บทที่1442 ทรัพย์สินในอ้อมอกอ้อมใจ
ในคืนวันนั้น บรรยากาศของที่แห่งนั้นก็สนุกสนานกันมาก เพราะว่าบนเวทีมีผู้หญิงคนนึงมาปรากฏตัวขึ้น
ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยสดงดงาม อีกทั้งสิ่งที่ทำให้คนปางตายได้เลยก็คือในความไร้เดียงสาของผู้หญิงคนนี้ที่ยังแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่น่าเย้ายวนใจ แต่เสน่ห์นี้เองก็ยังคงมีขอบเขตอยู่ ไม่ทำให้คนรู้สึกว่ามันดูมากเกินไป ก็เลยไม่ได้ดูดาษดื่นธรรมดา ยิ่งเธอเต้น ก็รังแต่จะทำให้คุณรู้สึกว่ามันยิ่งไม่อาจหยุดความต้องการได้เท่านั้น
ในที่สุดเจียงเสี่ยวไป๋ก็ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ จากนั้นก็โยนเสื้อตัวนั้นปลิวออกไป!
“อ้าก!!!”
การกระทำนี้ได้ทำเอาผู้ชายที่อยู่ด้านล่างแย่งกันอย่างบ้าคลั่ง
มองพวกผู้ชายที่อยู่ด้านล่างที่ได้ทำการเหมือนอย่างกับหมาป่าที่หิวกระหายกระโจนเข้าหาอาหารพวกนั้นแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เหยียดหยันอยู่ในใจ คนพวกนี้เป็นอะไรไปหา? เธอแค่เต้นเองไม่ใช่หรอ? แค่เห็นเสื้อคลุมหัวเดียวก็บ้าคลั่งกันถึงขนาดนี้?
น่าเบื่อเสียจริง!
นักเต้นประจำร้านก็โกรธจนดวงตาแดงก่ำออกมา เพราะเธอเห็นว่าหลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ถอดเสื้อคลุมออกไปแล้ว ก็เผยให้เห็นชุดราตรีเว้าตรงอกที่อยู่ด้านในปรากฏออกมา
กระโปรงชุดราตรีของเธอไม่ได้สั้น ยาวปิดเข่าพอดี แล้วยังเป็นแบบที่ไม่ได้ดูพิธีการเท่าไหร่นัก กระโปรงอย่างนี้ต้องพึ่งร่างเอามากๆ คนที่สวมไม่ดีจะทำให้ดูอ้วนดูขาสั้นได้ง่ายๆ แต่เจียงเสี่ยวไป๋นั้นไม่ กระโปรงเมื่ออยู่บนร่างของเธอแล้ว ทำให้เธอดูขาเรียว สองขาเรียวยาว
หลังจากที่ถอดเสื้อคลุมออกแล้ว ไหล่ขาวเนียนประหนึ่งหยกนั้นของหญิงสาวได้เผยออกมาท่ามกลางแสงไฟที่ส่องลงมา ยิ่งเรียกความสนใจจากผู้คนได้ดีขึ้น
นักเต้นประจำร้านเริ่มโมโหตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมเธอถึงได้ให้โอกาสผู้หญิงคนนี้ได้ถอดเสื้อคลุมออกด้วยนะ? แต่คงเป็นเพราะเธอบ้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อว่าจะแพ้ไปอย่างนี้ เธอเป็นถึงนักเต้นประจำร้านเลยนะ ทำไมแค่ผู้หญิงคนเดียวมา ก็แย่งซีนเธอไปหมด?
ชิส์ ก็แค่เด็กน้อยคนนึง ยังคิดจะมาสู้กับเธออีก? ไม่ดูสักหน่อยว่าตัวเองแน่แค่ไหน?
นักเต้นคนนั้นก็เลยตัดสินใจที่จะปล่อยใหญ่ออกไป เธออ้อมไปตรงด้านหน้าเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวไป๋มองเธอไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรอีก?
บนร่างของเธอไม่มีเสื้อคลุมที่จะถอดได้แล้ว หรือว่าเธอยังคิดที่จะถอดเสื้อกล้ามตัวจิ๋วบนตัวออกอีกงั้นหรอ?
ถ้าเธอกล้าทำอย่างนี้จริงๆ อย่างนั้นแล้วเจียงเสี่ยวไป๋จะต้องสู้ไม่ไหวแน่ ถึงยังไงเธอยังไม่มีความกล้านั้นจริงๆ
กลัวอะไรอยู่อย่างนั้นก็มาถึง ในบทที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังสงสัยอยู่ว่าเธอจะถอดเสื้อกล้ามที่อยู่บนร่างเธอออกไปหรือเปล่านั้นเอง นักเต้นของร้านที่อยู่ตรงหน้าก็ได้เริ่มการขยับ เธอค่อยๆเอามือวางไปที่เอวตัวเอง ค่อยๆดึงเสื้อขึ้นข้างบนทีละนิดๆ
เสียงกู่ร้องด้านล่างก็ได้ดังขึ้นอีกอย่างที่คิด
นักเต้นยกยิ้มได้ใจออกมา จงใจถอดเสื้อกล้ามออกไปต่อหน้าเจียงเสี่ยวไป๋ เผยให้เห็นชุดชั้นในลายลูกไม้ที่อยู่ด้านใน
ภาพนี้ได้ทำเอาเจียงเสี่ยวไป๋อึ้งทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา มองเธอไปอย่างไม่อยากเชื่อ
เล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ? น่านับถือจริงๆ เจียงเสี่ยวไป๋ส่งสายตานับถือไปให้ผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็ถอนสายตาหันมาเต้นของตัวเองต่อ
นักเต้นที่ร้านมีสีหน้าอึ้งออกมา เธอทำอย่างนี้ก็เพื่อท้าทายเจียงเสี่ยวไป๋ เธอไม่กล้าทำอย่างนี้แน่ๆ ถึงยังไงเธอก็เกิดมาจากแถวๆที่สถานที่อโคจรอะไรทำนองนั้นอยู่แล้ว ก็เลยปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างมาก ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋นั้นเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถปล่อยเนื้อปล่อยตัวได้อย่างเธอ ผลสุดท้ายแล้วก็เลยไม่ควรจะเป็นไปได้ เธอเห็นตนเรียกสายตาจากผู้คน ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋นั้นทำไม่ได้ แล้วก็จะรีบเดินออกไปด้วยไม่พอใจหรือเปล่า?
แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับถือดี ไม่นึกเลยว่าจะยังยืนเต้นอยู่ตรงนั้นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีก
อารมณ์ของนักเต้นตอนนี้ก็คือตนปล่อยหมัดออกไป นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพียงการต่อยลงไปบนฝ้ายเท่านั้น จึงทำเอาเธอไม่พอใจเอามากๆ เธอได้เดินไปยังด้านหน้าเจียงเสี่ยวไป๋อีกครั้ง
“ทำไมเธอไม่ถอด?”
ได้ยินอย่างนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็มองเธอเหมือนกับมองคนโง่ก็ไม่ปาน จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “ฉันไม่ได้พึ่งการเอาใจพวกเขาเพื่อใช้ชีวิตนี่ ทำไมต้องถอดด้วย?”
นักเต้นถูกเธอพูดมาอย่างนี้ ก็พูดไม่ออกขึ้นมาทันที
ใช่แล้ว เธอก็แค่ขึ้นมาเต้นสนุกๆเท่านั้นเอง ทำไมต้องถอดเสื้อผ้าเพื่อมาเอาใจเจ้าพวกสุนัขตัวผู้พวกนี้ด้วย?
“ยัยดอกบัวขาว แล้วเมื่อกี้ทำไมถึงถอดเสื้อคลุมออกล่ะ?”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ่งมีสีหน้าไม่แคร์ออกมาอีก “เพราะฉันร้อนไง!”
เธอเต้นอยู่ตรงนี้อยู่นาน อากาศตรงนี้มันทั้งอบอ้าวอย่างมาก เธออยากถอดเสื้อคลุมออกตั้งนานแล้ว เพียงแต่นักเต้นของร้านได้ให้โอกาสดีๆกับเธอมาก็เท่านั้น
นักเต้นประจำร้าน “…แก!”
เจียงเสี่ยวไป๋เอ่ยยิ้มๆออกมา “เธอคงไม่คิดหรอกว่าฉันทำไปเพื่อยั่วอารมณ์เธอก็เลยถอดเสื้อคลุมออกไปหรอกมั้งใช่มั้ย?”
นักเต้นของร้านถูกเธอทำเอาโกรธจนพูดไม่ออก เอ่ยออกมาด้วยอาการโกรธฮึดฮัด “โกหก ฉันไม่เชื่อแกหรอก”
“แล้วแต่เธอแล้วกัน เธอจะเชื่อหรือไม่สำหรับฉันแล้วมันไม่ได้สำคัญเลย นอกจากนี้คุณผู้หญิงท่านนี้ ถอดออกมาอย่างนี้แล้วแต่ก็ไม่อาจทำให้ผู้ชายหยุดได้เลยนี่ หรือว่าเธอไม่เคยได้ยินมาหรอว่ายิ่งปกซ่อนนี่มันยิ่งเห็นชัด อยากเต๊าะหรือไม่สิถึงจะสำคัญที่สุดไม่ใช่หรือไง? อย่างเช่น เหมือนอย่างแบบนี้ไง…”
เสียงพูดของเจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งจะหลุดออกมา ทันใดนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมาดึงกระโปรง ขาข้างหนึ่งก้าวออกไปข้างหน้าเผยให้เห็นน่องขาขาวเรียวยาวออกมา
เธอเผยออกไปไม่เยอะ ผ้าที่ปิดคลุมอยู่บนเข่า แค่เพียงอากัปกิริยานิดๆหน่อยๆ ผู้ชมทั้งหมดในที่ตรงนั้นก็เอิกเกริกกันไปแล้ว
สีหน้าของนักเต้นของร้านมืดครึ้มออกมาทันที
“เธอดูสิ” เจียงเสี่ยวไป๋มองเธอไปด้วยความขบขัน “ผลลัพธ์ที่เธออยากได้ ไม่ต้องถอดก็ได้มาแล้ว ทำไมเธอจะต้องทำให้มันเสียเปรียบอย่างนั้นด้วยล่ะ?”
นักเต้นของร้านรู้สึกว่าตัวเธอนั้นโกรธจนจะตายอยู่แล้ว แต่กลับดันไม่มีทางที่จะตอบโต้คำพูดของเธอได้ เพราะว่าเจียงเสี่ยวไป๋ได้ใช้การกระทำมาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว เธอจึงตอบโต้กลับไปไม่ได้เลย
สุดท้ายเธอก็คงต้องโกรธจนขาดสติแน่เลย จึงได้พูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ไปว่า “นั่นไม่ใช่ว่ามันเป็นเพราะว่าเธอสวยหรือไง”
พูดจบ นักเต้นของร้านก็แทบอยากจะกัดปากตัวเองให้แตก เธอเป็นอะไรไป ทั้งๆที่เกลียดยัยเด็กนี่ที่มาแย่งซีนไป แต่สุดท้ายยังไปชมอีกฝ่ายว่าสวยอีก!
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่า เจียงเสี่ยวไป๋จะมองเธอมาอย่างขบขัน จากนั้นก็พูดต่อออกมา “อย่าพูดอย่างนั้นเลยพี่สาว พี่สาวสวยกว่าฉันเยอะ”
ได้ยินอย่างนั้น นักเต้นของร้านคนนั้นก็นิ่งอึ้งไป “เธอ เธอคิดว่าฉันสวยกว่าเธอจริงๆหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันก็แค่ขึ้นมาสนุกๆ ด้วยความที่โกรธสุนัขตัวผู้บางตัวเท่านั้นเอง ยังไงที่นี่ก็เป็นถิ่นของพี่สาวนี่ พี่สาวเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญแล้ว!”
เธอพูดไปเสียอย่างนั้นแล้ว นักเต้นของร้านคนนั้นก็รู้สึกว่าใจได้ถูกปลอบประโลม ไม่ได้หาเรื่องเจียงเสี่ยวไป๋อีก แล้วยังได้เริ่มพูดคุยเม้าท์มอยกับเธอ
“เธอทำไปเพื่อยั่วโมโหผู้ชาย? แฟนเธอ?”
“อ่าฮะ!”
“งั้นเธอทำอย่างนี้ไม่ได้นะ แค่ถอดเสื้อคลุมตัวเดียวไม่ทำให้เขาโกรธหรอก”
“เอ๋? แล้วพี่สาวมีความคิดอะไรที่ดีกว่านี้หรอ?”
เพราะว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ยอมถอดชุดราตรี นักเต้นของร้านคนนั้นเองก็ไม่มีทางที่จะให้เธอถอดออกเหมือนกัน เพราะถึงยังไงค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปมันยิ่งใหญ่มากจริงๆ ดังนั้นแล้วเธอจึงแสยะยิ้มแล้วหยิบไมค์ขึ้นมา จากนั้นก็พูดออกไปทันที “คุณผู้ชายทุกท่าน คุณหนูที่อยู่ข้างฉันท่านนี้บอกมาแล้วว่าคืนวันนี้คนที่ยอมเหมาค่าใช้จ่ายทั้งร้าน จะสามารถมาเต้นด้วยกันกับเธอได้หนึ่งชั่วโมงนะคะ”
หลังจากที่คำพูดนี้ได้พูดออกไป ในที่แห่งนั้นก็ลุกโชนขึ้นมาทันที
เซียวซู่ที่อยู่ด้านล่างก็มีสีหน้าอึมครึมกว่าเก่า
บทที่เจียงเสี่ยวไป๋ยังตกตะลึงอยู่นั้นเอง นักเต้นของร้านคนนั้นก็ได้ประกาศออกไปแทนเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอมีท่าทางเอ๋อไปเล็กน้อย พอได้สติกลับมาถึงได้พูดออกไปว่า “นั่นมันอะไรกัน ถ้าเกิดมีคนเลี้ยงทุกคนขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ต้องเต้นกับคนนั้นสิ?”
พี่สาวนักเต้นของร้านยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา “เธอกังวลอะไร? โอกาสที่จะได้ทดสอบแฟนของเธอมาแล้วนะ ดูสิว่าคืนนี้เขาจะยอมตัดใจยอมจ่ายหรือเปล่า ถ้าไม่ยอม อย่างนั้นแล้วแฟนสาวจะไปเป็นทรัพย์สินในอ้อมอกของคนอื่นเขาแล้ว”