บทที่ 1395 เสี่ยวไป๋หนีไปแล้ว
“ในเมื่อยังไม่ได้คิดอะไรให้ชัดเจน แล้วทำไมนายถึงทำแบบนี้ล่ะ?น่าโมโหมากจริงๆ เสี่ยวไป๋เด็กคนนี้ดีขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยอมให้นาย….จริงๆ”
เหลียงหย่าเหอโกรธมากจนจะไม่ไหว ขบกัดฟันพูดว่า: “เซียวซู่ฉันจะบอกนายให้ ถ้าหากนายไม่รับผิดชอบ ต่อจากนี้ไปนายก็ไม่ใช่ลูกชายของเหลียงหย่าเหออย่างฉัน”
นี่คือการบังคับเขา?
เซียวซู่มองไปที่เหลียงหย่าเหออย่างช่วยไม่ได้ “ คุณแม่ เสี่ยวไป๋หนีไปแล้ว”
“อะไรนะ?”
เหลียงหย่าเหอได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋หนีไปแล้ว ก็เริ่มไม่สามารถตอบสนองกลับได้เล็กน้อย จากนั้นก็อาศัยสมองของตัวเองในการเชื่อมต่อก่อน และทันใดนั้นก็เบิกตากว้างและพูดว่า: “หนีไปแล้ว?ทำไมหนีไปล่ะ?เป็นเพราะเรื่องนี้เหรอ?ลูกชาย นายคงไม่ได้บีบบังคับเธอหรอกสินะ?”
บีบบังคับ?
เซียวซู่นึกกลับไปที่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความทรงจำของเขายังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะว่าตอนนั้นเขายังมีสติอยู่ ดังนั้นจึงรู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น เป็นเขาเองที่ไม่ได้ควบคุมตัวเองให้ดี
แม้ว่ามันจะไม่ใช่การบีบบังคับ แต่ว่าเสี่ยวไป๋เมามากถึงขนาดนั้น คำนวณดูแล้ว เขาก็นับว่ามีความเสี่ยงแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซียวซู่ก็ลดสายตาลง และไม่ตอบ
“นายสับสนล่ะสิ!”
เมื่อเหลียงหย่าเหอมองเห็นดวงตาของเซียวซู่เป็นเช่นนี้ ก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ โมโหจนตบเข้าไปไหล่ของเซียวซู่หนึ่งฝ่ามือ และพูดอย่างโมโหว่า: “ทำไมฉันถึงสอนลูกชายแบบนายคนหนึ่งได้นี่ แม้ว่าการรุกจะเป็นเรื่องที่ดี แต่นายก็ไม่สามารถบีบบังคับเธอได้ ผู้หญิงดีๆคนหนึ่ง พอถึงตอนนั้นถูกนายทำให้ตกใจกลัวจนหนีไปแล้ว นายจะไปหาผู้หญิงดีๆแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะ? “
เซียวซู่เม้มริมฝีปาก “ คุณแม่ ก็ไม่นับว่าบีบบังคับนะครับ เราแค่ … ”
“ นายฟังดูนะ นายพูดอย่างไม่มีความมั่นใจเช่นนี้ จะไม่ถือว่าเป็นการบีบบังคับได้อย่างไร?ฉันจำได้แล้ว เมื่อคืนเสี่ยวไป๋เมา นายก็อาศัยจังหวะที่เธอเมาใช่ไหม?ตอนนี้เธอตื่นแล้ว ก็เลยโมโหจนหนีไป นายยังมีอารมณ์มาจะทานข้าวเช้าอีกเหรอ?”
เซียวซู่อธิบายอย่างจนปัญญา: “ผมไม่ได้ลงมาทานอาหารเช้า ผมลงมา … “
“ ยังไม่รีบไปตามเสี่ยวไป๋มาให้ฉันอีก นายยังมีอารมณ์มานั่งอยู่ตรงนี้อีกเหรอ?นายมันไอ้ชั่ว”
อย่างไรก็ตามเหลียงหย่าเหอไม่ได้ตั้งใจจะฟังเขาพูดให้จบ ตีเขาแรง ๆ เซียวซู่ถูกทุบตีจนทำได้เพียงแค่ลุกขึ้น “ คุณแม่ หยุดตีได้แล้ว ผมไม่ได้ลงมาทานอาหารเช้า ผมแค่ลงมาคุยกับคุณ”
“จะมาคุยอะไร?จะมาคุยอะไร?เรื่องไปถึงไหนต่อไหนแล้วนายยังมีอารมณ์มาคุยอีก?ยังไม่รีบไปตามเซียวไป๋กลับมาให้ฉันอีก!”
สุดท้ายเซียวซู่ก็ถูกทุบจนต้องหนีไป เหลียงหย่าเหอนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยอย่างโมโห รอให้เรื่องจบลง เหลียงหย่าเหอถึงจะรู้ตัวว่ามีคนที่อยู่ใกล้ ๆ กำลังมองเธออยู่
แย่แล้ว เมื่อสักครู่นี้ตื่นเต้นจนพูดจาเพ้อเจ้อไป แล้วก็ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นได้ยินหรือเปล่า?
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยิ้มและพูดว่า: “คู่รักทะเลาะกัน ฉันให้ลูกชายของฉันตามแฟนของเขากลับมา หวังว่าไม่ได้รบกวนทุกๆคนนะคะ ทุกคนทานต่อเถอะค่ะ”
เซียวหมิงจื้อที่นั่งอยู่ข้างๆเหลียงหย่าเหอเมื่อคืนและดื่มมากเกินไป หลังจากตื่นมาในเช้านี้ศีรษะของเขายังคงมึนงง เดิมทีอยากนอนต่ออีกสักหน่อย แต่ถูกเหลียงหย่าเหอบังคับให้ลงไปทานอาหารเช้า แต่ว่าเขาไม่มีอารมณ์ทานอาหารอะไร นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างมึนงงซะส่วนใหญ่
เมื่อเขาตื่นขึ้นก็มองเห็นภรรยาของตัวเองกำลังทุบตีลูกชายของเขาอย่างเมามัน จนกระทั่งเซียวซู่ถูกทุบตีจนหนีไป เขาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
.
เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปยังที่พัก หลังจากผลักเปิดประตูก็ตะลึงงัน
เธอยังจำได้ว่าครั้งแรกที่มาที่นี่ ที่นี่ว่างเปล่าแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่นั้น ที่นี่ก็กลายเป็นเหมือนบ้านของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในช่วงเวลานี้ เธอล้วนแต่มีภาพลวงตาหนึ่งอย่าง ราวกับว่าที่นี่ก็คือที่อยู่อาศัยของเธอ และเป็นของของเธอ
แต่ตอนนี้กลับพบว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ภาพที่ปรากฏในใจ เพียงแค่เธอคิดไปเองในใจก็เท่านั้นเอง
เพียงแค่นำสิ่งเหล่านี้ที่เป็นของเธอออกไป สถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลยแม้แต่น้อย
คิดๆดูแล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาที่เหมือนคริสทัลตรงมุมตา ริมฝีปากเผยรอยส่วนโค้งที่สวยงามขึ้นมา
“จันทรามีคืนอับแสงย่อมมีคืนเพ็ญอำไพ เฉกเช่นเดียวกับคนมีพบย่อมมีจาก เดิมทีก็ไม่ใช่ความจริง มีอะไรให้ฉันน่าเศร้าใจเหรอ?”
หลังจากพูดจบ เธอก็ปิดประตูห้อง หลังจากนั้นนำโทรศัพท์และกระเป๋าไปวางไว้ข้าง ๆ แล้วเริ่มเก็บข้าวของของตัวเอง
ตอนก้มตัวนั้น ขาและเอวที่เจ็บปวดยังคงยกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอในเมื่อคืนมาตลอด อันที่จริงเธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย
ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เธอก็ไม่ควรดื่มไวน์ไปตั้งหลายแก้ว
แต่ว่าตอนนั้นถูกเซี่ยวซู่ทำให้โมโหมากๆ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากมายชั่วขณะ เลยดื่มไปสองสามแก้ว!
สีสันของไวน์ ทำให้คนเข้าใจผิด เป็นเช่นนั้นจริง ๆ !
เมื่อนึกถึงตัวเองได้สูญเสียครั้งแรกไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย แต่ก็เริ่มปลอบใจตัวเองด้วยทันที
“ไม่เป็นไร เราเป็นผู้หญิงยุคใหม่ นี่นับว่าอะไร?อย่างไรฉันก็รู้สึกดี ถือว่าไม่เสียแล้วกัน!”
หลังจากปลอบใจตัวเองเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มเก็บข้าวของของตัวเองอย่างช้าๆอีกครั้ง และเตรียมตัวหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อจะเรียกคนของบริษัทขนย้ายของให้มาช่วย
เปิดเครื่อง จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็รีบหาหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของเซียวซู่เพื่อบล็อกอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นก็โทรศัพท์หาคนของบริษัทขนย้ายของ
หลังจากที่คนของบริษัทขนย้ายของได้ยืนยันราคาและที่อยู่กับเจียงเสี่ยวไป๋เรียบร้อยแล้วจึงวางสายไป และรับปากว่าจะเข้ามาภายในหนึ่งชั่วโมง
เจียงเสี่ยวไป๋วางโทรศัพท์ลง และภายในหัวใจก็ค่อยๆสงบลง
หลังจากผ่านวันนี้ไป ทั้งสองน่าจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีกแล้วใช่ไหม?
แล้วก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาตื่นมาแล้วนั้น จะมีปฏิกิริยาอย่างไร? เขาในตอนนี้ได้ไปหาเหลียงหย่าเหอเพื่อสารภาพความจริง และบอกให้ชัดเจนว่าทั้งสองแกล้งเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?
เหอะ ตอนนี้เธอยังคิดเรื่องนี้ไปทำไม ยังไงซะก็ตกลงเรื่องนี้ตั้งแต่แรกไปแล้ว จะรู้สึกแย่เพราะเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะของตัวเองแรง ๆ บอกตัวเองว่าอย่าไปคิด หลังจากนั้นก็เก็บข้าวของต่อ
แล้วก็ไม่รู้ว่าเซียวซู่ตื่นขึ้นมาตอนไหน แค่หวังว่าเธอจะเก็บของเสร็จก่อนที่เซียวซู่จะกลับมา พอถึงตอนนั้นเขากลับมาก็จะเห็นพื้นที่ว่างเปล่า และเธอก็ไม่ต้องเจอเขาอีก
อย่างไรก็ตามโลกใบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เก็บของจนเกือบหมดแล้ว คนของบริษัทขนย้ายของก็ยังไม่มา เจียงเสี่ยวไป๋จึงทำได้แค่โทรศัพท์ไปหาพวกเขา ทว่าคนกลุ่มกลับบอกว่า ยางรถยนต์แตกบนถนน อาจจะล่าช้าไปครึ่งชั่วโมง
เจียงเสี่ยวไป๋อารมณ์มากภายในทันที อยากที่จะใส่อารมณ์ แต่คิดดูแล้วพวกเขาเป็นแค่พนักงานเฉยๆ ยางแตกยังต้องเสียเงินซ่อมเลย และพวกเขาก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้
ทำอะไรก็ผ่านไปได้อย่างไม่ง่าย เธอจึงทำได้เพียงระงับความโกรธกลับไป “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นพวกนายซ่อมเสร็จแล้วค่อยมาแล้วกัน”
“โอเคครับ ขอบคุณ คุณเจียงที่เข้าใจครับ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋วางสายโทรศัพท์นั้น ก็ทำได้เพียงนั่งรอบนโซฟา และเลื่อนดูโทรศัพท์มือถือไปพลาง หลังจากที่เธอบล็อกหมายเลขเบอร์โทรศัพท์มือถือของเซียวซู่ไปนั้น ก็ไม่ได้รับสายจากเขาอีกเลย
ใน WeChat นอกจากน้องสาวที่แสนดีของเธอและฟางถังถังที่ส่งข้อความมาหาเธอแล้วนั้น ก็เงียบกริบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนั้น
แท้จริงแล้ว เธอกำลังกลัวอะไรอยู่?
บางทีเซียวซู่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องนี้ก็ได้ เพียงแค่เธอรู้สึกประหม่าไปเองเท่านั้น