บทที่1447 ทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว
“เซียวซู่”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ถามไปแล้วนั้น ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมา เอื้อมมือออกไปจับข้อมือของเขา น้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณรีบพูดมาเถอะ ฉันถามคุณมาตั้งหลายรอบแล้ว ตกลงจ่ายไปเท่าไหร่กัน?”
“อยากรู้ขนาดนั้น?” เซียวซู่หรี่ตาลงมองผู้หญิงที่แสดงสีหน้าปรือๆตรงหน้า โน้มตัวลงประชิดตัวเธอมากขึ้น ริมฝีปากจรดลงไปข้างๆใบหูของเธอ ลมหายใจอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวเธอ ค่อยๆบอกจำนวนตัวเลขไปช้าๆ
จากเดิมที่ตาของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังปรือออกมาทีละนิดๆ หลังจากที่ได้ยินจำนวนนั้นก็ตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที เบิกตากว้างจ้องมองเซียวซู่
“จ่าย จ่ายไปเยอะขนาดนั้นเลย?”
พอนึกถึงเงินจำนวนนั้น เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าใจของเธอนั้นมีเลือดที่กำลังหลั่งริน ใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา “ทำไมถึงจ่ายไปตั้งเยอะแยะขนาดนั้นกัน? คุณนี่มันตัวล้างผลาญเงินจริงๆ เงินเยอะขนาดนั้นแต่คุณกลับจ่ายไปทั้งหมดตาไม่กระพริบเลย คุณต้องหามานานแค่ไหนกัน? ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ่ายไปเลยแท้ๆ…”
ยิ่งพูดเจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ่งปวดใจ หัวใจก็กำลังมีเลือดไหล่หลั่งออกมา
บรรยากาศดีๆระหว่างทั้งสองคนที่เคยมี ได้ถูกเจียงเสี่ยวไป๋ทำลายไปจนสิ้น
เซียวซู่ได้ยินคำว่าตัวล้างผลาญเงินคำนั้น ก็จูบต่อไม่ลงแล้วจริงๆ จึงถือโอกาสพลิกตัวนอนลงข้างๆตัวเธอ “ไม่จ่ายเงิน ปล่อยให้เธอเต้นกับผู้ชายคนอื่น?”
เขารู้ตัวเองดีว่าเขามันไร้ความสามารถ
พูดไปก็เหมือนว่าจะใช่ เต้นกับผู้ชายคนอื่นความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้อยากทำหรอก เธอเองก็นึกไม่ถึงว่าพี่สาวนักเต้นของร้านจะให้เธอเล่นใหญ่ขนาดนี้ เฮ้อ ถ้ารู้ก่อนก็ไม่บอกหล่อนหรอก
เซียวซู่นั้นเป็นแฟนของเธอ เสียเงินก้อนใหญ่อย่างนั้นไปอย่างไร้เหตุผล
นึกถึงอะไรขึ้นมา ทันใดนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็พลิกตัว มองเซียวซู่ไปด้วยสายตานิ่งเรียบ
“จะว่าไปคุณก็จ่ายไปตั้งเยอะขนาดนั้น หลังจากนี้คุณจะยังมีเงินแต่งงานอยู่อีกหรือเปล่า?”
เซียวซู่ชะงักไป มองเจียงเสี่ยวไป๋ไปด้วยสายตาลึกซึ้ง นี่เธอกำลังกังวลเรื่องนั้นอยู่?
ริมฝีปากบางแสยะออกมาเล็กน้อย เซียวซู่ก็ได้พลิกตัวหันไปหาเธอเช่นเดียวกัน “ฉันอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปี จะไม่เก็บสะสมเอาไว้เลยได้ยังไงกัน นอกจากนี้เงินเดือนของฉันก็ไม่ได้น้อย เงินที่จะขอเธอแต่งงานมันยังมีเหลือเฟือ”
เผชิญกับสายตาเย้าหยอกของเขา ใบหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋แดงออกมา พูดโต้กลับออกไปทันที “คุณกำลังพูดอะไร? ฉันก็แค่กังวลว่าหลังจากนี้คุณจะแต่งภรรยาไม่ได้เท่านั้นเอง ใครบอกว่าคุณต้องขอฉันแต่งงานกัน? ถ้าคุณอยากแต่งกับฉัน มันก็ไม่แน่ว่าฉันจะแต่งกับคุณหรอกนะ!”
แฟนก็เพิ่งจะเป็นได้ไม่กี่วันเอง คิดจะมาแต่งเธอแล้ว!
เซียวซู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเธอไปด้วยรอยยิ้มจางๆ ในสายตาที่กำลังมองเจียงเสี่ยวไป๋นั้น เหมือนกับว่าเขามองตัวเองไปอย่างทะลุปรุโปร่งไม่มีผิด เธอเกิดอาการลนลานขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณมองอะไรกันฮะ? ที่ฉันพูดไปมันก็เป็นความจริงทั้งนั้น คุณคงไม่ได้คิดว่าฉันจะอยากแต่งกับคุณจริงๆหรอกมั้งคะ?”
“อืม เป็นความจริงทั้งนั้น ง่วงหรือเปล่า? ถ้าง่วงก็รีบนอนเสียเถอะ”
พูดไป เซียวซู่เอื้อมมือออกไปสวมเสื้อผ้าเธอให้ดี จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอีกแล้วจริงๆ เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ได้สติกลับมาในเวลานี้เหมือนกัน บรรยากาศดีๆก่อนหน้านี้ของทั้งสองคนมันเหมือนกับถูกเธอทำลายไปจนไม่เหลือ
ฮือ เสียดายมันก็เสียดายอยู่บ้าง เผชิญกับร่างเยาว์วัย นึกไม่ถึงว่าเธอจะพลาดไปอย่างนี้ ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เขาบาดเจ็บอยู่หรอกนะจะไม่เต๊าะเขาก็ได้
เจียงเสี่ยวไป๋กะพริบตาปริบๆออกมา แนบเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแล้วหลับตาลง ลมหายใจเร็วถี่ได้เปลี่ยนเป็นสม่ำเสมอขึ้นมา
หลังจากที่เซียวซู่แน่ใจแล้วว่าเธอได้หลับไปแล้ว ก็ได้หลับตามไปด้วยความสบายใจ
。
“ได้ตรวจสอบมาแล้ว วันนั้นบทที่ไฟไหม้ตรงที่เกิดเหตุมีเพียงแค่เสี่ยวเหยียนคนเดียว แต่ไฟลุกไหม้รุนแรง เจ้าตัวไม่มีทางที่จะไม่รู้ตัวเลย นอกจากนี้ประตูถูกล็อกก็จะต้องเป็นเรื่องที่มีคนจงใจทำแน่ ตอนนี้คนที่มีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องนี้มีอยู่สองคน คนแรกก็คือช่างแต่งหน้าวันนั้น ส่วนอีกคนก็เป็นผู้ช่วยช่างแต่งหน้า คำให้การของผู้ช่วยช่างแต่งหน้าก็คือวันนั้นเธอทำตามคำพูดของช่างแต่งหน้าก็คือออกจากห้องไปห้องรับประทานอาหารเพื่อหาของกินให้เจ้าสาว บทที่หาของกินอยู่นั้นระหว่างทางก็ได้เจอกับลิฟต์พังอีก ก็เลยกลับมาไม่ทัน”
“ตรวจดูกล้องวงจรปิดแล้วหรือยัง?”
“ตรวจแล้ว คำให้การของเธอตรงกับในกล้องวงจรปิด”
“ทางด้านช่างแต่งหน้าล่ะ?”
“คำพูดของช่างแต่งหน้าวันนั้นคือก่อนแต่งหน้าเจ้าสาวจะต้องมาส์กหน้าก่อน มาส์กเอาไว้เกือบครึ่งชั่วโมง เธอเห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่ ก็เลยออกไปโทรศัพท์ด้านล่างก่อน บทที่กลับมาก็พบว่าประตูห้องถูกล็อก ไม่ว่าจะเรียกยังไงคนในห้องก็ไม่ตอบกลับมา เธอก็เลยคิดว่าสถานการณ์มันผิดปกติ จึงไปหาผู้จัดการโรงแรมที่หน้าล็อบบี้ คำพูดและการกระทำของเธอพวกเราก็ได้ตรวจสอบในมอนิเตอร์มาแล้วเหมือนกัน ทั้งหมดตรงกับคำให้การไม่ต่างกันเลย”
จากที่กล่าวมา ทั้งสองคนนี้เหมือนจะไม่รู้เรื่องกันทั้งคู่
หลังจากที่หานชิงได้ยินข้อแก้ตัวนี้ ก็หรี่ตาลง ไม่นานก็ได้ถามออกมา “คนที่ออกจากห้องคนสุดท้ายคือใคร?”
“เป็นช่างแต่งหน้าคนนั้น ผู้ช่วยช่างแต่งหน้าหลังจากที่ออกไปก็ไม่ได้กลับมาอีก โดยพื้นฐานแล้วก็เลยสามารถตัดความเป็นไปได้ของเธอออกไปได้เลย”
ถ้าผู้ช่วยช่างแต่งหน้าทำอะไรกับกลอนประตู อย่างนั้นแล้วบทที่ช่างแต่งหน้าออกมา ประตูก็ควรจะอยู่ในสภาพที่ถูกล็อกอยู่
“ตามสืบคนที่ออกจากห้องคนสุดท้ายให้ละเอียด”
“ครับคุณหาน”
คนที่มาลอบมองห้องผู้ป่วยไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถามออกมา “คุณนายหานยังไม่ฟื้นหรอครับ? อันที่จริงพวกเราสงสัยว่าวันนั้นเธอถูกวางยาหรือเปล่า ถึงได้ไม่รู้ตัวเลย?”
“ตอนนี้เธอยังไม่ฟื้น สืบเรื่องช่างแต่งหน้าก่อน นอกจากนี้ก็ต้องเริ่มลงมือจากทางผู้ช่วยช่างแต่งหน้าด้วยเหมือนกัน คำให้การของทั้งสองฝ่ายถ้าเกิดไม่สอดคล้องกัน ก็สามารถลงมือจากตรงจุดนี้ได้”
“ครับนายหาน งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ”
หานชิงส่งเสียงอืมออกมา จากนั้นก็ผันร่างหันกลับไปยังห้องผู้ป่วย ผลักประตูเข้าไปก็เจอกับใบหน้าเหนื่อยล้าของหลัวหุ้ยเหม่ย เขาชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นก็เอ่ยออกมา “คุณพ่อ คุณแม่ครับ พวกท่านกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ที่นี่ให้ผมดูแลเอง”
หลัวหุ้ยเหม่ยมองใบหน้าซูบโทรมของหานชิง คิดอยากจะพูดอะไรออกไป แต่คิดไปแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่พยักหน้าออกไปเล็กน้อย “ก็ดีเหมือนกัน ฉันกับพ่อของเธอกลับไปพักก่อน พักผ่อนเต็มที่แล้วจะกลับมาเปลี่ยนเวรกับเธอแล้วกัน ตอนนี้เสี่ยวเหยียนยังไม่ฟื้น รอให้เธอฟื้นขึ้นมา จะต้องโทรบอกพวกเราให้ได้นะ”
“ครับ”
บทที่เสี่ยวเหยียนฟื้นขึ้นมา รู้สึกว่าหัวมันรู้สึกวิงเวียนไปหมด รอบๆล้วนแล้วแต่จะเป็นแสงสว่างจากเปลวไฟ กลิ่นควันไฟที่อบอวลไปทั่วจนเธอแทบหายใจไม่ได้เลย จู่ๆก็มีคนคนนึงที่เดินฝ่าเปลวไฟเข้ามาอุ้มเธอ
“หานชิง!”
เสี่ยวเหยียนสะดุ้งตกใจขึ้นมา ตะโกนชื่อของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว ลำตัวเองก็ดีดตัวเหมือนกับปลาคาร์ปลุกขึ้นนั่ง
รอบๆฟ้าก็ได้สว่างมากแล้ว ส่วนหานชิงที่เฝ้าเธออยู่ข้างๆมาโดยตลอดเห็นเธอฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็รีบกระโจนเข้าไปหาทันที
“เหยียนเหยียน?”
เสี่ยวเหยียนกุมมือของเขา มองเขาไปด้วยอาการนิ่งค้าง เหมือนกับว่ากำลังยืนยันให้แน่ใจว่าเป็นเขาจริงๆก็ไม่ปาน หานชิงเห็นสายตาของเธอก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพลิกมือกุมมือเธอแน่น
“อย่ากังวลเลย เป็นฉันจริงๆ ฉันไม่เป็นไร เธอเองก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกัน ทั้งหมดมันได้ผ่านไปแล้ว”
เสี่ยวเหยียนคงจะถูกภาพไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้นทำเอารู้สึกหวาดกลัว จนถึงตอนนี้ก็ยังจับมือของหานชิงแน่น อยากพูดอะไรออกไป แต่ริมฝีปากก็สั่นเทาพูดไม่ออกเลยสักคำเดียว
“เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” หานชิงดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขน มือใหญ่ลูบลงบนท้ายทอยเธอเบาๆเพื่อปลอบเธอ “ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาลกัน”
เสียงพูดดังออกมา หานชิงรู้สึกได้ว่าตรงหน้าอกเหมือนจะเปียกชื้นขึ้นมา สัมผัสอุ่นร้อน หลังจากที่ดึงเสี่ยวเหยียนออกไปแล้ว ถึงได้พบว่าดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมา หัวใจก็เหมือนกับถูกกรีดขึ้นมาทันที
เขาเอื้อมมือออกไปปาดเช็ดน้ำตาตรงขอบตาของเสี่ยวเหยียน เอ่ยคำสัญญาที่เหมือนกับว่ากำลังสาบานออกมา “วางใจเถอะ หลังจากนี้ไปขอเพียงแค่มีฉันอยู่ จะไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีกแน่”