บทที่ 1410 ฉันช่วยเธอจัดการพวกเขาเอง
“ทำไมล่ะ หรือสิ่งที่ฉันพูดไม่ได้เป็นเรื่องจริง? ตั้งแต่ไม่มีตระกูลสวี่แล้ว เธอไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฉันเลย กลับรีบมาหาเขา สุดท้ายเธอได้อะไรล่ะ? สวี่เย็นหวั่น ฉันเป็นผู้ชาย ดังนั้นฉันเข้าใจดีว่าผู้ชายเหมือนกันกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อก่อนเขาไม่ชอบเธอ ต่อไปเขาก็ยิ่งไม่ชอบเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเขามีแฟนอยู่ข้างกายเขาอยู่แล้ว และกำลังจะแต่งงานอีกด้วย”
“หุบปาก นายหุบปากเดี๋ยวนี้”
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก สิ่งที่ฝ่ายชายพูดออกมา ล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำที่สวี่เย็นหวั่นไม่ชอบ คำพูดแต่ละประโยคเปรียบเสมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจหล่อน
“หุบปากทำไมล่ะ? หรือว่าเรื่องพวกนี้ยังไม่เพียงพอให้เธอตื่นขึ้นมาสักที? ฉันเห้อเหลียนจิ่ง เมื่อก่อนมีผู้หญิงเยอะแยะมากมาย แต่ทำไมเธอไม่สังเกตดูบ้างล่ะ ตั้งแต่ที่ฉันเจอเธอ ข้างกายฉันก็ไม่มีผู้หญิงมาป้วนเปี้ยนอีก ฉันทำอะไรให้เธอบ้าง”ทำไมเธอไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้บ้างล่ะ? ได้แต่คิดถึงเฝ้ารอผู้ชายที่ไม่ยอมแม้แต่จะมองเธอสักครั้ง”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น สวี่เย็นหวั่นเพียงแค่หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา
“อย่ามาพูดว่าตัวเองดีเลิศเลอขนาดนั้น ถึงแม้ว่าสุดท้ายนายจะไม่มีผู้หญิงพวกนั้นมาป้วนเปี้ยนอีกแล้ว แล้วยังไงต่อล่ะ? เมื่อก่อนนายใช้ชีวิตเสเพลเละเทะขนาดนั้น เหลวไหลจนทุกคนรู้ว่านายเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ นายบอกว่าตัวเองเป็นคนดีแล้ว ฉันต้องเชื่อนายงั้นเหรอ? ปล่อยฉันนะ และอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก”
เห้อเหลียนจิ่งถูกหล่อนด่าว่าจนโกรธเลือดขึ้นหน้า และไม่ปล่อยมือหล่อนตามที่หล่อนบอก แต่กลับทิ้งร่มไว้และโอบกอดหล่อนไว้
“เธออยากตากฝนใช่ไหม? ได้ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง”
“ปล่อย ปล่อยฉัน!” สวี่เย็นหวั่นผลักเขา แต่เห้อเหลียนจิ่งแรงเยอะมาก ทุกครั้งที่สวี่เย็นหวั่นออกแรงไปแต่กลับไม่ช่วยอะไรเลย ทันใดนั้นเห้อเหลียนจิ่งบีบไหล่ของหล่อนไว้แน่น มองหล่อนด้วยสายตาอันดุร้ายราวสัตว์ป่าพร้อมจับตัวหล่อนไว้
“วันนี้ฉันเห็นเธอสะกดรอยตามผู้หญิงคนนั้นที่โรงพยาบาล เป็นอย่างไรล่ะ? เมื่อรู้ว่าเธอท้อง เจ็บปวดมากใช่ไหม? อยากทำอะไรบางอย่างใช่ไหม? ฉันช่วยเธอได้นะ”
สวี่เย็นหวั่นที่กำลังพยายามจะผลักเขาออก เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย ท่าทางอันดุร้ายของหล่อนหยุดชะงักไปทันที ทำท่าทีเหมือนไม่เชื่อ จึงมองเห้อเหลียนจิ่งด้วยสายตาโตจนเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่น
“เธอชอบเขามานานมากขนาดนี้ แต่เขากลับไม่มองเธอแม้แต่น้อย เขาทำให้เธอเจ็บปวดขนาดนั้น ตอนนี้เขากำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์แล้ว ถ้าตอนนี้เธอยังไม่ทำอะไรอีก ต่อไปเขาไปมีชีวิตที่มีความสุข เธอยอมงั้นเหรอ?”
ยอมไหม?
สวี่เย็นหวั่นกัดริมฝีปากแน่น ภายในใจร่ำไห้ไม่หยุด แน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางยอมอยู่แล้ว แต่หล่อนจะทำอะไรได้ล่ะ? หน้าผากของหล่อนต้องเจ็บถึงขนาดนี้ เขายังไม่ยอมอยู่ดูแลเป็นเพื่อนตัวเองเลย ตอนที่ไปเยี่ยมหล่อน ยังพาแฟนไปอีกด้วย
หล่อนไม่มีทางยอมแน่นอนอยู่แล้ว!
แต่ หล่อนจะยอมแลกด้วยชีวิตเลยงั้นเหรอ?
เมื่อคิดถึงตอนนี้ สวี่เย็นหวั่นจึงพูดขึ้นด้วยความเหม่อลอย: “หรือว่าต้องให้ฉันตายก่อน เขาถึงจะยอมหันมามองฉันบ้าง?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เห้อเหลียนจิ่งกลับสูดหายใจอันเยือกเย็นเข้าไป “เธอกำลังคิดอะไรอยู่? ทำร้ายตัวเองทำไม ถ้าเธอเจ็บจนตายขึ้นมา พวกเขาไม่มีทางเสียใจอยู่แล้ว แต่กลับจะมีความสุขมากขึ้น ถ้าอยากให้พวกเขาต้องเจ็บปวดทุกข์ระทมเหมือนเธอ ก็ต้องลงมือจากพวกเขา”
ลงมือจากพวกเขา?
สวี่เย็นหวั่นมองดูเห้อเหลียนจิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตอนที่เขาพูด สีหน้าท่าทางเผยให้เห็นถึงความเหี้ยมโหด เป็นท่าทางที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อก่อนหล่อนเคยได้ยินว่าเห้อเหลียนจิ่งเป็นคนโหดเหี้ยมมาก ไม่เพียงโหดกับพวกนักธุรกิจเท่านั้น แต่กับผู้หญิงเขาก็โหดเช่นกัน
พวกผู้หญิงที่เคยคบกับเขา หลังจากถูกทิ้งแล้ว ถ้ายังกล้าตามมาพัวพันกับเขา เขาไม่มีทางเห็นใจหรือสงสารแม้แต่น้อย กลับทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม เพื่อที่จะทำให้ผู้หญิงที่ถูกเขาทิ้งคนต่อๆไปไม่กล้ามายุ่งอะไรกับเขาอีก และไม่กล้าตามมาพัวพันต่ออีก
ตอนที่สวี่เย็นหวั่นถูกเขาตามจีบ หล่อนคิดในใจว่าตัวเองช่างโชคร้ายเหลือเกิน แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา หล่อนไม่เคยสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่คิดไม่ถึงเลยว่า เห้อเหลียนจิ่งชายผู้เหลวไหลคนนี้ ตั้งแต่ได้รู้จักกับสวี่เย็นหวั่นก็ล้างมือสกปรกออกทันที ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่มั่วผู้หญิงอีกเลย คอยตามติดสวี่เย็นหวั่นอย่างรักเดียวใจเดียว
น่าเสียดายที่สวี่เย็นหวั่นไม่ชอบเขา แต่เพื่อที่จะได้ใจของหล่อนมาก คุณชายเห้อจึงไปเรียนหลักสูตรการบริหารองค์กรต่างๆ เริ่มตั้งแต่เรียนสิ่งง่ายๆไปจนถึงเริ่มจริงจังขึ้นมา เวลาเห้อเหลียนจิ่งจีบผู้หญิงก็โหดเช่นกัน ไปรอตอนเลิกงาน ส่งดอกไม้ ให้ของขวัญ ซื้ออัญมณี กระเป๋า บ้าน รถหรู แต่ตอนนั้นตระกูลสวี่มีธุรกิจที่ใหญ่โตรุ่งเรืองมาก สวี่เย็นหวั่นเองก็เป็นคนที่มีการศึกษาสูง จะหันมามองผู้ชายเหลวไหลแบบเขาได้อย่างไร?
สำหรับการกระทำอันใหญ่โตโอ่อ่าของเห้อเหลียนจิ่ง สวี่เย็นหวั่นไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวด้วยแม้แต่น้อย แต่เห้อเหลียนจิ่งกลับไม่ยอมแพ้ เดินหน้าจีบหล่อนอย่าบ้าคลั่งต่อไป ตอนนั้นการแสดงออกของเขาที่มีต่อสวี่เย็นหวั่น ถือได้ว่าทำให้ผู้คนรอบข้างต่างพากันอิจฉาตาร้อน
เพราะไม่ว่าใครก็คงอยากมีใครบางคนที่ชอบตัวเองแบบนี้บ้าง
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลสวี่ มีผู้หญิงมากมายที่รอหัวเราะเยาะหล่อน ถึงขั้นพากันคาดเดาว่าสวี่เย็นหวั่นต้องยอมรับการช่วยเหลือและความรักของเห้อเหลียนจิ่งแน่นอน แต่หล่อนกลับไม่มีท่าทีเช่นนั้น แม้ว่าหล่อนจะไม่เหลืออะไรแล้ว แต่หล่อนยังคงแข็งแกร่งเช่นเดิม เห้อเหลียนจิ่งก็ยังคงวิ่งตามจีบหล่อนเช่นเคย
นอกจากจะทำให้ทุกคนโกรธโมโหแล้ว ยังรู้สึกหมดหนทาง ใครใช้ให้เขามีนิสัยโหดเหี้ยมเช่นนั้นล่ะ?
ตอนนี้ เห้อเหลียนจิ่งกลับตามมาจีบหล่อนต่อ บอกเธอว่า ให้หล่อนสู้กับหานชิงและแฟนของเขา
หลังจากที่สวี่เย็นหวั่นตั้งสติขึ้นมาได้ รีบออกแรงผลักเขาออก “ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางทำร้ายหานชิง ฉันชอบเขา แม้ว่าเขาไม่ชอบฉัน แต่ฉันก็ไม่มีทางทำร้ายเขาเพียงเพราะเรื่องนี้แน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เห้อเหลียนจิ่งหัวเราะเยาะเย้ยด้วยอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครให้เธอไปทำร้ายเขากันล่ะ ข้างกายเขามีผู้หญิงคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
สวี่เย็นหวั่นยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม มองเห้อเหลียนจิ่งที่อยู่ตรงหน้า ในหัวคิดถึงผู้หญิงที่ถูกเขาจัดการมาก่อนหน้านี้ ริมฝีปากเผยขึ้น แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
“เธอทำร้ายเขา อย่างมากเขาก็แค่บาดเจ็บ แต่ถ้าทำให้ผู้หญิงของเขาเป็นอะไรขึ้นมา สิ่งที่เขาจะต้องทนรับคือความเจ็บปวดทุกข์ทรมานทางจิตใจ”
เมื่อพูดถึงตอนนี้ เห้อเหลียนจิ่งเดินขึ้นมาด้านหน้าสองก้าว จับใบหน้าของสวี่เย็นหวั่น นิ้วมือลูบขับไปที่ริมฝีปากสีแดงของหล่อนเบาๆ น้ำเสียงนิ่งขรึม “ฉันช่วยเธอเอง ฉันจะช่วยเธอทั้งหมด พวกเขาทำให้เธอต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ฉันก็จะทำให้เขาเจ็บปวดจนต้องร้องขอชีวิต เป็นอย่างไรล่ะ?”
สวี่เย็นหวั่นไม่รู้ว่าตัวเองตกใจหรือเป็นอะไรไป ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงหน้า ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก น้ำฝนสาดเข้ามาจนทำให้หล่อนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เห้อเหลียนจิ่งดึงหล่อนมากอดไว้ในอ้อมอกที่กำลังเต้นแรงอยู่
“สวี่เย็นหวั่น สิ่งที่เธออยากได้ ฉันให้เธอได้ทั้งหมด เรื่องที่เธออยากทำแต่ไม่กล้าทำ ฉันจะช่วยเธอทำเอง ให้ฉันได้คอยช่วยและสนับสนุนเธออยู่ด้านหลังนะ”
ในขณะเดียวกันนั้น เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าด้านนอกฝนตกหนักมาก จึงต้องปิดหน้าต่างด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นก็ถอนหายใจออก
“ทำไมจู่ๆถึงฝนตกหนักขนาดนี้ล่ะ คืนนี้ฟางถังถังยังต้องไปเชียร์ชายในฝันที่บาร์อีกนี่นา”
อีกอย่างสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คืนนี้เซียวซู่ต้องทำงานถึงดึก ตอนนี้ยังอยู่ที่บริษัท ไม่รู้ว่าตอนที่เขากลับมาจะติดฝนรึเปล่า หล่อนควรต้มซุปขิงสักถ้วยเตรียมไว้ให้เขาก่อนดีไหม
แต่เมื่อลองครุ่นคิดดูดีๆ เจียงเสี่ยวไป๋กลับรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป เพราะเซียวซู่ต้องขับรถกลับมาอยู่แล้ว อีกอย่างเขาต้องพกร่มไว้แน่นอน คงไม่ติดฝนหรอก หล่อนเป็นห่วงมากเกินไปแล้ว
ดังนั้น สุดท้ายเจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่ทำอะไรเลย และล้มตัวลงนอนหลับไปทันที