บทที่ 1433 เร็วเกินไป ห้ามไว้ไม่ทัน
และไม่รู้ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เสี่ยวเหยียนควบคุมความกังวลของตัวเองไว้ไม่อยู่ ขณะที่คิดอยากจะวิ่งตามออกไป หานชิงก็กลับมาพอดี
ในมือของเขามีผ้าห่มหนึ่งผืน
ผ้าห่ม?
เสี่ยวเหยียนเห็นเขาเอาผ้าห่มเข้ามาแล้วทำให้เปียกทันที จากนั้นก็ห่อตัวเสี่ยวเหยียนไว้อย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะไม่ถูกไฟคลอก คุณพันตัวไว้ และตามผมออกไปตอนนี้”
เมื่อพูดจบหานชิงก็จับมือของเสี่ยวเหยียนไว้และเตรียมเดินออกไปข้างนอก
เสี่ยวเหยียนกลับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยุดถามเขา: “เดี๋ยวก่อน บนตัวของฉันมีผ้าห่มเปียก แล้วคุณล่ะ?”
ตอนนี้ทุกที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ ถ้าใช้ผ้าห่มที่เปียกชื้นห่อตัวไว้ แน่นอนว่าสามารถป้องกันไฟลวกและไฟคลอกได้ นี่คือวิธีจัดการปัญหาที่ดี
แล้วเขาล่ะ? ตัวเขาไม่มีอะไรเลย และหลังจากที่เขากลับมาครั้งนี้ เสื้อของเขายังมีร่องรอยถูกไฟไหม้มากกว่าเดิมอีกด้วย!
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เสี่ยวเหยียนจึงรีบพูดตัดบทขึ้น: “พวกเราใช้ผ้าห่มด้วยกัน!”
“ไม่ได้” หานชิงพูดปฏิเสธหล่อนด้วยน้ำเสียงดุดัน “ถ้าเราสองคนใช้ด้วยกันสุดท้ายก็ต้องเจ็บทั้งคู่ เธอคนเดียวอย่างน้อยสุดท้ายก็มีคนเจ็บแค่คนเดียว”
“ไม่!” เสี่ยวเหยียนส่ายหน้าเต็มแรง หล่อนกัดริมฝีปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้น้ำตารินไหลออกมา “คุณพูดผิดแล้ว ถ้าใช้ด้วยกัน อย่างน้อยคุณก็จะได้ไม่ต้องเจ็บหนักมาก คุณบอกว่าหลังจากนี้คุณก็จะเป็นสามีของฉันแล้ว งั้นฉันก็เป็นภรรยาของคุณ ฉันไม่อยากให้คุณต้องเจ็บคนเดียว ฉันช่วยคุณแบกไว้ได้”
“เจ้าโง่!” หานชิงยื่นมือออกไปลูบหัวหล่อนอย่างรุนแรง “ผมเป็นผู้ชาย ปกป้องผู้หญิงถือเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ทำไมต้องให้คุณมาช่วยแบกรับด้วยล่ะ เชื่อฟังผมนะ ตอนนี้ออกไปกับผมก่อน เดี๋ยวไฟจะไหม้เยอะกว่าเดิม”
เสี่ยวเหยียนเห็นสายตาอันมุ่งมั่นเด็ดขาดของเขา ดูเหมือนตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับหล่อน หล่อนไม่มีวิธีอื่น จึงทำได้เพียงหาจากในห้องน้ำ สุดท้ายจึงหันไปเห็นผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ด้านข้าง: “นั่นไง คุณใช้อันนั้น!”
หานชิงยื่นมือไปดึงผ้าห่มลงมา แม้ว่าจะค่อนข้างสั้น แต่ก็ดีว่าไม่มีอะไรเลย
เขารีบทำผ้าขนหนูให้เปียกอย่างรวดเร็ว จากนั้นห่อตัวเองเอาไว้ จับมือเสี่ยวเหยียนไว้แน่น: “วิ่งออกไปอึดใจเดียว ได้ไหม?”
“อื้ม!”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าเต็มแรง
แต่ด้านนอกของโรงแรมในตอนนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้ารอด้วยความร้อนใจ
หลังจากที่หานชิงเข้าไปไม่นาน เซียวซู่ก็มาถึง เขาเดินอย่างรวดเร็ว ราวกับบินเข้าไปด้านในห้อง คนอื่นยังไม่ทันตั้งตัว จึงห้ามไว้ไม่ทัน
จนกระทั่งมีผู้หญิงสวมส้นสูงคนหนึ่งวิ่งตามมาอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อเห็นไฟไหม้จึงหยุดลง
“เขาล่ะ?”
หานมู่จื่อมองดูคนที่เดินมา ถามขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ: “คนที่คุณถามถึงคือเซียวซู่?”
คนที่วิ่งเข้าไปด้านในเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นเซียวซู่ แต่…กลับไม่กล้ามั่นใจว่าตัวเองมองผิดไปรึเปล่า เพราะอีกฝ่ายวิ่งเข้าไปเร็วมาก จากนั้นพวกหล่อนจึงรู้สึกกังวลใจมาก ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความทุกข์ใจ
ขณะที่หานมู่จื่อกำลังคิดสงสัย สายตาของเย่โม่เซินที่อยู่ด้านข้างก็หันไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้น “เขาเข้าไปแล้ว”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินเช่นนั้น จึงตกตะลึงไปทันที จากนั้นก็มองเข้าไปด้านในห้องตามสายตาของเย่โม่เซิน
เมื่อเห็นไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ เลือดที่สูบฉีดอยู่บนใบหน้าของหล่อนก็หายไปหมดทันที มือที่วางอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างก็กำแน่นขึ้น
“เขาเข้าไปแล้วจริงเหรอ? ไฟลุกแรงขนาดนี้ เขาไม่กลัวตายบ้างหรือไง?”
เพียงเพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว เขาวิ่งตรงเข้าไปแบบนี้จริงเหรอ เซียวซู่ นายปล่อยวางจากหล่อนไม่ได้เลยจริงๆใช่ไหม?
คำพูดพวกนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่พูดกับตัวเองในใจ เพราะเหตุการณ์ในตอนนี้ หล่อนก็พูดอะไรไม่ออก
หานมู่จื่อมองดูสายตาและอารมณ์ของอีกฝ่าย จึงรู้สึกว่าหล่อนคงสนิทกับเซียวซู่มาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ตามเขามาแบบนี้ เพียงแค่คิดไม่ถึงว่า คนที่วิ่งเข้าไปเมื่อครู่จะเป็นเซียวซู่ อีกอย่างเย่โม่เซินเองก็มองเห็นชัดแล้ว
“ในเมื่อคุณเห็นเขาแล้ว ทำไมคุณไม่ห้ามเขาไว้ล่ะ?”
เย่โม่เซินพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย: “เร็วเกินไป ห้ามไว้ไม่ทัน”
เร็วคือเร็วมากจริงๆ แม้แต่หลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนลมพัดผ่านไป หลังจากที่ได้ยินพวกเขาคุยกัน สามีภรรยาคู่นี้จึงตั้งสติขึ้นมาได้ว่ามีคนเข้าไปด้านใน
“ทำไมมีคนเข้าไปด้านในอีกแล้วล่ะ? ไฟไหม้เยอะขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้จะทำยังไงดีล่ะ?”
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนอยู่ด้านนอกประตูโรงแรม โมโหมาก หล่อนก็ไม่สามารถบุกเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรได้
โชคดีที่ตอนนั้นพนักงานดับเพลิงมาถึงพอดี ไม่นานนักที่ตรงนี้ก็โดนกั้นบริเวณ หานมู่จื่อกับเย่โม่เซิน และคนอื่นๆถูกพาไปนอกบริเวณที่กั้นไว้
เพราะทำได้แค่รอ พวกหล่อนจึงทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้จักใครสักคนตรงนี้ จึงต้องไปนั่งอยู่ที่ซอกมุมหนึ่งเพียงลำพัง ยื่นมือออกมากอดเข่าของตัวเองไว้ มองไปที่เท้าของตัวเอง
เจียงเสี่ยวไป๋ เธออย่าเห็นแก่ตัวเกินไปสิ เธอก็รู้ว่าเขามีใครในใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เธอยังคงตัดสินใจที่จะลองคบกับเขา ในเมื่อเธอรู้เรื่องทุกอย่าง และยินยอมทุกอย่าง งั้นเธอก็ต้องให้เวลากับเขา
วันนี้มาร่วมงานแต่งงาน แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่างานแต่งวันนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก ในขณะที่เขายังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น เขาสามารถบุกฝ่าเข้าไปในเพลิงไฟอย่างไม่คิดชีวิตเช่นนี้ได้ถือเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้น ให้อภัยเขาเถอะ
อีกอย่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ เขาสามารถออกมาจากด้านในได้อย่างปลอดภัย ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา เจียงเสี่ยวไป๋แทบไม่อยากคิดต่อ
หล่อนนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีน่าสงสาร
น่าเสียดายที่ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังเป็นกังวล ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนรอบข้าง
ไม่นานนัก ก็มีข่าวความคืบหน้า บอกว่าหานชิงพาเสี่ยวเหยียนออกมาได้แล้ว ทั้งสองไม่เป็นอะไรมาก แต่อาจจะเป็นเพราะสูดควันมากเกินไป ดังนั้นเมื่อออกมาได้ไม่นาน เสี่ยวเหยียนจึงเป็นลมไป และหานชิงก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ทั้งสองจึงถูกหามขึ้นรถพยาบาลไป หานมู่จื่อเป็นเพื่อนสนิทกับเสี่ยวเหยียน และเป็นน้องสาวของหานชิงเช่นกัน ไม่นานนักจึงพาเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นไปบนรถพร้อมกัน
ต้องมีคนรออยู่ที่สถานที่เกิดเหตุ นั่นก็คือเย่โม่เซิน ก่อนที่จะออกไป หานมู่จื่อพูดกับเย่โม่เซินว่า “เซียวซู่ก็เข้าไปแล้ว ถึงตอนนั้นคุณช่วยดูด้วยนะ”
“อื้ม”
เพราะเมื่อก่อนเซียวซู่คอยติดตามเขามาตลอด เย่โม่เซินเองก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้
หลังจากที่พวกเขาออกไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังรออยู่ เพราะเมื่อครู่หล่อนเห็นผู้ชายคนหนึ่งอุ้มผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในรถพยาบาลแล้ว นั่นก็คงเป็นคู่รักใหม่ในวันนี้
แล้วเซียวซู่ล่ะ?
พวกเขาออกมากันหมดแล้ว เขาก็ควรใกล้ออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ?
เจียงเสี่ยวไป๋รีบลุกขึ้นยืน จากนั้นรออยู่ที่ทางเข้าที่พวกนักดับเพลิงกั้นเอาไว้ เย่โม่เซินยืนเม้มปากรอด้วยสีหน้าอันเย็นชา
งานแต่งงานดีๆ กลับถูกไฟไหม้จนวุ่นวายไปหมด หลังจากที่ส้งอานรู้เรื่องนี้ จึงค่อยๆให้แขกทยอยออกไป
และเจียงเสี่ยวไป๋ในตอนนี้ยังเฝ้ารอให้เซียวซู่ออกมาอย่างกระวนกระวายใจ รออยู่นานสักพักใหญ่ แต่ยังคงไม่เห็นเงาของเซียวซู่ หล่อนกัดริมฝีปากแน่น “ด้านในยังมีคนอยู่ ทำไมยังไม่ออกมาล่ะ?”
หล่อนพูดพลาง คิดจะบุกเข้าไป จากนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่ขวางไว้
“พวกคุณปล่อยฉันนะ ด้านในยังมีคนที่ไม่ออกมา”