บทที่1444 อย่าพูดว่าเลิก
เจียงเสี่ยวไป๋ถูกเซียวซู่แบกมาตลอดทางออกมาจากบาร์เหล้า
อุณหภูมิหายในบาร์เหล้าสูง เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ด้านในก็เลยไม่หนาว แต่พอออกจากบาร์มา ก็ถูกลมหนาวจากด้านนอกพัดมา เธอจึงทนไม่ไหวจนตัวสั่นออกมา
แต่ภายในใจนั้นก็ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ เซียวซู่แบกเธอเดินมาตลอดทาง เธอก็ต่อว่าเขาไปตลอดทาง
“วางฉันลงเซียวซู่ ได้ยินมั้ย? นี่คุณอุ้มฉันหรอ? คุณกำลังแบกฉันอยู่ชัดๆ แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาแตะเนื้อต้องตัวฉันกัน? จะใช้สิทธิ์ที่คุณจ่ายบิลให้ทุกคนงั้นหรอ? นั่นมันเป็นเงินที่คุณจ่ายแทนคนอื่น ทำไมฉันต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาแทนพวกเขาด้วย?”
ไร้การตอบสนอง ภาพตรงหน้ายังคงเปลี่ยนไปไม่หยุด
เจียงเสี่ยวไป๋โกรธจนไม่ไหวอยู่แล้ว จึงได้พ่นคำด่าเข้าออกมาต่อ “คุณไปแย่งบิลอะไรกัน? ทำตัวเป็นคนโง่ที่โดนหลอกให้เสียเงินไปเปล่าๆอะไรหรือไง คุณนึกว่าคุณมีเงินมากหรอ? ฉันก็แค่อยากเต้นกับผู้ชายคนอื่นชั่วโมงนึงมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ถึงคิวที่คุณจะเสนอหน้าออกมาหรอ?”
“คุณปล่อยฉันลงไปนะ ฉันจะเดินเอง ปล่อยฉันลง!”
“เซียวซู่ไอ้คนระยำ ได้ยินหรือเปล่า? คุณมาหาฉันทำไมฮะ? คุณไปอยู่โรงพยาบาลของคุณไปสิ คนงามของคุณยังรอคุณอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงยังไงที่ฉันพูดไปคุณก็ไม่ฟังอยู่แล้ว แล้วทำไมฉันต้องฟังคุณด้วย? ปล่อยฉันลง!”
ในที่สุด เซียวซู่ก็คงรับคำพูดเรื่อยเปื่อยของเธอไม่ไหว ก็ได้หยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็วางเจียงเสี่ยวไป๋ลงบนพื้นไปอย่างนิ่มนวล
ทันทีที่เท้าเหยียบถึงพื้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็จ้องมองเซียวซู่ไปด้วยความอาฆาต หลังจากนั้นก็ผันร่างเดินออกไป
“ถ้าเธอกล้าหนีไปอีก ฉันจะแบกเธอขึ้นมา แล้วก็จะเดินกลับบ้านไปอย่างนี้”
ได้ยินอย่างนั้น ฝีเท้าของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้หยุดชะงักลง จากนั้นก็หันมาจ้องมองเซียวซู่ “คุณขู่ฉันหรอ?”
เซียวซู่เดินเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าว เข้าประชิดด้านหน้าเธอ “ไม่ต้องขู่หรอก ที่นั่นมีคนดีคนชั่วปะปนกันไปหมด ด้านในมีคนแบบไหนอยู่เธอไม่รู้เลยหรือไง เธออยู่ในนั้นฉันไม่วางใจ”
“ชิส์ เมื่อก่อนบทที่คุณไปดื่มเหล้าให้ลืมความทุกข์ยังได้เลย ทำไมฉันไปเต้นสักหน่อยต้องให้คุณมายุ่งด้วยล่ะ?”
“นั่นเพราะว่าตอนนี้ฉันเป็นแฟนเธอแล้วไง ถ้าเธอไม่ใช่แฟนฉัน เธอคิดว่าฉันจะมายุ่งหรือเปล่า?”
“เซียวซู่ คุณทำให้มันชัดเจนหน่อย บทที่ฉันยุ่งกับคุณ คุณไม่ฟังฉัน ทำไมบทที่คุณมายุ่งกับฉัน ฉันต้องฟังด้วย? คุณเป็นแฟนแล้วมันเจ๋งมาก? ถ้าคุณใช้สถานะแฟนแล้วจะมายุ่งกับฉันล่ะก็ งั้นเลิกกันไปก็สิ้นเรื่อง”
บทที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดคำพูดตรงท่อนสุดท้ายของประโยคนี้ออกมาความรู้สึกในตอนนั้นสงบนิ่ง
เธอไม่ใช่คนจำพวกที่ว่าชอบพูดคำว่าเลิกซี้ซั้วอยู่ตลอด แต่วันนี้เธออยากเลิกมากจริงๆ
ได้ยินคำว่าเลิกคำนี้แล้ว รูม่านตาเซียวซู่หดลงเล็กน้อย หรี่ตามองเธอ “เธอพูดอีกทีสิ?”
เจียงเสี่ยวไป๋หลุบตาลง “จะให้พูดอีกทีไปทำไม? คุณไม่ได้หูตึงสักหน่อย ได้ยินไม่ชัด? เรื่องวันนี้ ถ้าคุณเห็นฉันเป็นแฟนของคุณ และได้คิดว่าคุณเป็นแฟนของฉัน คุณไม่มีทางที่จะไม่สนใจความคิดของฉัน คุณรู้หรือเปล่าว่าบทที่คุณพุ่งเข้าไปหาไฟฉันกังวลแค่ไหน? คุณรู้หรือเปล่าว่าบทที่คุณถูกช่วยออกมาฉันโล่งใจมาก โรงพยาบาลอะไรก็ตามไปหมด แต่ผลก็คือคุณกลับถือดีเสียเหลือเกิน พอตื่นขึ้นมาก็ไปอยู่ข้างๆเสี่ยวเหยียนของคุณทันทีเลย ข้างตัวเธอไม่มีคนคอยเฝ้าอยู่หรือไง? ก็ไม่ เธอมีสามี มีคนในครอบครัว คุณไปแล้วมันจะทำอะไรได้ล่ะ? ฉันให้คุณกลับห้องผู้ป่วยไป คุณก็ยังไม่รักดี ฉันไปแล้ว แม้แต่จะไล่ตามมาก็ไม่มี เหอะๆ…”
พูดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังดูถูกตัวเองหรือว่าคิดว่ามันน่าขันกัน จู่ๆก็หลุดหัวเราะออกมา สุดท้ายก็หัวเราะจนจมูกเริ่มแสบไปหมด
เธอเงยหน้าขึ้น จ้องมองเซียวซู่ไปด้วยดวงตาที่แดงก่ำเหมือนกับกระต่ายไม่มีผิด “คุณว่า ใต้หล้านี้จะมีแฟนที่อาภัพอย่างฉันหรือเปล่า?”
คำพูดประโยคนั้นได้กล่าวโทษออกมาคำแล้วคำเล่า ก่อนหน้านี้เจียงเสี่ยวไป๋เอาแต่เก็บซ่อนมันเอาไว้ในใจ เพราะว่าเขาบาดเจ็บหนักเธอก็เลยไม่พูดออกไปสักคำ เพราะว่าสถานการณ์มันไม่อำนวย เธอพยายามที่อยากจะให้ตัวเองเป็นแฟนที่รู้กาลเทศะคนนึง
ถึงยังไงคนเขาก็ได้รับบาดเจ็บมา เธอยังพูดแดกดันอยู่ที่นั่นอีก หาเรื่องให้ตัวเองมันแย่ขนาดไหน
แต่เธอเองก็น้อยใจเหมือนกัน เธอก็คนคนนึงนะ เธอเองก็มีความรู้สึกรักโลภโกรธหลงด้วยเหมือนกัน เศร้าเสียใจเป็นเหมือนกัน ให้เธอใจกว้างมีมนุษยธรรม ปล่อยผ่านไปโดยที่ไม่คิดอะไรอย่างนั้นเธอทำไม่ได้หรอกนะ
ก่อนหน้านี้เก็บเอาไว้ไม่พูด แต่ตอนนี้กลับพูดออกมาจนหมดเปลือก
เซียวซู่เองก็รู้ว่าครั้งนี้ตนได้ทำผิดไป ต่อหน้าแฟนของตัวเอง เขาไม่มีความรับผิดชอบเท่าที่ควรมีเลยจริงๆ
เห็นเบ้าตาเธอแดงเสียจนเหมือนกับกระต่าย ภายในใจของเซียวซู่เองก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาเหมือนกัน เดินเข้าไปดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมแขน กดรั้งท้ายทอยเธอเอาไว้
“เธอจะตบหรือจะด่าก็ได้ทั้งนั้น ตอนนี้แฟนเธออยู่ตรงหน้าเธอ เธออยากทำอะไรก็ได้ แต่อย่าพูดว่าเลิกกันเลย”
เสียงของเขาหดหู่จนน่าตกใจ คอแหบแห้ง ก็เลยยังประดับไปด้วยความแหบแห้งเล็กน้อย “พวกเราเพิ่งจะเริ่มกันได้ไม่นาน ให้เวลาฉันสักหน่อย ให้เวลาฉันอีกหน่อย”
เจียงเสี่ยวไป๋ควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา ทันใดนั้นเองเธอก็ยื่นมือออกไปหยิกหูเซียวซู่เน้นลงไปอย่างแรง แรงที่ลงไปนั้นแรงกว่าปกติหลายเท่าตัว เซียวซู่รู้สึกได้ถึงความเจ็บ แต่ตอนนี้แม้แต่คิ้วกลับไม่ได้ขมวดออกมาเลยสักนิด เพียงแค่รองรับเอวของหญิงสาวคนตรงหน้าเอาไว้ อุ้มเธอขึ้นมา “กลับบ้านก่อน หลังจากที่กลับบ้านแล้วค่อยคุยกันโอเคมั้ย?”
เจียงเสี่ยวไป๋นั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่ดวงตาก็ยังคงแดงก่ำ ดูไปแล้วก็น่ากลัวสุดๆ
“กลับบ้านก็ได้ แต่คุณอย่าคิดว่าอย่างนี้แล้วฉันจะยกโทษให้คุณนะ เรื่องวันนี้ฉันไม่มีวันลืม”
“อืม”
“ยังมีอีกเรื่อง เลิกที่ฉันพูดออกไปเมื่อกี้นี้คือฉันจริงจัง เป็นตัวคุณเองที่ไม่อยากเลิกกับฉัน เป็นคุณที่พยายามรั้งฉันเอาไว้ ฉันสงสารคุณหรอกนะก็เลยตอบรับคุณน่ะ”
“โอเค เป็นฉันที่ไม่อยากเลิกเอง เป็นฉันที่พยายามรั้งเธอเอาไว้”
“เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของคุณ คุณก็อุ้มฉันกลับบ้านไปอย่างนี้เสียเถอะ”
ระยะทางจากที่นี่ถึงบ้านนั้นอยู่ที่ประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้าเดินไปล่ะก็ คาดว่าน่าจะ…
เซียวซู่คำนวณในใจอยู่แป๊บนึง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป พูดคำพูดดีๆออกไปไม่ได้เลย จึงอุ้มเจียงเสี่ยวไป๋เดินหน้าออกไป
ก็ดีที่เซียวซู่สูง เจียงเสี่ยวไป๋ผอม บทที่อุ้มเธอเดินไปก็เลยไม่เหนื่อยเลย เจียงเสี่ยวไป๋เดิมทีก็นึกว่าเขาจะปฏิเสธออกมาเสียอีก ถ้าเขาปฏิเสธออกมาล่ะก็ เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่สนใจเขาเลยทันที แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะอุ้มเธอเดินไปโดยที่ไม่บ่นออกมาสักคำ
ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าการหายใจของผู้ชายคนนี้เริ่มหนักขึ้น
ถึงแม้ว่าเธอจะผอมแค่ไหน แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้ใหญ่คนนึง อุ้มเธอเดินไปในระยะทางสั้นๆก็ได้อยู่หรอก อุ้มนานก็จะต้องเหนื่อยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แล้วเซียวซู่ก็ไม่ใช่หุ่นยนต์สักหน่อย บวกกับที่เขาบาดเจ็บด้วยอีก
บาดเจ็บ พูดถึงเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้ตระหนักได้ว่ารอบๆเหมือนกับว่าจะมีกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นฟุ้งกระจายออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติขึ้นมาทันที จึงได้เป็นฝ่ายเริ่มถามเซียวซู่ออกไป “คุณวางฉันลงไปก่อน”
ส่วนเซียวซู่ก็เม้มริมฝีปากออกมา แต่ก็ไม่ได้ตอบไป
“เซียวซู่ คุณได้ยินหรือเปล่า? วางฉันลงก่อน”
ได้ยินอย่างนั้น เซียวซู่ก็ก้มลงมองเธออย่างจนใจอยู่แวบนึง พร้อมเอ่ยออกมาด้วยเสียงอู้อี้ “เป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่าให้ฉันอุ้มเธอกลับบ้านหรอ? วางเธอลงไปตอนนี้ เธอจะยังยกโทษให้ฉันอยู่มั้ย?”
“ถ้าคุณเชื่อฟังฉัน ฉันก็จะยกโทษให้คุณ วางฉันลงซะ!”
เธอต้องดูบาดแผลบนร่างเซียวซู่สักหน่อย กลิ่นคาวเลือดนี่มันแรงไปนิด เดิมทีเขาก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว อุ้มเธอเดินมานานขนาดนี้ แผลจะต้องฉีกหมดแน่เลย!
เซียวซู่ไม่ได้พูดออกมา และก็ไม่ได้วางเธอลงไปเหมือนกัน