บทที่1453 คลายปมในใจ
ที่จริงแล้วเรื่องนี้มันแย่มาก
ในอดีตหานชิงกลัวไฟ พอเห็นแสงไฟเขาก็จะนึกถึงเรื่องราวในอดีต ดังนั้นวันนั้นที่เธอต้องเจอกับอัคคีภัย สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะก้าวผ่านมันไปได้
แต่ว่าสุดท้ายแล้วเพื่อเธอ เขาก็ก้าวข้ามเรื่องที่ตัวเองกลัวไฟไปได้
แต่ว่าไม่คิดเลยว่า สุดท้ายเสี่ยวเหยียนจะติดกับซะได้
หรือว่านี่คือบททดสอบจากสวรรค์ที่มาทดสอบพวกเขาทั้งสองคน?
แต่ไม่ว่าจะเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ตอบใดที่ไม่ต้องแยกจาก หรือว่าตายจากกันไป เขาก็สามารถยอมรับบททดสอบพวกนี้ได้ และก็ผ่านมันไปได้
แต่ว่า เขาจำเป็นต้องรับประกันความปลอดภัยของเธอ
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนได้ยินคำพูดนี้ของหานชิงก็อยากจะหนี แต่ว่าเขาจับมือของเธอไว้แน่น
“เธอไม่ต้องหนี และก็ไม่ต้องกลัวด้วย ฟังที่ฉันพูดนะ อันตรายได้หายไปแล้ว ตอนนี้พวกเราปลอดภัยมาก ขอแค่เธอกับลูกปลอดภัย พวกเราก็จะมีชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ว่าถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ลูกล่ะจะทำยังไง? พวกเราจะทำยังไง? ”
“อย่าเป็นแบบนี้อีกต่อไปเลยนะ รับปากฉันสิ”
เสี่ยวเหยียนยังคงไม่ส่งเสียงอะไรเหมือนเดิม แต่ว่ามีหยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
“เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ฉลองวันเกิดเลย? เพราะว่าตอนเด็ก เพื่อที่จะฉลองวันเกิดนั้น ทำให้พ่อของตัวเองต้องจมอยู่ในกองไฟ หลังจากนั้นสำหรับฉันแล้ววันเกิดกับกองไฟก็เป็นเงามืดที่อยู่ลึกในใจของฉัน ดังนั้นวันนั้น ตอนที่เธอจัดงานฉลองวันเกิดให้ฉัน ในหัวของฉันก็เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นทั้งหมด รวมถึงตอนที่ฉันไปช่วยเธอตอนนั้น ตอนที่พุ่งเข้าไปในกองไฟ ฉันก็เอาแต่นึกถึงเรื่องนี้ ฉันกลัวว่าตัวเองจะออกไปไม่ได้ แต่ฉันกลัวมากกว่าว่าเธอจะต้องจมอยู่ในกองเพลิงเหมือนกับพ่อของฉัน แล้วฉันจะจมอยู่ในเงาของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของเธอได้ยังไงกัน? ดังนั้น ก็ถือว่าเธอช่วยฉัน เธอลากฉันออกมาจากเงามืดนั้น ทำให้ฉันไม่กลัวอะไรพวกนี้อีก ทำให้ฉันมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน แต่ว่าตอนนี้เธอกลับมีเงามืดซะเอง นี่ไม่ใช่ตอนจบที่ฉันต้องการ”
ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ ดวงตาของเสี่ยวเหยียนก็ยิ่งสั่นรุนแรงขึ้น
หัวใจของเธอรู้สึกซาบซึ้ง เริ่มแรกเพราะว่าเรื่องลูก หลังจากนั้นก็เพราะว่าหานชิงเป็นคนเปิดอกเล่าเรื่องวันเกิดของเขาให้เธอฟัง ถึงแม้ว่าหลังจากที่เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ทั้งสองคนดีกัน เสี่ยวเหยียนก็บอกว่าเธอจะไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้แล้ว
แล้วอีกอย่างเธอเองก็ไม่อยากจะไปเปิดแผลของเขาออกอีกครั้ง
แต่ว่าตอนนี้เขากลับเลือกที่จะเล่าความจริงให้เธอฟัง
นั่นก็เท่ากับ เขาเปิดแผลของตัวเองออกมาอีกครั้งหนึ่ง
พอได้ยินเขาพูดว่าพ่อของตัวเองเสียชีวิตในกองไฟนั้น แถมยังเป็นในวันเกิดของเขาอีกด้วย เสี่ยวเหยียนก็สามารถจินตนาการได้ถึงความสับสนและความลังเลของหานชิงที่จะพุ่งเข้าไปในกองไฟวันนั้น
เขารู้ว่าตัวเองกลัวไฟ แต่ว่าเขากลับพุ่งเข้ามาโดยที่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ถ้าเกิดว่าไม่ทันระวัง ก็จะจมอยู่ในกองเพลิงทันที ดังนั้นสำหรับหานชิงแล้ว ชีวิตของเธอยังสำคัญกว่าชีวิตของเขาอีก
น้ำตาร่วงลงมา ตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้นั้นเธอก็เป็นลมไป จนตอนฟื้นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เสี่ยวเหยียนยังไม่เคยเสียน้ำตาสักหยด เอาแต่ฝันร้ายอยู่ทั้งวันทั้งคืน อารมณ์ผิดปกติ
แต่ว่าตอนนี้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหานชิง น้ำตาของเธอก็เหมือนสร้อยไข่มุกที่ขาด ไม่สามารถควบคุมได้ หยดลงใส่หลังมือของหานชิง
ใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดมาก เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังขุดหัวใจเธออยู่ยังไงยังงั้น แต่ก็เหมือนกับว่ามีอารมณ์อะไรบางอย่างวิ่งออกมาจากอกเธองั้นเหรอ?
จนถึงตอนที่หานชิงเข้ามากอดเธอนั้น เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ไหวและร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างแตกสลาย
“ฮือๆ กลัวมาก ฉันกลัวมากจริงๆนะ ตอนที่เห็นนายพุ่งเข้ามาในกองไฟ ฉันนึกว่าพวกเราสามคนจะตายอยู่ในกองไฟนั่นแล้ว”
“ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางตาย และก็ไม่มีทางปล่อยให้เธอกับลูกตายด้วย”
หานชิงทำได้เพียงแค่พยายามบรรเทาอารมณ์ของเธอ
เสี่ยวเหยียนร้องไห้หนักมาก หานชิงรู้สึกได้ว่าไหล่ของตัวเองเปียก แต่ว่าเขาไม่ได้รู้สึกเศร้าใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับรู้สึกมีความสุขมากกว่า
เพราะว่าการที่เสี่ยวเหยียนร้องไห้แบบนี้ เป็นไปได้ว่าปมในใจได้ถูกคลายออกแล้ว น้องสาวของเขานี่เก่งจริงๆ เลย ผู้หญิงมักเข้าใจผู้หญิงด้วยกัน ต่อไปถ้าเกิดว่ามีเรื่องอะไรที่คิดแล้วไม่เข้าใจ คงต้องไปขอคำแนะนำจากมู่จื่อให้มากขึ้นแล้ว
ตั้งแต่ตอนแรกที่ร้องไห้ฟูมฟายจนหลังจากนั้นก็เริ่มสะอึกสะอื้นเบาๆ สุดท้ายก็หลับไปเงียบๆ ในอ้อมแขนของหานชิง
แต่ว่าก่อนหน้านี้ร้องไห้หนักมาก ดังนั้นตอนที่หลับไปนั้นร่างกายของเธอก็ยังคงสั่นและสะอึก
หานชิงก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก แต่พอคิดว่าหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วจะฟื้นฟูกลับไปเป็นปกติ ก็รู้สึกว่าให้เธอน้ำตาไหลบ้างก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
เขาอุ้มเสี่ยวเหยียนขึ้นไปบนเตียง ห่มผ้าให้เธอ แล้วก็เดินออกจากห้องไป
พอผลักประตูออกมาก็ได้เจอกับพ่อตาแม่ยายที่แอบฟังอยู่นอกประตู
พอสบตากับหานชิง หลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางก็ดูเก้อเขินอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่าหลัวหุ้ยเหม่ยก็ตอบสนองได้ไวมาก เธอรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ฉันได้ยินเสี่ยวเหยียนร้องไห้ดังมาก อาการของเธอยังเหมือนก่อนหน้านี้อยู่อีกเหรอ? เสี่ยวชิง หรือว่าพวกเราพาเสี่ยวเหยียนไปโรงพยาบาลกันดีไหม ลากยาวไว้แบบนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลยนะ เด็กคนนี้ช่วงนี้กินก็ไม่ดี หลับก็ไม่สนิท ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ เกือบจะรักษาลูกไว้ไม่อยู่ ถ้าเกิดว่ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีก ถ้าเกิดว่าต่อไปแท้งขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ? ”
ถึงแม้ว่าคำพูดของหลัวหุ้ยเหม่ยจะไม่น่าฟัง แต่ว่ามันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
“แม่ครับ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก ผมคิดว่าเรื่องราวน่าจะถูกแก้ไขแล้ว แต่ว่าเราให้เวลาเหยียนเหยียนอีกหน่อยเถอะ อย่าไปบีบเธอหนักเกินไป ตอนนี้เธอเหนื่อยมากกำลังพักผ่อนอยู่ รอให้เธอตื่นขึ้นมาก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะครับ”
หลัวหุ้ยเหม่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “รอให้เธอตื่นขึ้นมาน่าจะดีขึ้นแล้วยังงั้นเหรอ จริงเหรอ? ”
หานชิงคลี่ยิ้มออกมาเบาๆ “น่าจะใช่นะครับ ต่อให้ยังไม่ดีผมก็จะเฝ้าเธออยู่แบบนี้ พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้เธอดีขึ้น”
การที่ลูกเขยมีความกระตือรือร้นและเอาใจใส่แบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องของแม่อย่างเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยไม่รู้จะพูดอะไรดี ตั้งแต่ตอนแรกที่พวกเขาสามีภรรยามาที่นี่ก็เพราะอยากจะมาดูแลเสี่ยวเหยียน แต่ผลก็คือหลายวันนี้เอาแต่กินดีอยู่ดีอยู่ที่บ้านของคนอื่น ต้อนรับพวกเขาอย่างดี แต่พวกเขากลับช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย อย่างมากก็ทำได้แค่คุยกับลูกสาวไม่กี่ประโยค แต่คุยไปคุยมาอารมณ์ของลูกสาวก็เริ่มพังทลายลงอีก
“พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ พ่อกับแม่อยู่ที่นี่ก็พอแล้ว เรื่องของเสี่ยวเหยียนเดี๋ยวผมจะจัดการเอง”
“ช่วงนี้เธอต้องลำบากหน่อยนะ ดูแลตัวเองด้วย ถ้าเกิดว่าทนไม่ไหวแล้วก็ให้พ่อกับแม่มา ลูกกับเสี่ยวเหยียนแต่งงานกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้หรอก ยังไงก็ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”
หลัวหุ้ยเหม่ยเห็นเขาดูอิดโรย แถมใต้ตายังดำเป็นหมีแพนด้า ก็รู้สึกปวดใจเหมือนกัน
เธอแม้แต่รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่คน แต่ก็ยังไม่ได้เอาใจใส่เสี่ยวเหยียนขนาดนี้เลย
พ่อจางพยักหน้าตาม “พูดถูก ลูกต้องดูแลตัวเองให้ดีถึงจะสามารถดูแลเสี่ยวเหยียนให้ดีได้ ดังนั้นเวลาที่ควรจะพักผ่อนก็ต้องพักผ่อน เวลากินข้าวก็ต้องกิน ถ้าเกิดว่าไม่ไหวแล้วก็เรียกพ่อกับแม่ของลูก เข้าใจไหม? ”
“ครับ”
เพราะว่าอารมณ์ความรู้สึกของเธอมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นครั้งนี้ก็เลยหลับยาวถึง5ชั่วโมง หลับลึกมาก และก็ไม่ละเมอ และไม่ได้ฝันร้ายเลยด้วย
ตอนที่หลัวหุ้ยเหม่ยเฝ้าเธออยู่นั้น ก็รู้สึกประหลาดใจ
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวหุ้ยเหม่ยก็พบว่าเสี่ยวเหยียนนั้นอาการคงที่มาก ดังนั้นก็เลยพูดกับหานชิงว่า “ลูกไปพักผ่อนหน่อยเถอะ ตอนนี้เหยียนเหยียนดูอาการคงที่มาก ให้แม่ดูแลคนเดียวก็พอแล้ว”
หานชิงหันหน้ามามองเสี่ยวเหยียน เม้มปาก แล้วก็นึกถึงคำพูดนั้นของพ่อจาง
ลูกต้องดูแลตัวเองให้ดี ถึงจะดูแลเสี่ยวเหยียนให้ดีได้
เขา ไม่ได้นอนหลับมาหลายวันแล้ว ดวงตาแดงก่ำหมดแล้ว เขาควรจะพักผ่อนแล้วจริงๆ
“ครับ งั้นผมไปนอนแป๊บหนึ่ง ตรงนี้ก็รบกวนแม่ด้วยนะครับ”
“ไปเถอะๆ หลับให้เยอะหน่อย ไม่ต้องรีบมา”
หลังจากนั้นหานชิงก็ออกมาจากห้อง แต่ว่าไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่กลับหยิบกุญแจแล้วออกจากบ้านไป
ดวงตาของเขาแดงก่ำ แต่สายตาหลับเยือกเย็นเป็นอย่างมาก “สืบเป็นยังไงบ้าง? ”