยครั้งนั้นแค่ครั้งเดียว
แต่ว่าเรื่องนั้นสำหรับเสิ่นเฉียว มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย
“ให้ผ้าห่มฉันไม่ได้จริงๆเหรอ?” เสิ่นเฉียวถามอย่างลำบากใจ
คนรับใช้สายมีสีหน้าหวั่นเกรง “คุณนายน้อยสอง ฉัน….”
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบากใจแล้ว เธอไปเถอะ”
คนรับใช้สาวถึงได้หนีออกมา
รอให้เธอไปแล้ว เสิ่นเฉียวก็เข้าไปในห้องน้ำ มองตัวเองกับสภาพผมที่ยุ่งเหยิงในกระจก
ใบหน้านี้ หน้าตาดูไม่ได้ ผมเผ้าก็ไม่เรียบร้อย สภาพแบบนี้ของเธอ มีสิทธิ์อะไรที่จะเป็นไปคนในดวงใจของคนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ทางกาย คราวหลังถึงได้เปลี่ยนวิธีติดต่อกัน
เสิ่นเฉียวเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ให้ใช้วิธีแบบนั้นเพื่อได้มา เธอเองก็ไม่ต้องการ
เช็ดผมจนแห้ง เสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาด เสร็จแล้วก็ออกไป
ตอนที่กำลังอยู่ในลิฟต์ ก็เห็นว่าเย่โม่เซินกลับมาแล้ว สายตาของทั้งสองคนประสานกันในอากาศ ครั้งนี้เธอไม่ได้รอให้เย่โม่เซินเบนสายตาไปก่อน เสิ่นเฉียวก็เป็นคนเบนสายตาไปเองโดยอัตโนมัติ เสร็จแล้วก็หลบไปอีกด้าน ให้เขาออกมาก่อน
เซียวซู่เข็นเย่โม่เซินออกมา เขาถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ผู้ช่วยเสิ่น ดึกขนาดนี้แล้ว คุณจะออกไปอีกเหรอครับ?”
เสิ่นเฉียวพยักหน้าแล้วตอบไป “มีเรื่องนิดหน่อย”
พวกเขาออกมาจากลิฟต์ เสิ่นเฉียวก็เข้าไปในลิฟต์ เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรออก ตอนที่กำลังจะอ้าปากเรียกให้เธอหยุด ประตูลิฟต์ก็ปิดลงไปแล้ว
เซียวซู่เข็นเขาไปด้านหน้า พูดไปแล้วก็เดินไป “คุณชายเย่ ระหว่างคุณกับผู้ช่วยเสิ่นเกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้ผมเห็นว่าผู้ช่วยเสิ่นไม่แม้แต่จะมองคุณด้วยซ้ำ อีกอย่างดึกดื่นขนาดนี้ เธอจะออกไปทำอะไรอีก?”
“………..”
“คุณชายเย่ ไม่อย่างนั้น…..”
“หุบปาก”
เย่โม่เซินแผ่บรรยากาศเย็นออกมารอบตัว เขาทำให้เซียวซู่ปิดปากและไม่กล้าพูดอะไรอีกได้สำเร็จ
เสิ่นเฉียวหลังจากที่ออกมาจากบ้านตระกูลเย่แล้ว ก็ออกมาเดินห้างสรรพสินค้าใกล้ๆเพื่อที่จะซื้อผ้าห่มกลับไป รวมถึงผ้าปูที่นอนกับหมอนด้วย
สิ่งที่ยังนับได้ว่าเป็นเรื่องที่โชคดีก็คือ เธอยังพอมีเงินเหลืออยู่นิดหน่อย พอที่จะซื้อของทั้งหมด
รอจนเธอซื้อของเสร็จถือข้าวของกลับมาถึงบ้านตระกูลเย่ เปิดประตูมาก็เจอเข้าเก็บสายตาเย็นชาเหมือนน้ำแข็งของเย่โม่เซิน เสิ่นเฉียวก็กำถุงผ้าห่มกับหมอนในมือแน่น เธอถอดรองเท้าแล้วก็เดินเข้าไปภายในบ้าน
พอเห็นสิ่งที่เธอถือมามือ เย่โม่เซินก็ยิ้มเย็น “คุณนี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆเลยนะ นอนอยู่บนเตียงเดียวกันผมมันทรมานมากหรือยังไง?”
ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวหยุดลง แล้วเธอก็เดินไปกางผ้าห่มไว้บนเตียงเงียบๆ พอจัดการเสร็จเรียบร้อย ถึงได้ตอบเย่โม่เซิน
“ต่อไป คุณก็เลิกสั่งให้พวกคนรับใช้ผู้หญิงพวกนั้นมาเก็บผ้าห่มของฉันไปได้แล้วนะ เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันเกรงว่าอีกห้าเดือนที่เหลือ ฉันจะอยู่ต่อไม่ไหว…….”