บทที่1455 ร่วงจากที่สูง
หลังจากวันหนึ่งผ่านไป
ข่าวที่นายน้อยของบริษัทตระกูลเห้อเห้อเหลียนจิ่งเข้าคุกนั้นพาดหัวข่าวทุกสำนัก หน้าหนังสือพิมพ์รายใหญ่ นิตยสาร พาดหัวข่าวบันเทิง พาดหัวข่าวบนAPP ก็ต่างเป็นข่าวของตระกูลเห้อ
ปกติแล้วสไตล์การทำงานของเห้อเหลียนจิ่งก็ค่อนข้างจะอวดดีและทำตามอำเภอใจ มีคนไม่พอใจเขามาตั้งนานแล้วเหมือนกัน
พอเห็นว่ามีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก็อาศัยตอนที่มีลมเติมเพลิงให้กับเปลวไฟ เปิดโปงข่าวเชิงลบต่างๆ ในสมัยก่อนของเขา เรื่องเหตุการณ์ที่โหดร้ายและรุนแรง
เป็นผลให้หุ้นของบริษัทตระกูลเห้อดิ่งลง นักธุรกิจที่ร่วมมือด้วยกันก็หยุดก่อนกำหนด
อันนี้ต้องบอกก่อนว่าสัญญาความร่วมมือนั้นถูกเซ็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ต่อให้ต้องการจะหยุดความร่วมมือก็ต้องรอให้พ้นระยะเวลาสัญญาไปก่อน แต่เพราะว่ามีบุคคลลึกลับคอยกดดันอยู่เบื้องหลัง แถมความเสียหายจากการยกเลิกสัญญาเขาจะเป็นคนชดใช้ให้เอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือว่าขนาดเล็ก ก็ได้ยุติความร่วมมือทั้งหมด
และก็มีหลายบริษัทที่ได้รับผลกระทบไปด้วย บางบริษัทถึงแม้ว่าปกติแล้วจะค่อนข้างสนิทกับบริษัทตระกูลเห้อ แต่พอเห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่ขนาดนี้เปลี่ยนไปกลายเป็นแบบนี้ภายในคืนเดียว ก็อยากจะถอยออกมาเพื่อปกป้องตัวเองก่อน กลัวว่าจะทำให้บริษัทของตัวเองเข้าไปได้รับผลกระทบด้วย
ยังไงบริษัทขนาดใหญ่อย่างบริษัทตระกูลเห้อยังถูกถอนรากถอนโคนได้ชั่วข้ามคืน แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังนี้จะทรงพลังขนาดไหนกัน? ขยับนิดเดียวก็กระทบอย่างรุนแรง หุ้นของบริษัทตระกูลเห้อก็ร่วงจนถึงจุดที่ต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา
พอคุณพ่อเห้อรู้ข่าวนี้ล่ะก็ ก็โกรธจนภาพตรงหน้ามืดดำทันที
“เกิดอะไรขึ้น? เรื่องนี้ฉันให้คนไปกดมันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันถึงถูกปล่อยออกมาเอง? เงินของฉันที่จ่ายไปก่อนหน้านี้คือสูญเปล่ายังงั้นเหรอ? ”
“ได้ยินมาว่ามีคนใช้เงินก้อนใหญ่มากเพื่อทำลายบริษัทตระกูลเห้อ”
“ใคร? ”
“ประธานเห้อ คนที่คุณชายเห้อไปวางเพลิงไม่ใช่ใครอื่น แต่ว่าเป็นภรรยาของหานชิง บริษัทตระกูลหาน”
“เรื่องนี้ฉันรู้ ถึงแม้ว่าบริษัทตระกูลหานจะเก่งกาจมาก แต่ว่าก็ไม่น่าจะมีวิธีการที่แข็งกร้าวขนาดนี้”
“ประธานเห้อยังไม่รู้ครับว่า ภรรยาของเย่โม่เซินแห่งบริษัทตระกูลเย่ คือน้องสาวของหานชิง……”
พอได้ยินข่าวนี้ ภาพตรงหน้าของคุณพ่อเห้อก็มืดลงกว่าเดิม เกือบจะเสียชีวิตคาที่
นี่ลูกชายของเขาทำให้สองบริษัทยักษ์ใหญ่ขุ่นเคืองใจในครั้งเดียวยังงั้นเหรอ? ตระกูลเย่กับตระกูลหาน? มิน่าล่ะ มิน่าล่ะถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ ภายใต้การรวมกันที่แข็งแกร่งของสองบริษัทนี้ บริษัทตระกูลเห้อของพวกเขาจะอยู่รอดได้ที่ไหนกันล่ะ?
แต่ว่าสิ่งที่คุณพ่อเห้อดีใจที่ยังบังเอิญโชคดีก็คือ โชคดีที่รากเหง้าของบริษัทตระกูลเห้อไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีน ถ้าบริษัทในประเทศถูกถอนออก ยังมีที่อยู่ต่างประเทศอีก อย่างมากก็แค่ไม่ต้องมาพัฒนาที่จีนอีกก็พอแล้ว
อย่างไรก็ตามในคืนนั้นคุณพ่อเห้อก็ได้รู้ว่าแม้แต่บริษัทในต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบด้วย ท้ายที่สุดบริษัทที่ประจำการที่ต่างประเทศ มันไม่ใช่แค่ของตระกูลเห้อ
ต้องการจะจัดการเขา ก็แค่พูดเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
ความเร็วของการที่บริษัทตระกูลเห้อตกลงมาจากฟ้านั้นเร็วจนทำให้คนอ้าปากค้าง คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวข้างในก็ถกเถียงกัน ส่วนคนที่รู้เรื่องนั้นไม่กล้าเขียนแม้แต่คำเดียว กลัวว่าจะลากตัวเองเข้าไปด้วย ยังไงวิธีการที่แข็งกร้าวแบบนี้ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกสยดสยองจริงๆ
และเสี่ยวเหยียนก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวพวกนี้เลย ช่วงนี้เธอไม่ได้จับโทรศัพท์เลย วันๆ เอาแต่ตั้งใจพักผ่อนดูแลลูกในท้อง หลังจากผ่านไปสองวันหานชิงก็ได้พักผ่อนเยอะขึ้น เสี่ยวเหยียนถึงได้พูดเรื่องนี้กับเขาขึ้นมาก่อน
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณหน่อย”
“หืม?”
“มันแปลกมากเลย ตอนนั้นฉันไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดไป แต่หลายวันมานี้ฉันยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าวันนั้นมันผิดปกติ อยู่ดีๆ ทำไมไฟถึงไหม้ได้ล่ะ? แล้วอีกอย่างตอนที่ฉันรู้ตัวว่าไฟไหม้มันก็ร้ายแรงมากแล้ว แต่ว่ามันยังไม่ได้ลามไปทั้งหมด ฉันวิ่งไปที่ประตู แต่ว่าประตูก็เปิดไม่ออก โทรศัพท์ก็หายไป สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมวันนั้นฉันถึงได้หลับลึกขนาดนั้น? แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้สติ ดังนั้นพอฉันมาคิดแล้วฉันก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ”
ตอนที่เธอริเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองนั้น หานชิงได้จัดการเรื่องนอกบ้านเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ว่าเธอจะสงสัยอะไร ตอนนี้ความจริงมันถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์แล้ว
ดังนั้นเขาก็เลยยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เรื่องราวได้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเธอก็ลืมความทรงจำนี้ไปนะ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอได้เจอกับเรื่องแบบนี้อีก”
เมื่อก่อนไม่เคยได้เจอกับเรื่องราวแบบนี้ ดังนั้นหานชิงก็เลยไม่รู้ว่าคนเราจะสามารถเสียสติ บ้าคลั่งกันจนถึงขั้นนี้ได้ ตอนนี้มีบทเรียนแล้ว ต่อไปไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนก็ต้องจัดการให้ดี และก็จะไม่อยู่ห่างจากเสี่ยวเหยียนมั่วซั่วอีก
“แก้ไขหมดแล้วงั้นเหรอ? ” เสี่ยวเหยียนกะพริบตาอย่างประหลาดใจ “แก้ไขยังไงเหรอ? ”
“เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องใส่ใจหรอก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องบำรุงลูกในท้องให้ดี วันๆ จำเป็นต้องกินแล้วนอน นอนแล้วกินแค่นี้ก็พอแล้ว”
กินแล้วนอน นอนแล้วกินแค่นี้ก็พอแล้วอย่างงั้นเหรอ? เขาเห็นเธอเป็นหมูหรือยังไงกัน? แล้วอีกอย่าง เธอก็แค่ท้อง ไม่ได้จะเพิ่มน้ำหนักสักหน่อย
“ฉันก็แค่อยากรู้เรื่องราวทั้งหมด ทำไมถึงไม่บอกฉัน? ”
“เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ อย่าไปรู้เยอะเลย ยังไงต่อไปฉันก็จะไม่ให้เธอต้องเจออันตรายแบบนี้อีก”
ถามไปถามมา สุดท้ายหานชิงก็ไม่ยอมเล่าให้ฟังว่าสรุปแล้วเรื่องนี้มันถูกแก้ไขยังไงกันแน่ เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะถามแล้ว เธอง่วงมาก ตั้งแต่เธอคิดเรื่องนี้อย่างชัดเจนนั้น คุณภาพการนอนหลับของเธอก็ดีขึ้นไปด้วย ในฐานะที่เป็นแม่มือใหม่ ในฐานะคนที่เตรียมพร้อมจะเป็นแม่คน เธอก็เหมือนกับแม่คนอื่นๆ อยากนอนแล้วก็กิน
ในเมื่อเขาไม่อยากให้เธอรู้ ถ้ายังงั้นเธอไม่ไปถามแล้วก็ได้ ยังไงนี่ก็น่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่หานชิงกำลังปกป้องเธออยู่ก็ได้
และในเวลานี้ อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่สวี่เย็นหวั่นเห็นข่าวที่ถูกปล่อยออกมานั้น เธอก็ตะลึงไปในทันที เธอไม่คิดเลยว่าหานชิงจะเหี้ยมโหดได้ขนาดนี้ ตระกูลเห้อ บริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ กลับตกลงมาจากที่สูงอย่างเงียบเชียบขนาดนี้ เรื่องนี้จะก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในอุตสาหกรรมมากแค่ไหนกัน?
สวี่เย็นหวั่นรู้สึกเครียดมากกว่าเดิม เพราะว่าเห้อเหลียนจิ่งทำเรื่องนี้ก็เพื่อเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นด้วย แต่ว่าในใจเธอก็ยังคงรู้สึกผิด
ตอนนี้ตระกูลเห้อไม่มีแล้ว เห้อเหลียนจิ่งจะคิดยังไง?
เธอควรไปหาเขาในคุกหน่อยไหม แล้วเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง แต่ว่าแบบนี้มันจะไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ? แต่ว่าเห้อเหลียนจิ่งก็มีสิทธิที่จะรู้ความจริงเหมือนกัน
คิดไปคิดมา สวี่เย็นหวั่นก็เหมือนสมองจะระเบิด ทำไมกัน?
ทำไมต้องเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น? แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยคิดจะทำร้ายใครทั้งนั้น เธอก็แค่อยากกลับมาหาคนที่ตัวเองชอบเท่านั้นเอง แต่ไม่นึกเลยว่าข้างกายเขาจะมีคนอื่นแล้ว แต่ว่ามีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้ควบคุมปีศาจในใจของตัวเองให้ดี แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายชีวิตของคนอื่น เสี่ยวเหยียน เห้อเหลียนจิ่ง ต่างก็ต้องเปลี่ยนไปจนกลายเป็นสภาพแบบตอนนี้เพราะว่าความสัมพันธ์ของตัวเธอเอง
หลังจากผ่านไปสองวัน สวี่เย็นหวั่นก็นัดหานชิงออกมา ตอนแรกหานชิงบอกว่าตัวเองมีธุระต้องจัดการ มีเรื่องอะไรก็ให้พูดกับซูจิ่ว
แต่ว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวของสวี่เย็นหวั่นก็เปลี่ยนความคิดของเขา
“นายไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมเห้อเหลียนจิ่งถึงทำแบบนี้? ”
พอได้ยินดังนั้น หานชิงก็หรี่สายตาที่อันตรายของตัวเอง “เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเธอยังงั้นเหรอ? ”
สวี่เย็นหวั่นกุมโทรศัพท์แน่น แล้วก็พยักหน้าอย่างหมดหวังและไม่มีทางเลี่ยง “อืม ถือว่าเกี่ยว ดังนั้นฉันก็เลยอยากจะคุยกับนายหน่อย ถ้าเกิดว่านายไม่มีเวลา งั้นนายก็หาเวลาหน่อยแล้วกัน ถ้าเกิดว่ามีเวลาเมื่อไหร่พวกเราค่อยเจอกันก็ได้”
ดังนั้นหานชิงก็เลยนัดเวลากับเธอ แต่ว่าสถานที่นัดเจอก็คือที่บริษัท
สวี่เย็นหวั่นมาถึงก่อนเวลา ในมือถือเอกสาร คิดในใจว่าอีกเดี๋ยวจะเริ่มพูดกับหานชิงยังไงดี