บทที่1450 อดีต
สภาพแวดล้อมของการใช้ชีวิตตั้งแต่เด็กของเห้อเหลียนจิ่งนั้น ก็คือใช้ชีวิตมาด้วยการเผชิญกับ ผู้เป็นพ่อที่ตบตีแม่ของตนตลอดทั้งวัน ขอแค่ไม่เป็นที่น่าพอใจ ขอแค่แม่เถียงไปสักคำ พ่อผู้ติดเหล้าเป็นชีวิตจิตใจคนนั้นของเขาก็จะจับมาไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนทุบตีแม่ของตน
ตั้งแต่เล็กเขาก็ชินหูชินตาไปหมด ในขณะเดียวกันความเกลียดชังต่อพ่อตัวเองก็ได้รุนแรงมากขึ้นอย่างเก็บกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ถึงขนาดที่ว่าในชีวิตช่วงหลังๆมาก็ได้กลายเป็นคนที่หัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกก็สงสารแม่อยู่หรอกแต่ในภายหลังก็เริ่มเกลียดความขี้ขลาดของแม่ขึ้นมา
ทุกครั้งเขาจะพูดกับแม่ บอกให้ท่านไม่ต้องอยู่กับพ่อแล้ว นั่นมันปีศาจ
แม่ก็มักจะกอดตรงศีรษะของเขาแล้วพูดออกมาว่า “เด็กโง่ ไม่อยู่กับเขา แล้วหลังจากนี้พวกเราสองคนจะกินอะไร?”
เห้อเหลียนจิ่งพูดไปว่า “แม่ ผมจะหาเงิน ผมโตขึ้นผมจะเลี้ยงแม่เอง พวกเราออกจากตระกูลเห้อกันดีมั้ย?”
แม่ส่ายหน้าออกมา น้ำตาไหลคลอพร้อมกอดเขาแน่น “เสี่ยวจิ่ง คำพูดพวกนี้อย่าไปพูดต่อหน้าพ่อของลูกเด็ดขาด ถ้าเขาได้ยินเข้าจะโกรธเอา แม่ไม่เป็นไร ลูกก็อย่าเกลียดพ่อเขาเลย เมื่อก่อนพ่อของลูกเขาดีกับแม่มาก ก็แค่ตอนนี้ที่เขาเปลี่ยนไปบ้าง พวกเราต้องเชื่อว่าพ่อจะต้องเปลี่ยนมาดีขึ้นนะ ตกลงมั้ย?”
ตอนนั้นเห้อเหลียนจิ่งยังเด็กจึงเชื่อคำพูดนั้นของแม่ไปจริงๆ ถึงยังไงเขาที่ยังเด็กนั้นยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์ คิดว่าพ่อจะเปลี่ยนไปจริงๆ
แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงล่ะ? จริงๆพ่อของเขาก็เปลี่ยน แต่ในขณะเดียวกันใจของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่แม่ของเขา เพราะว่าเขาเริ่มทำการนอกใจ มีผู้หญิงหลากหลายแบบอยู่ที่ข้างนอก ตอนแรกแม่ก็ไม่รู้ แต่ในภายหลังมีครั้งนึงที่แม่พบว่าบนเสื้อผ้าของเขามีรอยจูบอยู่ ก็เลยไปทะเลาะกับเขา พ่อผู้ที่ใจกระพือไปข้างนอกทั้งใจแล้วจึงไม่คิดจะสนใจแม่ แต่คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดก็เลยไม่ได้ลงไม้ลงมือกับแม่ไป
เพียงแต่หลังจากนั้น ก็มีผู้หญิงคนนึงตรงมาหาถึงบ้าน ตอนนั้นเห้อเหลียนจิ่งหลบอยู่ที่ด้านนอกประตู หลังจากนั้นก็ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนไปอย่างชัดเจน
ผู้หญิงคนนั้นพูดกับแม่ว่า “สามีของเธอมีฉันมาตั้งนานแล้ว ทำไมเธอไม่หย่าล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าเขารังเกียจเธอมากเลยนี่ แต่งงานกับเธอมาได้ไม่นานก็รู้สึกขยะแขยงเธอเสียแล้ว ถึงขนาดที่แม้แต่ลูกที่เธอคลอดออกมาก็ยังไม่ยอมมองนักเลย แล้วทำไมเธอไม่หย่า? หรือจะกลัวว่าหลังจากที่หย่าไปแล้วจะเลี้ยงตัวเองกับลูกไม่ไหวรึไง?”
แม่ของเห้อเหลียนจิ่งถูกผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาเสียจนใบหน้าซีดเผือด ร่างสั่นเทาออกมา
“เธอ เธอพูดเหลวไหลอะไร?”
“พูดเหลวไหล? ฉันไม่ได้พูดเหลวไหลสักหน่อย สามีของเธอก็ตอบรับฉันแล้ว อีกไม่นานก็จะแต่งฉันเข้าบ้านแล้วล่ะ ส่วนเธอ ก็แค่ผู้หญิงที่ถูกทิ้งเท่านั้นแหละ แนะนำให้เธอเชื่อฟังคำพูดคนอื่นเขาบ้างเถอะ รีบไสหัวไปเสียเถอะ ถึงตอนนั้นแล้วจะได้ไม่ดูน่าเกลียดเกินไป เธอขอหย่าเองก็จะยังสามารถรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ได้นะ!”
“จริงสิ” หญิงสาวทาลิปสติกสีฉูดฉาดสุดๆ ยกริมฝีปากเผยรอยยิ้มให้กับแม่ของเขา “ฉันท้องแล้ว สามีของเธอชอบฉันขนาดนี้ ดังนั้นถึงตอนนั้นเธอจะไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้วนะ” หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นไป เห้อเหลียนจิ่งวิ่งออกไปซุกในอ้อมกอดของแม่ตน “แม่ พวกเราไม่เอาพ่อแล้ว ได้มั้ย?”
แต่ก็เหมือนเดิม แม่ของเห้อเหลียนจิ่งยังเชื่อมั่นว่าพ่อของเขาจะเปลี่ยนไปได้ จวบจนบทที่พ่อของเห้อเหลียนจิ่งกลับมาตอนเย็น แม่ของเขาก็ยังไปร้องไห้วิงวอนอีก เห้อเหลียนจิ่งที่ยังเป็นเด็กน้อยเห็นแม่ของเขาคุกเข่าลงบนพื้น เอาหัวโขกจนเลือดไหลออกมา ผ่านทางช่องรอยต่อประตู
เขากำหมัดออกมา ริมฝีปากล่างแทบจะถูกเขากัดจนแตก
เขาไม่เข้าใจ ทำไมแม่ถึงได้อ่อนแอขนาดนี้ พ่อระยำพรรค์นั้น ทำไมถึงยังต้องคุกเข่าให้เขาอีก เห้อเหลียนจิ่งก็เลยผลักประตูออกไปพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น
“แม่อย่าไปคุกเข่าให้เขา เขาไม่สมควรได้รับ เขามันสารเลว”
สองสามีภรรยาตกใจใหญ่โตกันออกมา แม่รีบกระโจนเข้าไปกอดเขาเอาไว้ “เสี่ยวจิ่ง รีบหุบปากซะ”
“ไม่!” เห้อเหลียนจิ่งกัดฟันกรอด ดวงตาคู่นั้นจ้องมองพ่อของเขาไม่ละสายตา “คุณมันไม่สมควรที่จะเป็นพ่อของผม!”
คุณพ่อเห้อได้ยินแล้วจะทนฟังไหวได้ไงกัน? เท้าข้างนึงเตะลงไปบนร่างของร่างของคุณแม่เห้อ “ทั้งหมดเป็นเพราะแกนังผู้หญิงน่ารังเกียจ ปกติจะต้องพูดจาว่าร้ายฉันกับเขาไม่น้อยแน่ๆเลยใช่มั้ย? แกสั่งสอนลูกยังไงกัน? สั่งสอนลูกยังไง?”
ทีแล้วทีเล่า ทั้งหมดได้เตะลงไปบนใบหน้าของแม่ เห้อเหลียนจิ่งจะเข้าไปปกป้อง แต่เขาตัวเล็กเกินไป แม่ก็กอดเขาแน่นขึ้นอีก จนแม่ของเขาถูกเตะสลบจนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลไป
จนพวกเขากลับมาจากโรงพยาบาล นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นได้เข้ามาอยู่ตระกูลเห้อเป็นที่เรียบร้อย ส่วนแม่ก็ไม่มีแรงที่จะไปวิงวอนหรือพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการอีก ทำได้เพียงเอ่ยออกไปด้วยความอ่อนแรง “ช่างเถอะ ถ้าเขาอยากจะเก็บคนเขาเอาไว้จริงๆ แม่ก็คุมเขาเอาไว้ไม่อยู่หรอก เสี่ยวจิ่ง หลังจากนี้ลูกจะต้องเป็นเด็กดี จะต้องเชื่อฟัง อย่าได้ด่าว่าพ่อของลูกเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นพ่อของลูก เข้าใจมั้ย?”
“ผมไม่มีพ่ออย่างนี้!”
“ระวังคำพูดด้วย ต่อจากนี้ไม่อนุญาตให้ลูกพูดอย่างนี้อีก!”
“เขาไม่ใช่พ่อของผม ผมไม่มีพ่ออย่างนี้!”
เพี๊ยะ——
เห้อเหลียนจิ่งถูกตบไปทีนึง ถอยออกไปอยู่นาน จากนั้นก็นั่งลงไปบนพื้น มองแม่ของตัวเองไปอย่างไม่อยากเชื่อ
“เสี่ยวจิ่ง หลังจากนี้ไปถ้าลูกพูดว่าเขาไม่ใช่พ่อของลูกอย่างนี้อีก แม่จะไม่ต้องการลูกแล้วจริงๆ!”
ทำไม? เห้อเหลียนจิ่งไม่เข้าใจ เผชิญกับพ่อที่ชอบทุบตีท่านอยู่เป็นประจำท่านยังหนักแน่นไม่ได้ เอาแต่ร้องวิงวอน เอาแต่หวังอยู่ไม่หยุดว่าพ่อของเขาจะขึ้น แต่พอกับตัวเอง แม่กลับแข็งกร้าวอย่างนี้ออกมา นี่ตกลงแล้วมันทำไมกันแน่?
เห้อเหลียนจิ่งหลังจากที่ถูกแม่ของเขาตบไป เจ้าตัวก็ได้เปลี่ยนไปจนไม่ชอบพูดขึ้นมา
หลังจากนั้นอีก เขาก็บังเอิญเจอกับฉากที่พ่อของเขากำลังออกกำลังกายในห้องรับแขกอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นมองเขา ส่งยิ้มให้เขาอย่างถือดี หลังจากจบเรื่องไปก็ยังเจอเขา จึงพูดเยาะหยันเขาออกมา “เห็นแล้วใช่มั้ยล่ะ? ตอนนี้เขาไม่ใช่พ่อแกแล้ว ทำไมแกกับแม่ของแกยังไม่ไปอีก? อยู่ที่นี่รอให้ฉันคลอดลูกแล้วไล่พวกแกออกไป? หน้าด้าน นี่แกใช้สายตาอะไรมองฉันกันหา?”
เห้อเหลียนจิ่งจ้องมองอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยม ใช้สายตาฆ่าฟันมองออกไป ผู้หญิงคนนั้นถูกเขาจ้องอย่างนั้นก็โกรธขึ้นมา ยื่นมือออกไปตบหน้าเขา
“ไอ้เด็กเฮงซวย ถ้ายังใช้สายตาอย่างนี้มองฉันอีก ฉันจะควักลูกตาแกออกมาเชื่อมั้ย? อายุยังน้อยแต่สายตากลับร้ายกาจขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เป็นของพรรค์นั้นที่ผู้หญิงคนนั้นคลอดออกมา รอให้ฉันคลอดลูก ถึงตอนนั้นจะไล่พวกแกสองแม่ลูกออกไปซะ!”
พูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็ยังถีบลงไปที่ท้องของเห้อเหลียนจิ่งทีนึง ไม่พอใจเลยจริงๆ
พลั่ก!
เห้อเหลียนจิ่งยังเด็กจะทนฝีเท้าที่ทั้งรุนแรงทั้งไม่ปรานีของผู้ใหญ่คนนึงได้ยังไงไหว? ร่างเล็กหงายตัวล้มไปข้างหลังทันที ผู้หญิงคนนั้นแสยะยิ้มออกมาอย่างได้ใจ ผันร่างเตรียมที่จะลงไปชั้นล่าง
เห็นเธอลงบันได นัยน์ตาของเห้อเหลียนจิ่งก็มีประกายของความเหี้ยมเกรียมอันแรงกล้าแวบผ่านออกมา มีความคิดที่น่ากลัวอย่างนึงก่อขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ค่อยๆลุกขึ้น จ้องมองเบื้องหลังของผู้หญิงคนนั้น
วินาทีต่อมา ร่างเล็กเริ่มขยับ วิ่งพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ด้วยความเร็วที่รวดเร็วอย่างมาก เห้อเหลียนจิ่งชนผู้หญิงคนนั้นตกบันไดไป
“อ๊ะ!!!”
ความเร็วของเขา แรงที่ทั้งไร้ความปรานีและทั้งแม่นยำ เอวของผู้หญิงคนนั้นถูกปะทะเข้าไปอย่างแรง ไม่ทันได้ตอบสนองออกมา ร่างก็ได้พุ่งไปข้างหน้าอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่
สุดท้าย เธอก็กลิ้งลงบันไดไปด้วยความเร็ว
ในขณะเดียวกันกับที่มีเสียงดังขึ้น ก็ยังมีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นเช่นกัน
เห็นภาพที่เกิดขึ้นนี้แล้ว ใจของเห้อเหลียนจิ่งก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาได้สักที