บทที่1417 กอดให้ดี
ทันใดนั้น ก็ตกใจกลัวจนลุกขึ้นมา
เฮือก——
หานชิงรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว จึงรีบเปิดสวิตช์ไฟภายในห้องอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานทั้งห้องก็สว่างขึ้นมา ดวงตาของทั้งสองคนสบเข้าหากัน ตอนที่เห็นหานชิง เสี่ยวเหยียนตกใจช็อกจนลนลานออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆสงบลง
หานชิงเห็นเสี่ยวเหยียนที่ผมทั้งยุ่งและเปียกชื้น สีหน้าก็ซีดเซียว จึงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้ามาหาเธอ
“เป็นอะไรไป?”
หานชิงนั่งลงไปข้างเตียง ตอนที่มือแตะลงไปที่เสี่ยวเหยียน ร่างของเธอสั่นออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็หลบเลี่ยงสัมผัสของเขาไปโดยไม่รู้ตัว
ต่อจากนั้น เสี่ยวเหยียนก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองทำอย่างนี้เหมือนจะแสดงออกไปชัดเจนเกินไป จึงได้หันไปฝืนยิ้มที่ดูน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าใบหน้าตอนร้องไห้ให้กับหานชิงไป
“คุณเลิกงานแล้ว? ฉัน เย็นนี้ฉันไม่ได้ทำอาหาร คุณ คุณสั่งอาหารมาสักหน่อยมั้ย กินอะไรสักหน่อย”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ก่อน” หานชิงกุมมือเธอเอาไว้ หลังจากที่แตะลงไปก็ได้พบว่าเสื้อผ้าของเธอเหนอะหนะเล็กน้อย หานชิงจึงได้ตรวจดูด้านหลังของเธอต่อเลยทันที จึงได้พบว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นได้โดนเหงื่อจนเปียกชื้นไปหมดแล้ว เขาขมวดคิ้วออกมาทันที “เกิดอะไรขึ้น? เธอไม่สบาย?”
“เปล่า ไม่มีอะไรค่ะ” การหายใจของเสี่ยวเหยียนยังไม่มั่นคงนัก ส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไป “ฉัน เมื่อกี้ฉันก็แค่ฝันร้ายน่ะค่ะ แล้วตอนที่ตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกก…กลัวขึ้นมานิดหน่อย แล้วคุณก็เปิดประตูเข้ามาพอดี ฉันก็เลยตกใจน่ะค่ะ”
เธออธิบายออกมาอย่างนี้ แล้วยังสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมเหตุสมผลอีก แต่แววตาที่ดูหวาดกลัวของเธอได้บอกหานชิง เกรงว่าเรื่องมันจะไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้นสิ
แต่ในตอนนี้ท่าทางตกใจกลัวของเธอ ถ้าตนถามออกไปอีก ก็คงทำให้เธอกลับไปคิดไม่หยุดแล้วยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น
หานชิงตัดสินใจทันควันว่าจะไม่ถามเซ้าซี้ต่ออีก แต่ได้ผันร่างออกไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าสะอาดมาให้เสี่ยวเหยียนชุดนึง “อย่าไปคิดมากเลย ก็แค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว ใส่เสื้อชื้นๆจะป่วยเอา เอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนก่อนเถอะ แล้วพวกเราค่อยคุยกัน”
“ค่ะ”
ตอนที่เสี่ยวเหยียนไปรับเสื้อผ้ามา มือก็ยังคงสั่นอยู่ หานชิงเม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตอนที่เสี่ยวเหยียนเปลี่ยนเสื้อผ้า หานชิงหันหลังไป หยิบรีโมทขึ้นมาปรับความอุ่นให้สูงขึ้นอีก จากนั้นก็ยืนอยู่สักพักก็ได้ยินหญิงสาวเอ่ยปากพูดเบาๆออกมาจากทางด้านหลัง “เปลี่ยนเสร็จแล้วค่ะ”
หานชิงหันไป
ระหว่างที่เปลี่ยนเสื้อผ้า เสี่ยวเหยียนก็ได้ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ตอนที่มองเขาสายตาก็เลยไม่ได้ดูหวาดกลัวเหมือนครั้งก่อนหน้า หานชิงเดินเข้าไปพาเธอกอดเข้ามาในอ้อมแขนตัวเอง
“หิวหรือเปล่า? อยากกินอะไร?”
ถึงแม้ว่าเขาเพิ่งจะกลับมาจากข้างนอก แต่ความอบอุ่นบนร่างกลับมีสูงมาก อีกทั้งกลิ่นอายที่คุ้นเคยก็ได้ทำให้เสี่ยวเหยียนรู้สึกปลอดภัย เธอวางใจเขา มือก็จับชายเสื้อของหานชิงไปอย่างไม่รู้ตัว หลับตาลงหายใจเข้าลึกๆ
“หิวนิดหน่อย แต่ฉันเหนื่อยมากเลย”
“รับผิดชอบแค่กินก็พอ ไม่ได้ให้เธอทำหรอก”
“อืม” เสี่ยวเหยียนหลับตาคิดอยู่ครู่นึง จากนั้นก็ส่ายหน้าออกมา “ไม่รู้ว่าจะกินอะไร ฉันเหนื่อยมาก”
“งั้นก็นั่งสักพัก ฉันสั่งอาหารมาสักหน่อย อีกเดี๋ยวค่อยให้เขามาส่งแล้วค่อยกินกัน”
“โอเคค่ะ”
หลังจากนั้นเธอก็เอาแต่นอนหลับตาพักสมองอยู่ในอ้อมกอดของหานชิง หลังจากที่มีหานชิงอยู่ ภาพน่ากลัวพวกนั้นก็เหมือนกับกระดาษที่ถูกโยนใส่เครื่องทำลายเอกสารก็ไม่ปาน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะถูกบดทำลายเสียจนไม่เหลือซาก
เธอคิดว่านับวันเธอยิ่งพึ่งพาหานชิงมากขึ้นเรื่อยๆ นับวันยิ่งเกาะแกะเขาอยู่เรื่อย
ในระหว่างที่คิดอยู่นั้น เสี่ยวเหยียนก็เอื้อมมือออกไปกอดเอวสอบของเขาแน่น
สายตาของหานชิงเคลื่อนลงมา บนใบหน้าไม่มีสีหน้าใดๆ เขารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจและความหวาดกลัวของหญิงสาวจริงๆ แต่รายละเอียดที่ว่ามันเป็นเพราะเหตุใดตอนนี้เขาไม่อาจถามเซ้าซี้ได้ ทำได้เพียงเอามือใหญ่วางลงไปบนบ่าของเธอ พร้อมตบลงไปเบาๆราวกับกำลังปลอบใจเธออยู่
หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ หญิงสาวก็ยังนอนนิ่งไม่ขยับ
ทั้งสองคนเองก็ไม่รู้ว่ารักษาท่าเดิมมานานแค่ไหน รู้เพียงแค่ว่าภายหลังตอนที่เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นมา เสี่ยวเหยียนได้ยินชัดเจนว่าอีกฝ่ายบอกว่าอาหารมาส่งแล้ว
“อืม แป๊บนะ”
หลังจากที่หานชิงวางสายไป ก็ก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมกอด ตบลงไปบนท้ายทอยเธอเบาๆ “ลุกขึ้น?”
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “คุณอย่าไปนะ ฉันอยู่คนเดียวแล้วกลัว”
คงเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ และก็คงเพราะฝันร้ายนั้น ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกว่าอยู่คนเดียวมันรู้สึกน่ากลัวขึ้นมา
“กลัวอะไร? บ้านตัวเอง หรือว่าจะยังมีขโมยเข้ามาอีกหรือไง?”
“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” ไม่ว่าจะพูดยังไงเสี่ยวเหยียนก็ไม่ปล่อยเอวเขาไป ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าท่าทางอย่างนี้ของเธอเป็นการที่กำลังทำตัวเอาแต่ใจอยู่ แต่วันนี้เธอถูกทำให้กลัวจริงๆ ใครจะรู้ล่ะว่าตอนที่เธออยู่ในห้องน้ำจะต้องรักษาสติยังไงถึงจะสามารถพูดคุยกับสวี่เย็นหวั่นได้น่ะ?
หลังจากเกิดเรื่องยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวจนแทบทนไม่ไหว
“แล้วจะกินข้าวหรือเปล่า?” เสียงหานชิงอ่อนโยน ฟังไม่ออกถึงความไม่ชอบและความรู้สึกทนไม่ไหวใดๆ
เสี่ยวเหยียนได้ยินเข้าก็ส่ายหน้าออกมาทันที “ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากอยู่คนเดียวอยู่ดี คุณก็ห้ามไปไหนเหมือนกันนะ”
อีกฝ่ายเงียบไปสักพัก ตรงหน้าอกก็พบว่าเขาได้ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ มือที่โอบท้ายทอยเธอเคลื่อนลงมาวางตรงช่วงเอวของเธอ “งั้นเธอก็กอดให้แน่นอีกหน่อย”
เสี่ยวเหยียน “??”
ถึงแม้ว่าในใจจะมีคำถาม แต่เธอก็ยังกอดเขาแน่นตามคำพูดของเขา ตอนนี้คนที่สามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยให้เธอได้ก็มีแค่เขาคนเดียว ให้เธอกอดแน่นอีก แน่นอนว่าเธอจะต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว
“กอดให้ดี อย่าให้ตกลงไป”
พูดจบ ไม่รอให้เสี่ยวเหยียนได้ตอบอะไรกลับมา มือของหานชิงก็ได้เปลี่ยนมารองรับบ่าของเธอ ใช้แรงเหยียดตัวลุกขึ้นมา ส่วนเสี่ยวเหยียนก็กอดเอวเอาไว้ เกาะอยู่บนร่างของเขา
เพราะว่าหานชิงลุกขึ้น เธอก็เลยเอาสองขาโอบรัดบนเอวของเขาไปทันที
ในนาทีนั้นเอง การกระทำก็เหมือนกับเปลี่ยนมาอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย
เสี่ยวเหยียนเดิมทีเพียงแค่อยากจะหาความรู้สึกปลอดภัย ไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้การที่ทำอย่างนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่
ใบหน้าเธอแดงระเรื่อออกมา พอคิดจะพูดอะไรออกไป หานชิงกลับกระแอมออกมาเบาๆ “ไปเอาอาหารเย็น กอดอีกนิดสิ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวตกลงไป จะเจ็บเอา”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ไอเบาๆอยู่ในใจ กอดเอวสอบของเขาแน่น จงใจโอบรัดดึงเขาแน่นเหมือนกับกำลังไม่พอใจอยู่ไม่มีผิด “ฉันไม่ตกลงไปหรอกน่า”
หานชิงก้มหน้าลงมองคนที่กำลังไม่พอใจเขาเล็กน้อย ก้มลงไปจูบกลางกระหม่อมเธอด้วยความรักใคร่ จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก
ตอนแรกก็ยังโอเคอยู่ แต่กอดกันด้วยท่าอย่างนี้ เดินไปแล้ว เสี่ยวเหยียนรู้สึกอายเอามากๆ โดยเฉพาะตอนที่ลงบันได เธอรู้สึกแปลกๆยิ่งกว่าเดิม
แต่พอได้ลองมองดูใบหน้าหล่อที่ไร้อารมณ์ของหานชิงดูแล้ว เหมือนกับว่าคนที่รู้สึกแปลกและอายจะมีเพียงแค่เธอคนเดียว เธอก็เลยจะต้องก้มหน้าลง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
กริ๊ง——
คนส่งอาหารเหมือนจะรอจนหงุดหงิดแล้ว จึงเริ่มลองกดออดหน้าประตูดูทีนึง
ตอนที่หานชิงเปิดประตู คนส่งอาหารก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที
“สวัสดีครับคุณหาน นี่เป็นอาหารเย็นที่คุณสั่งครับ”
พูดจบ รอยยิ้มของพนักงานส่งอาหารก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า เพราะว่าเขาเห็นหานชิงที่เปิดประตูออกมาแล้วยังมีอีกคนที่พ่วงมาด้วย อีกทั้งท่าทางนั้นก็ค่อนข้างที่จะแปลกชอบกล
จนกระทั่งสายตาคมกริบของหานชิงคู่นั้นมองมายังใบหน้าของเขา เขาถึงได้รู้ตัวว่าเขาแสดงออกมากเกินไป แต่ยังคงใบหน้ายิ้มแย้มเอาไว้ “ต้องการให้ผมช่วยคุณหานเข้าไปส่งด้านในหรือเปล่าครับ?”
“อืม”
หานชิงตอบรับนิ่งๆ พนักงานส่งอาหารก็เอาของยกเข้าไป
ในระหว่างนั้น ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนก็แดงก่ำ นอนซบอยู่ในอ้อมแขนของหานชิงพร้อมเอ่ยออกมาเบาๆ “ไม่งั้นก็ให้ฉันลงไปจะดีกว่า?”