บทที่1412 ฉันบอกว่าคุณมันขี้ขลาดตาขาว
เซียวซู่ที่เดิมทีนั้นนึกอยากแกล้งให้เธอกลัวสักหน่อย แต่เขานั้นก็ได้ทำเอาเธอช็อกไปจริงๆ เห็นเธอมีท่าทางลนลานพลั้งปากพูดออกมาก็ช่างน่าสนใจเสียเหลือเกิน แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะตอบสนองกลับมาได้เร็วขนาดนี้ แล้วยังเป็นฝ่ายเอามือเข้ามาโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้เองเสียด้วย
ระยะห่างนี้ของทั้งสองคน การกระทำนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ดูใกล้ชิดกันมาก มีแนวโน้มที่จะจูบกัน
เซียวซู่รู้สึกว่าลมหายใจของตนแรงขึ้นหลายส่วน
“คุณอยากจูบกับฉันใช่มั้ยล่ะ?”
แต่ในเวลานี้เจียงเสี่ยวไป๋ดันกะพริบตาปริบๆ เอ่ยถามเขาเบาๆ
ตอนที่เธอยิ้มออกมา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ค่อนข้างเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกอยู่นิดนึง เซียวซู่รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับถูกพาเข้าไปในหลุม เม้มริมฝีปากบางของตัวเองออกมา
“พูดสิ” เจียงเสี่ยวไป๋ขยับนิ้ว บีบท้ายทอยเขา ลมหายใจของเซียวซู่แรงขึ้นหลายส่วน สายตาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ในสถานการณ์อย่างนี้เจียงเสี่ยวไป๋นั้นล้วนแล้วจะเก็บมาใส่ใจทั้งนั้น และก็พอใจอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงของเขาในการเย้าหยอกของตน เธอเพิ่มแรงลงไป จงใจโน้มเข้าไปข้างหน้า จงใจให้ริมฝีปากแดงปาดผ่านแก้มของเขา จรดลงไปบริเวณข้างๆใบหูของเขา “ทำไมคุณไม่กล้าพูดออกมาล่ะ? เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเก่งมากเลยนี่ เป็นฝ่ายจู่โจมเข้ามาเอง มีใจลามกแต่กลับไม่มีความกล้าเลยนะ!”
เห็นเขานิ่งไม่ไหวติง เจียงเสี่ยวไป๋เหมือนกับว่าจะมั่นใจแล้วว่าเขาไม่กล้าทำอะไร จึงได้เอ่ยยุเขาต่อ “คุณนี่มันขี้ขลาดตาขาวใช่มั้ยล่ะ ขนาดแฟนตัวเองเข้าใกล้คุณขนาดนี้ คุณก็ยังไม่กล้าจูบเลย”
ทันทีที่เสียงพูดหลุดออกไป จู่ๆเซียวซู่ก็ยกมือขึ้นมาจับข้อมือของเจียงเสี่ยวไป๋ หรี่ตาลง “เธอมั่นใจขนาดนี้เลยว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธองั้นหรอ?”
ตอนที่เขาถามคำถามนี้ก็ได้กุมมือเธอเอาไว้ ดึงเธอออกห่างไปเล็กน้อย ริมฝีปากของเธอไม่ได้แนบอยู่กับบริเวณข้างๆใบหูของเขาอีก ใบหน้าได้เผชิญกับใบหน้าของเขา เหลือทิ้งเอาไว้เพียงระยะห่างเพียงช่วงเล็กๆ
ลมหายใจสัมผัสกัน เจียงเสี่ยวไป๋แทบจะสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของตัวเองจากในดวงตาได้เลย
ถึงแม้ว่าเธอจะใจกล้า แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงคนนึง ถ้าเกิดเซียวซู่นึกฮึดขึ้นมา เธอก็จะอ่อนไปทันที แต่พอคิดๆดูตอนที่เธอคบหาอยู่กับเซียวซู่ เป็นเธอที่กำราบเขามาโดยตลอด เธอก็เลยจำต้องบังคับให้ตัวเองมีกำลังใจขึ้นมา จงใจที่จะใช้โอกาสนี้ปราบเขาเสีย
“งั้นคุณกล้ามั้ยล่ะ?”
เซียวซู่นั่งอยู่ไม่ขยับ เพียงแค่มองเธอด้วยสายตานิ่งๆอยู่อย่างนั้น
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มออกมาทันที “ฉันว่าแล้วว่าคุณไม่กล้าใช่มั้ยล่ะ คุณ…อุ๊บ”
ตรงหน้ามืดไป ริมฝีปากของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ถูกจูบเอาไว้ เธอเบิกตากว้างมองคนที่อยู่ใกล้กันอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ
จูบของเซียวซู่ไม่นับว่าดูกระหายอะไรนัก แต่เรื่องการยึดครองดินแดนนี่เป็นของจริง ลมหายใจของเขาไหลเข้าไปในปากของเจียงเสี่ยวไป๋ ในตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังนิ่งอึ้งอยู่นั้นเอง ฟันก็ได้ถูกแงะให้เปิดออกจากกัน
รอจนเธอได้สติกลับมา ศัตรูก็ได้บุกเข้ามาในเมืองเสียแล้ว เธอไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านใดๆ เงยหน้าขึ้นถูกบังคับให้รับจูบนี้ไป
ลมหายใจของทั้งสองคนปั่นป่วนกันไปทั้งคู่
เวลาค่อยๆข้ามผ่านไป จูบนี้เหมือนจะเปลี่ยนรสชาติไป ตอนแรกอันที่จริงเซียวซู่เพียงแค่อยากพิสูจน์ตัวเองดูเพียงเท่านั้น แต่ในระหว่างนั้นเองกลับค่อยๆถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ ความหอมหวานของสาวน้อยได้ดึงดูดเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ก็เหมือนกับคืนวันนั้น ที่เขาไม่มีวิธีที่จะต้านทานต่อการยั่วยวนของเจียงเสี่ยวไป๋ได้เลย
วันนี้เขาไม่ได้ดื่มเหล้า สมองเขามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่ก็ยังคงควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เซียวซู่หลับตาลง มือใหญ่กดลงไปบนท้ายทอยของเจียงเสี่ยวไป๋ ไม่คิดอะไรอีกต่อไปแล้ว
ทั้งสองย้ายจากหน้าโต๊ะทานข้าวไปบนโซฟาห้องรับแขก เจียงเสี่ยวไป๋กึ่งนอนกึ่งนิ่งแข็งอยู่ในอ้อมกอดของเซียวซู่ เสื้อคลุมบนร่างก็ได้ร่วงลงพื้นไปเป็นที่เรียบร้อย คอเสื้อบิดเบี้ยว ผมเผ้ายุ่งเหยิง
เมื่อเทียบกับเซียวซู่ดูแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อยๆรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจากร่างกายของเซียวซู่ที่ผ่านเข้ามา เธอผลักเขาออกไปอย่างแรง กะพริบตาปริบๆมองเขา เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าใสซื่อ “เมนส์ฉันมา”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เซียวซู่ก็หายใจติดขัดไปเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋ยกยิ้มออกมา ยิ้มที่เหมือนอย่างกับจิ้งจอกน้อยที่บรรลุเป้าหมาย
เจ้าสุนัขตัวผู้ที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้ เหมือนกับถูกเธอดึงดูดใจจนไม่ไหวแล้ว เหอะๆ
“ดังนั้นแล้วคุณก็จัดการเคลียร์ปัญหาเองแล้วกันนะ!”
พูดจบเจียงเสี่ยวไป๋ก็ดึงเนกไทของเขาเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะออกไป ไม่คิดว่าทันทีที่หันร่างออกไป ตรงเอวก็มีแรงหนึ่งพาดผ่านเข้ามาดึงเธอกลับไป ร่างของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ตกเข้าไปในอ้อมกอดเซียวซู่อย่างเหนือการควบคุม
เธอมองชายที่โอบรัดเอวเธอแน่นไปอย่างหมดคำพูด เอ่ยพูดต่อกรออกไป “ทำอะไร?”
เซียวซู่เม้มริมฝีปากบาง สีหน้าที่แสดงออกมาบนใบหน้ามองดูปกติมาก แต่ใบหูทั้งสองข้างนั้นได้แดงก่ำออกมา “เมนส์เธอมาหรือเปล่า ฉันจะไม่รู้เลย?”
เธออยู่ที่นี่มาตั้งนาน เขาจะไม่สังเกตถึงเรื่องรอบเดือนของเธอเลยได้ยังไง?
เจียงเสี่ยวไป๋ตอนแรกก็ยังงงงวยอยู่ แต่หลังจากที่ได้สติกลับมาก็จ้องมองเขาไปอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หมายความว่าอะไร? คุณยังสนใจเรื่องนี้อีก?”
เซียวซู่กระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาจะอยากสนใจนักหรอกนะ แต่ผู้หญิงคนนึงที่อยู่กับเขาทุกวัน จะให้ไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง? เขาไม่ได้บื้อ และก็ไม่โง่เสียหน่อย
“คุณอยากตายหรือไง!” เจียงเสี่ยวไป๋ตะโกนเสียงดังใส่หูของเซียวซู่ “เซียวซู่คุณนี่มันบัดซบสิ้นดี คุณอธิบายมาให้ชัดเลยนะ คุณอยากได้ฉันมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย?”
เซียวซู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป รู้สึกว่าคำถามนี้ยิ่งยื้อก็ยิ่งเลยเถิด ยิ่งยื้อก็ยิ่งวุ่นไปเรื่อยๆ
เขาดึงมือของเจียงเสี่ยวไป๋ลง โน้มตัวเข้าไป กดปลายจมูกเข้ากับปลายจมูกของเธอ “จุดสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ชอบหลอกลวงเพื่อหนีปัญหาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?”
ประเด็นนี้ได้ถูกเขาย้อนกลับมาอีกครั้ง แก้มของเจียงเสี่ยวไป๋แดงระเรื่อออกมา “ใครหนีปัญหากัน? คุณพูดให้ดีนะ!”
“งั้น…” คำพูดตรงท่อนหลังถึงแม้ว่าเซียวซู่จะไม่ได้พูดไปตรงๆ แต่เจียงเสี่ยวไป๋ที่กำลังนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาในตอนนี้ จะไม่รู้ได้ยังไงว่าคำพูดประโยคนี้ของเขานั้นหมายความว่าอะไร เธอหยิกเซียวซู่ไปแรงๆทีนึง “คุณอย่าได้คิด!”
พูดจบ เธอก็เอาหน้าหันไปทางอื่นด้วยอาการโกรธฮึดฮัด “อย่าลืมว่าตอนนี้พวกเรากำลังลองคบกันอยู่ ไม่มีการอนุญาตจากฉันคุณลองกล้าแตะต้องฉันดูสิ?”
เซียวซู่เงียบไป คาดว่าคงจะรับรู้ถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ เขากอดเธอแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ปล่อยเธอ ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไป
เจียงเสี่ยวไป๋ “???”
เชรด เจ้าสุนัขตัวผู้นี่! เธอบอกว่าไม่ยอมคุณก็จะไม่ลองถามอีกทีเลยหรอ? หน้าบางขนาดนั้นเลยหรอ?
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากห้องอาบน้ำ ตัวเธอก็หมดคำพูดไป ผ่อนลมหายใจออกไป จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมใหม่
ผู้ชายหน้าเหม็นซื่อบื้อไม่รู้จักอารมณ์รัก ให้เขาทำความสะอาดไปเองเถอะ
เจียงเสี่ยวไป๋ขี้เกียจจะไปสนใจเขาอีก จึงเดินตรงกลับห้องไป ทั้งยังล็อกประตูห้องไปด้วย
หน้าบางขนาดนั้น คืนนี้นอนโซฟาไปเถอะ
เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ในผ้าห่มไม่รู้ว่านอนอยู่นานแค่ไหน ในที่สุดก็ได้ยินเสียงจากประตูดังเข้ามาสักที แต่ประตูได้ถูกเธอล็อกเอาไว้แล้ว เซียวซู่ก็เลยเข้ามาไม่ได้
เป็นไปอย่างที่คิดว่าการเคลื่อนไหวมันดังอยู่เพียงแค่แป๊บเดียวแล้วก็หายไป
แต่ผ่านไปได้ไม่นาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ยินเสียงกุญแจที่กำลังไขประตู เธอเอาผ้าห่มขึ้นคลุมหัว ภายในใจก็ขุ่นเคือง ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเขามีกุญแจสามารถไขเปิดประตูได้ แต่ตอนที่เขาพบว่าประตูถูกล็อกเอาไว้ก็ต้องหดหู่ใจสักหน่อยแน่
สามารถสร้างอุปสรรคให้กับเขาได้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกสะใจขึ้นมา
ด้านหลังมีเสียงกรอกแกรกดังเข้ามา ผ่านไปสักพักเซียวซู่ก็ได้ซุกตัวเข้ามาในผ้าห่มด้วยเช่นกัน
“ทำไมถึงต้องล็อกประตูอีก?”