บทที่144 ปากพระร่วง
เสิ่นเฉียวมีเวลาที่จะคิดถึงปัญหาเหล่านี้ที่ไหนกัน ตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากกว่าก็คือใครเป็นคนถ่ายรูปพวกนั้นให้เย่โม่เซิน
เมื่อวานนี้ตอนที่เธอออกไปกินสุกี้กับเย่หลิ่นหาน เธอก็มองดูรอบ ๆ แล้ว ยังรู้สึกว่าไม่มีใครแล้ว
แต่ว่าตอนหลังก็รู้สึกเหมือนมีคนตามพวกเธอไป
คิดไม่ถึงว่าลางสังหรณ์ของเธอจะไม่ได้ผิดเพี้ยน มีคนสะกดรอยตามเธอจริงด้วย
แต่ว่า คนคนนั้นคือใคร? ทำไมจะต้องถ่ายรูปพวกนั้น แล้วส่งไปให้เย่โม่เซินอีก มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่?” เสี่ยวเหยียนกะพริบตาและมองเธออย่างไร้เดียงสา
เสิ่นเฉียวรู้จักเธอได้ไม่นาน แต่ไม่มีใครร่วมแบ่งปันความทุกข์ตรงหน้ากับเธอ ถ้ายังเก็บไว้เธอคงอึดอัดตายแน่ จึงทำได้เพียงพูด “เธอว่า โดยทั่วไปแล้วใครจะทำร้ายเธอ?”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนกลอกตาใส่เธออย่างช่วยไม่ได้ “คำถามเธอมันงี่เง่าปัญญาอ่อนจัง พวกแรกก็ต้องพวกที่อิจฉาริษยาเธอสิ! หรือไม่ก็พวกคนที่เธอไปทำให้เขาเสียประโยชน์!”
เสิ่นเฉียวสะอึก
ข้อวินิจฉัยนี้ฟังดูมีเหตุผล
“นี่เธอโดนใส่ร้ายเหรอ? เรื่องอะไรน่ะ?” เสี่ยวเหยียนถามด้วยความอยากรู้
“เปล่า เพื่อนของฉันน่ะ” เสิ่นเฉียวพูดให้ง่ายขึ้น “มีเพื่อนฉันคนหนึ่งแต่งงานกับสามีมาได้แค่สองเดือน แต่มีอยู่วันหนึ่งเธอออกไปกินข้าวกับเพื่อนที่บริษัทแล้วถูกถ่ายรูปเอาไว้ จากนั้นรูปถ่ายพวกนั้นก็ถูกส่งไปถึงมือสามีของเธอ เธอคิดว่ามันน่าจะเป็นฝีมือใครเป็นคนถ่ายรูปพวกนั้น?”
“แต่งงานกันสองเดือน?” เสี่ยวเหยียน ใช้ความคิด: “เธอกำลังจะบอกว่าความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่นี้ไม่ราบรื่นใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียวพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
ความรู้สึกของเธอกับเย่โม่เซินไม่ใช่ไม่ดี แต่มันเลวร้ายสุด ๆ ต่างหาก โดยเฉพาะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สถานการณ์มันแย่ลงไปมาก
“อือ จากที่ฉันวิเคราะห์ดูแล้ว ผลลัพธ์เป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือผู้ชายคนนั้นมีผู้หญิงมาชอบ ก็เลยตั้งใจถ่ายรูปพวกนั้นแล้วส่งให้สามีเธอเพื่อปั้นน้ำเป็นตัว”
เสิ่นเฉียวรีบตัดบทเธอ: “ไม่ใช่สามีฉัน!”
“โธ่เอ๊ย รายละเอียดเล็กน้อยไม่ต้องใส่ใจหรอก อย่างที่สองคือสามีเธอไม่เชื่อใจเธอ ก็เลยให้คนมาตามดูเธอเป็นพิเศษ!”
เสิ่นเฉียว: “…ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่สามีฉัน พูดจามั่วซั่ว”
เธอหลังหูร้อนขึ้นมานิดหน่อย ยายเสี่ยวเหยียน คนนี้ยิ่งเป็นคนปากไม่มีหูรูดด้วย เป็นเธอที่ถามผิดคำถามรึเปล่านะ?
เสี่ยวเหยียน ยิ้มและเขยิบเข้ามาอย่างมีแผน “เสิ่นเฉียว เธอคงจะไม่ได้แต่งงานแล้วจริง ๆ หรอกใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียว: “เปล่า!”
จะให้มีข่าวเธอแต่งงานกับเย่โม่เซินแล้วหลุดออกไปให้ผู้หญิงพวกนั้นในบริษัทรู้ไม่ได้
ข้อแรกเธอกับเย่โม่เซินไม่ใช่สามีภรรยากันอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นการรักษาความลับไม่ให้คนอื่นรู้ก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างเหลือเวลาอีกเพียงห้าเดือนเธอก็จะไปแล้ว
ข้อสองถ้าหากว่ากลุ่มผู้หญิงที่บริษัทพวกนั้นรู้ว่าเธอแต่งงานกับเย่โม่เซิน จะต้องมาแหกอกเธอแน่
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเหยียนก็คิดไปแล้วว่าผู้หญิงที่เธอพูดถึงจะต้องเป็นตัวเองแน่ ไม่ว่าเสิ่นเฉียวจะอธิบายยังไงก็ไร้ประโยชน์แล้ว
สุดท้ายเสิ่นเฉียวทำได้เพียงยอมรับ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็สั่นขึ้น เสิ่นมองดูแวบหนึ่ง หานเส่โยวส่งข้อความมาทาง วีแชท
หานเส่โยว {เฉียวเฉียว เย็นนี้กินข้าวกัน ฉันจะรายงานผลกับเธอ}
เมื่อเห็นข้อความนี้มือเสิ่นเฉียวก็สั่น
สองวันที่ผ่านมานี้เธอพยายามเป็นหนักหนาที่จะเก็บซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ ไม่อยากรู้อยากเห็น เธอแม้กระทั่งไม่เป็นฝ่ายติดต่อหานเส่โยวไปก่อน
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้ว จะหนียังไงก็ไม่มีทางหนีพ้น
เสิ่นเฉียวคิดดูแล้ว อย่างไรเสียก็รับปากหานเส่โยวไป
เสี่ยวเหยียนเห็นเธอกดโทรศัพท์ จึงได้เขยิบเข้าไปใกล้แล้วแอบมอง
“ผลอะไรเหรอ?”
อาจจะเพราะความประหม่า มือของเสิ่นเฉียวสั่น โทรศัพท์มือถือจึงได้ตกลงพื้นเสียงดัง
“นี่เธอร้อนตัวอะไรรึเปล่า?” เสี่ยวเหยียนก้มลงไปเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา หลังจากที่มองที่หลังเครื่องแล้วก็คืนโทรศัพท์ให้เธอ
หานเส่โย่วใช้รูปตัวเองเป็นรูป profile เสี่ยวเหยียนเห็นครั้งแรกเธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนสวยมาก แต่พอมองอีกทีทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าหน้าตาผู้หญิงคนนี้นั้นแปลก ๆ จึงอุทานออกมา
“นี่เพื่อนเธอเหรอ? หน้าตาดูแปลก ๆ นะ”
เสิ่นเฉียวเช็ดหน้าจอโทรศัพท์ดู เมื่อเห็นว่ามันยังปกติดี เธอจึงวางใจ
“เธออย่าพูดไร้สาระสิ” เสิ่นเฉียวกับหานเส่โยวเป็นเพื่อนรักกันมานาน หานเส่โยวดีกับเธอเหมือนกับญาติคนหนึ่งมาโดยตลอด เมื่อได้ยินเสี่ยวเหยียนพูดแบบนี้ เธอจึงรู้สึกไม่พอใจทันที
“ฉันไม่ได้ไร้สาระนะ เธอดูที่หางตาสิไหนจะปลายคิ้ว ยังมีมุมหน้าอีกนะ ตายแล้ว~ดูยังไงก็โหงวเฮ้งพวกกลับกลอกปลิ้นปล้อนชัด ๆ”
เสิ่นเฉียว: “…”
เสี่ยวเหยียน: “ถ้าหากว่าจะมีคนเอามีดมาแทงเธอล่ะก็ อาจจะเป็นเธอก็ได้นะ”
เสิ่นเฉียวไม่คิดว่าสิ่งที่เสี่ยวเหยียน พูดจะกลายเป็นความจริง
เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอไม่รู้อะไรเลย เมื่อได้ยินคนอื่นแอบว่าเพื่อนรักตัวเองแบบนี้ ก็ต้องเกิดความไม่สบายใจเป็นเรื่องปกติ
“ เสี่ยวเหยียนฉันเป็นเพื่อนกับเธอถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกว่าเธอหยิ่งอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่คนเลว แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดถึงคนที่เธอเคยเห็นแค่เพียงรูปเขาเพียงครั้งเดียวแบบนี้ เส่โยวเป็นเพื่อนสนิทฉัน ฉันไม่อยากให้คนอื่นพูดถึงเธอแบบนี้ เธอเข้าใจใช่ไหม?”
เสี่ยวเหยียนทำปากขมุบขมิบ “ก็ได้ เธอไม่ชอบงั้นฉันไม่พูดก็ได้ แต่ว่าเธอดูแล้วเป็นไปตามแบบฉบับของพวกปลิ้น…เอาละ ๆ ๆ ฉันไม่พูดแล้ว กินข้าวกัน!”
การทานอาหารมื้อนี้บรรยากาศไม่ค่อยดีนัก เสิ่นเฉียวทานเสร็จแล้วก็ปลีกตัวไปหลังจากนั้น
เธอพักผ่อนครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาจัดการกับเอกสารเหล่านั้น
ในระหว่างนั้นเย่หลิ่นหานมาหาเย่โม่เซินเพื่อรายงานอะไรบางอย่าง เมื่อเดินผ่านเธอเขาหยิบนมร้อนมาให้เธอแก้วหนึ่งด้วย
เสิ่นเฉียวเห็นนมร้อนแก้วนั้นก็เกิดตื่นเต้นขึ้น
เมื่อวานนี้ทั้งสองคนไปทานสุกี้ด้วยกันแล้วโดนถ่ายรูป วันนี้เขาเอานมร้อนมาให้ตัวเองแล้วจะโดนแอบถ่ายอีกไหม?
ทันใดนั้นเสิ่นเฉียวก็นึกถึงความเป็นไปได้ทั้งสองที่ เสี่ยวเหยียนพูดถึง
แท้จริงแล้วอาจจะไม่ใช่คนอื่นที่ทำร้ายเธอ แต่อาจจะเป็นเย่โม่เซินที่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย กลัวว่าเธอจะสวมเขาให้เขา ดังนั้นจึงสั่งให้คนสะกดรอยตามถ่ายรูปเธอเป็นพิเศษ
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
“พี่ใหญ่ ฉันไม่เอา”
เย่หลิ่นหานยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเก่า: “เอาไปเถอะ ดื่มตามสบาย อีกอย่างตรงนี้ไม่มีใครเห็นหรอก”
เสิ่นเฉียว: “…”
“ผมไปหาเย่โม่เซินก่อนนะ”
หลังจากเย่หลิ่นหานไปแล้ว เสิ่นเฉียวถือนมแก้วนั้น ความอุ่นของนมแก้วนั้นส่งผ่านแก้วไปยังฝ่ามือของเธอทำให้หัวใจของเธออุ่นขึ้น
คนอย่างพี่ใหญ่…ช่างเอาใจใส่เสียจริง
หลังจากเสิ่นเฉียวดื่มนมแล้วก็รู้สึกอุ่นสบายท้อง ทำให้สบายตัวได้มาก
มันไม่ง่ายเลยกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน เสิ่นเฉียวเหนื่อยจนแทบจะเป็นลม เอกสารกองพะเนินพวกนั้น มันเยอะเกินไปแล้ว แค่เห็นเธอก็ตาลายแล้ว
เมื่อเธอนั่งพักที่เก้าอี้และเตรียมจะสะพายกระเป๋าเพื่อกลับบ้าน ตอนนั้นเองประตูห้องทำงานก็เปิดออก
“ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”
เสียงเย็น ๆ ดังมาในอากาศ
เสิ่นเฉียวก้าวไปข้างหน้าและหันไปสบตาของเย่โม่เซิน
“แต่มันถึงเวลาเลิกงานตั้งนานแล้ว…” เธอตอบเบา ๆ
แววตาของเย่โม่เซินไม่แยแส “บริษัทตระกูลเย่ยอมให้เกิดการทิ้งงานกลับบ้านทั้ง ๆ ที่งานยังไม่เสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เสิ่นเฉียว: “…”
นี่หมายความว่าจะให้เธอทำโอทีงั้นสิ?
เสิ่นเฉียวรู้ว่าเขาต้องการจะทรมานเธอ เธอกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วอธิบายด้วยเสียงเบา “พรุ่งนี้ฉันจะเข้างานก่อนเวลาได้ไหมคะ? ฉันมีนัดกินข้าวกับเส่โยว ฉัน…”