บทที่ 1408 ตั้งใจเจ็บ
“ไม่ต้องเช็ดแล้ว ลงมาเถอะ”
“ใกล้เสร็จแล้วเนี่ย ยังเหลือ…ว๊าย”
คงเป็นเพราะหล่อนยื่นมือไกลเกินไป จึงทำให้ตัวเองลื่น มองตรงไปเห็นหล่อนกำลังจะล้มลงมาจากบันได
วินาทีนั้น เสี่ยวเหยียนมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือลูกในท้องของหล่อน
หล่อนกลัวมาก รู้สึกเสียใจภายหลังว่าทำไมตัวเองถึงไม่ยอมเชื่อฟังหานชิง ทำไมต้องดื้อรั้น ทำไมหล่อนถึง…
ความเจ็บปวดที่คาดหวังไว้ไม่ได้มาจากร่างกาย หานชิงอ้าแขนรับหล่อนไว้ได้ทัน ตัวของหล่อนจึงล้มเข้าไปในอ้อมอกของเขาพอดี
หานชิงคิดไว้แล้วว่าอาจเกิดอันตราย เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทายถูก ตอนที่ตกลงมา หานชิงรู้สึกราวกับหัวใจแทบจะหยุดเต้น โชคดีที่รับหล่อนไว้ได้
เสี่ยวเหยียนมองตาหานชิงด้วยความหวาดกลัวและตกใจ ใจของหล่อนแทบจะเต้นกระเด็นหลุดออกมาแล้ว
หล่อนมองเขาอยู่สักพัก จู่ๆก็ยื่นมือออกมากอดคอของหานชิงไว้ พูดอ้ำอึ้ง: “ฉันตกใจหมดเลย!”
สาวน้อยเป็นฝ่ายลุกออกมาก่อน คางของหานชิงถูกชนเล็กน้อย ทำให้รู้สึกปวดขึ้นมา แต่ก็รู้สึกตกใจมากเช่นกัน แต่ไม่ว่ายังไงหานชิงก็ยังคงเป็นหานชิง เขาตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และอุ้มเสี่ยวเหยียนขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
เป็นเพราะตกลงมาจากด้านบน แม้ว่าเขาจะรับไว้ได้ แต่ก็กลัวว่าหล่อนจะเจ็บมือหรือมีแผลตรงไหนรึเปล่า ดังนั้นหลังจากที่หานชิงถามเสร็จแล้ว จึงเริ่มตรวจร่างกายเสี่ยวเหยียน
เสี่ยวเหยียนตกใจจนใจเต้นแรงมาก แม้ว่าตอนนี้หล่อนนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้ว แต่สีหน้ายังคงเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอยู่ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าหานชิงไม่กลับมาก่อน ถ้าเขาไม่ได้ยืนรับหล่อนอยู่ด้านข้างพอดี หล่อนก็คงตกลงมาแล้วใช่ไหม
ถ้าหล่อนตกลงมา งั้นเด็กในท้องของหล่อนก็คง…
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เลือดที่ปากของเสี่ยวเหยียนซีดหายไปหมด ยื่นมือไปกุมท้องอย่างไม่รู้ตัว
หานชิงคอยดูอาการของหล่อนอยู่ตลอด เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหล่อนจึงเลิกคิ้วขึ้น: “เป็นอะไรเหรอ? ปวดท้องรึเปล่า?”
เมื่อถูกถามขึ้นเช่นนี้ เสี่ยวเหยียนจึงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ได้แต่ส่ายหน้า: “ปะ…เปล่า”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนจึงเลื่อนมือออกจากท้อง สูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง
“คุณสบายใจได้”
หานชิงเห็นสีหน้าของหล่อนซีดมาก อีกทั้งสายตายังดูลอยๆ จึงหรี่ตาลง “ไม่ได้ ผมยังไม่สบายใจ ไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ”
เมื่อพูดจบ ไม่ว่าเสี่ยวเหยียนจะยินยอมหรือไม่ แต่หล่อนถูกอุ้มตัวขึ้นมาแล้ว
อันที่จริงเรื่องแบบนี้ในชีวิตปกติ ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แม้ว่าหล่อนล้มลงไป แต่หานชิงรับไว้ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ล้มลงไปจริงๆ แต่ตอนนี้หานชิงเป็นห่วงหล่อนมาก เพราะเป็นคนที่ตัวเองรักมาก จึงกลัวว่าหล่อนจะเป็นอะไรไป สุดท้ายจึงต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลให้สบายใจ
ตอนที่เสี่ยวเหยียนถูกอุ้มขึ้นมา หล่อนเอื้อมมือไปกอดที่คอของเขาไว้ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดขึ้น หล่อนรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วทันที: “ไม่ ฉันไม่ไปโรงพยาบาล คุณปล่อยฉันลงไปนะ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ”
“ตรวจสักหน่อยนะ จะได้สบายใจ วางใจได้ ใช้เวลาไม่นานหรอก”
ไม่ว่านังไงหานชิงก็จะพาเสี่ยวเหยียนไปโรงพยาบาลให้ได้
เมื่อไปถึงด้านข้างรถ เสี่ยวเหยียนจับประตูรถไว้ไม่ยอมปล่อย “ฉันไม่ไปโรงพยาบาล ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ เมื่อครู่คุณรับฉันไว้ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ล้มลงไป เราไม่ไปโรงพยาบาลกันแล้วได้ไหม?”
เมื่อพูดถึงตอนสุดท้าย หล่อนยังมองหานชิงด้วยท่าทีน่าสงสาร น้ำเสียงและสีหน้านั้นฟังดูเหมือนท่าทางของคนที่ได้รับบาดเจ็บ น้ำตาคลอเบ้า มองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการขอร้อง
ถูกผู้หญิงที่ตัวเองรักใช้สายตาแบบนี้มองมาหาตัวเอง กระทั่งหานชิงเองก็ห้ามใจไว้ไม่อยู่ แต่เพื่อความหวังดีต่อเสี่ยวเหยียน สุดท้ายเข้าจึงยื่นมือไปหยิกแก้มของเสี่ยวเหยียน “ทำไมไม่ยอมไปโรงพยาบาลล่ะ? เกือบจะล้มลงไปแล้ว ไปตรวจสักหน่อยเถอะ มีปัญหาอะไรจะได้แก้ไข ถ้าไม่มีอะไรก็กลับมา พวกเราจะได้สบายใจกันโอเคไหม?”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล”
เหตุผลที่ไม่ไปโรงพยาบาล เสี่ยวเหยียนไม่มีทางพูดออกมาแน่นอน หล่อนเตรียมจะบอกข่าวดีนี้ให้หานชิงได้รับรู้ตอนวันงานแต่งงาน ถ้าตอนนี้บอกหานชิงเพราะตัวเองเกือบล้มลงไป งั้นตลอดเวลาที่หล่อนปิดบังมาตั้งนานคงไม่มีความหมายอะไรแล้ว
“ดื้อ” หานชิงเหลือบมองเธอด้วยความเหนื่อยใจ “ไปตรวจตามปกติก็พอ”
“ฉันไม่ไปจริงๆ เมื่อครู่คุณรับตัวฉันไว้ได้ไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่ได้เจ็บตรงไหนเลย เพียงแค่ตกใจเท่านั้น โรงพยาบาลคนเยอะขนาดนั้นทุกวัน ฉันไม่เป็นอะไรแต่กลับไปตรวจที่โรงพยาบาล นี่ถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโรงพยาบาลไม่ใช่หรือไง? ดังนั้นพวกเราไม่ต้องไปแล้วได้ไหม? มากไปกว่านั้น อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแต่งของเราแล้ว ไปโรงพยาบาลตอนนี้ ฉันรู้สึกไม่ค่อยเป็นมงคลเท่าไหร่”
ดูเหมือนคำพูดตอนท้ายจะทำให้หานชิงเริ่มใจอ่อน ดังนั้นจึงไม่เรียกร้องให้หล่อนไปโรงพยาบาลอีก จึงยอมถอยหนึ่งก้าวและพูดขึ้น: “งั้น ตอนนี้ไม่ไปโรงพยาบาลแล้วก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่สบายตรงไหนต้องบอกผมนะ ถึงตอนนั้นค่อยไปตรวจที่โรงพยาบาล”
“อืม!” เมื่อเสี่ยวเหยียนเห็นว่าเขาไม่บังคับให้ตัวเองไปโรงพยาบาล จึงตอบกลับทันที: “ไม่มีปัญหาค่ะ”
สุดท้ายไม่ต้องไปโรงพยาบาล แต่วันนั้นเสี่ยวเหยียนตกใจมากจริงๆ จนทำให้ตอนกลางคืนถึงกับนอนฝันร้ายทั้งคืน ในฝันมีแต่ภาพที่ตัวเองตกลงมาจากบันไดเมื่อตอนกลางวันวนซ้ำไปมา แต่ด้านข้างกลับไม่มีหานชิงอยู่
หล่อนตกลงมาบนพื้น จากนั้นมีเลือดไหลออกมาจากระหว่างขา
เสี่ยวเหยียนตกใจจนเหงื่อออกไปทั่วทั้งตัว และลุกขึ้นมานั่งทันที
ที่ด้านข้างไม่มีเงาของหานชิง เสี่ยวเหยียนเหลือบมองดูเวลา ตอนนี้หานชิงไปบริษัทแล้ว หล่อนจึงยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นลงไปนอนสงบสติอารมณ์อีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองคิดมากเกินไปรึเปล่า หรือเป็นเพราะฝันร้ายติดกัน จึงรู้สึกว่าปวดท้องมาก ทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายตัว
สุดท้ายเสี่ยวเหยียนพลิกตัวไปมา ยังรู้สึกไม่สบายใจ จึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปที่โรงพยาบาล
โรงพยาบาล
วันนี้สวี่เย็นหวั่นมาตรวจอาการที่โรงพยาบาล ก่อนหน้านี้หล่อนได้รับบาดเจ็บที่หน้าผาก ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสักพักหนึ่ง ต่อมาเมื่อพักฟื้นได้พอสมควรแล้วจึงออกจากโรงพยาบาล เป็นเพราะหล่อนได้รับบาดเจ็บที่หน้าผาก จึงต้องดูแลและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
“โดยรวมไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ แผลสมานดีแล้ว คงไม่เป็นรอยแผลเป็น แต่คุณต้องระวังเรื่องอาหาร ต้องกินอาหารอ่อน รสไม่จัด ระมัดระวังตัวเองด้วย จะได้ไม่เป็นรอยแผลเป็น”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากสวี่เย็นหวั่นออกมา จึงหยิบกระจกในกระเป๋าออกมาส่องดูแผลบนหน้าผาก แม้ว่าจะหายดีแล้ว แต่บริเวณแผลกับสีผิวส่วนอื่นกลับไม่เหมือนกัน อีกอย่างช่วงนี้หล่อนยุ่งกับการทำงานที่บริษัทมาก จึงดูแลผิวได้ไม่ดีเท่าไหร่ ขอบตาดำคล้ำ ต่างจากสวี่เย็นหวั่นในอดีตราวฟ้ากับเหว
ถ้า ถ้าพ่อกับแม่ยังไม่จากโลกนี้ไป จะดีขนาดไหนกันนะ
ถ้า หานชิงอยู่ข้างหล่อนได้ ก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้
แต่ตอนนี้ หล่อนไม่มีอะไรเลย
แผลสดใหม่บนหน้าผาก คอยย้ำเตือนเรื่องโง่ๆที่หล่อนทำขึ้นก่อนหน้านี้
ดูสิ หล่อนยอมเจ็บเพื่อเขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะมองหล่อนเลย