บทที่1460 กลายเป็นดิบเถื่อน
“เพราะแบบนั้นแหล่ะ วันนี้เธอเลยโทรหาฉัน ที่เราคบกันอยู่นาน ฉะนั้นแม่กับพ่ออยากเจอนายหน่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ ก็พินิจพิเคราะห์จากสีหน้าและแววตาของเซียวซู่ เมื่อเห็นว่าเขาไม่หือไม่อือเธอจึงขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยหล่ะ คงไม่ใช่ไม่อยากเจอหรอกนะ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซียวซู่ก็ได้สติ กัดริมฝีปาก
“ไม่ใช่นะ พรุ่งนี้กี่โมงหล่ะ?”
“ถ้านายตกลง ฉันก็จะไปถามไง”
“อืม งั้นถามมาแล้วก็มาบอกฉันแล้วกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้เดินจากไป แต่กลับจ้องไปที่ใบหน้าของเขา:”เจอตอนนี้ นายไม่คิดว่ามันเป็นการรีบร้อนเกินไปใช่ไหม?”
อย่างไรเสียทั้งสองก็ยังคบหากันได้ไม่นาน อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุที่เมากันในวันนั้น ก็เกรงว่าทั้งสองคงจะไม่ได้คบกัน
เซียวซู่รู้สึกว่านี่มันเป็นคำถามเสี่ยงตายมากๆ จริงๆแล้วเขาคิดว่าการที่พบในเวลานี้มันก็ไม่ได้ไวอะไร แต่เขาก็ไม่อาจจะตอบไปตามใจชอบได้ ไม่อย่างนั้นเสี่ยวไป๋อาจจะไม่รู้จะพูดอะไรแล้วมาเถียงเขาอีก
ดังนั้นเขาจึงคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงพูด: “ไม่เกี่ยวกับช้าหรือเร็วหรอก มันแล้วแต่เธอเลย”
คำตอบของเขาทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ออกจะประหลาดใจ นี่เขาเกรงจะโดนเธอโต้กลับหรือยังไง? ถึงได้พูดแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นแบบนี้”
เมื่อคิดได้ว่าคำพูดเขาก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามากมายขนาดไหนที่เป็นเชิงจิตวิทยา เธอก็รู้สึกขำขัน ริมฝีปากก็อดไม่ได้ที่จะเผยอยิ้มขึ้นมา
“แล้วแต่ฉันอย่างนั้นเหรอ? แปลว่าเอาตามฉันว่าหน่ะเหรอ?”
“แล้วฉันไม่ให้ตามเธอว่าตั้งแต่เมื่อไหร่หล่ะ?”
เจียงเสี่ยวไป๋มองเขาอยู่นาน แล้วจู่ๆก็พูดขึ้น: “งั้นก็ดี พรุ่งนี้ก่อนไปหาพ่อกับแม่เราแวะซื้อของกันก่อนนะ พานายไปเจอคนของใจหน่อย”
เมื่อได้ยินคำว่าคนของใจสามพยางค์นี้ เซียวซู่ก็ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าไม่ให้ค่ากับสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดเมื่อครู่ แล้วก็ไม่ได้ตอบโต้ว่าคนที่เธอบอกว่าเป็นคนของใจนั้นเป็นใคร
เมื่อได้สติจึงถามขึ้น: “คนของใจ? เธอหมายถึง…..”
พูดไปเพียงครึ่งเดียว เซียวซู่ก็หยุด เพราะพอเขาได้สติ เขาก็รู้ว่าคนที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดนั้นหมายถึงใคร
“ทำไม คำของใจนายเป็นใครลืมไปแล้วหรือยังไง? หรือว่าจะต้องให้ฉันรื้อฟื้น?
เซียวซู่กัดริมฝีปาก มองลึกไปยังแววตาของหญิงสาวตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าจับมือเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังมองสบเขาด้วยดวงตาคู่สวย เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้ทั้งสองคนยังหวานกันอยู่
แต่ว่าในเวลานี้เธอกลับพูดคำว่าคนของใจคำนั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม อีกทั้งยังเป็นคำพูดเรียบๆที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไร
หัวใจของเซียวซู่เกิดเศร้าเสียใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะพูดยังไง ริมฝีปากของเขาเม้มจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ไม่ได้ตอบคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋
“พูดสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเหรอ?”เจียงเสี่ยวไป๋ปล่อยมือออกจากเขา พูดอย่างถอนหายใจ: “เห็นวันนั้นนายตื่นเต้นมากเลยนี่ ฉันเรียกก็ไม่มา”
“เรื่องนี้มันจะจบไปเลยไม่ได้ใช่ไหม?” เซียวซู่แทรกพูดตัดคำพูดเธอ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็จ้องเขา งอปากพูด: “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเลิกพูดไม่ได้นี่ ฉันทิ้งเรื่องนี้ไปนานแล้วหล่ะ”
ก็ในเมื่อทิ้งไปได้แล้ว แล้วทำไมถึงพูดขึ้นมาอีกหล่ะ?
“ที่ตอนนี้ฉันพูดถึงขึ้นมา ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะหาเรื่องนาย เพียงแต่เห็นถึงสภาพจิตใจของนายแล้วฉันอยากที่จะช่วย ช่วงนี้ไม่ใช่ว่านายไปทำงานทุกวันทุกวันเหรอ? คงไม่มีโอกาสที่จะไปเยี่ยมดูใช่ไหมหล่ะ? อีกอย่างเธอคนนั้นก็แต่งงานแล้ว ถ้านายจะไปเยี่ยมคนเดียวมันจะไม่สะดวก ดังนั้นด้วยความเมตตาของแฟนนายคนนี้ จะพานายไปซื้อของ เพียงแค่ได้มองเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไร นายก็คงจะสบายใจได้แล้วใช่ไหมหล่ะ?”
พูดจบเจียงเสี่ยวไป๋ยังยกมือขึ้นมาทุบเขา: “แฟนนายนี่ใจกว้างมากเลยใช่ไหมหล่ะ?”
ศอกของเธอกระแทกมาที่กลางใจของเขาพอดิบพอดี เมื่อโดนเธอทุบเข้ามาเขาก็ผงะถอยไปครึ่งก้าว ได้แต่ขมขื่นในหัวใจ
ดูท่าจะใจกว้างจริงๆนั่นแหล่ะ แต่สิ่งที่เขาหวังนั้นคือหวังว่าเธอจะไม่ได้ใจกว้างขนาดนี้
เขารู้ว่าเสี่ยวเหยียนสบายดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปดูเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะนึกถึงได้
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ได้รับการยืนยันแล้ว เธอก็โทรไปหาตู้เซียวหยู่ว่านัดในตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้
ตอนเช้าไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียน แต่ก่อนที่จะเยี่ยม เจียงเสี่ยวไป๋ก็หวังว่าจะได้โทรบอกเธอก่อน ดังนั้นจึงขอเบอร์อีกฝ่ายจากเซียวซู่
เซียวซู่มีเบอร์ของเสี่ยวเหยียน แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเป็นเจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนขอ จู่ๆเขาก็ไม่อยากที่จะให้
“เธอมีคนดูแลแล้วหล่ะ จริงๆเราไม่ต้องไปเยี่ยมก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็อดที่จะกลอกตาไปมาไม่ได้ “นายว่าไงนะ? ฉันเตรียมตัวดีแล้ว สบายใจได้หน่ะ ครั้งที่แล้วฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับนายก็เลยโกรธ แต่ครั้งนี้เป็นฉันที่แนะนำให้มาเยี่ยมดังนั้นฉันไม่โกรธหรอก”
เธอคิดว่าเขากลับเธอหึง ซึ่งจริงๆแล้วเซียวซู่ไม่ได้คิดแบบนั้น
ซึ่งที่จริงแล้วเขาคิดยังไงนั้น ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก เพียงแต่เขาไม่อยากที่จะให้เธอไปเยี่ยมกับเขา เซียวซู่กัดริมฝีปากเงียบนิ่ง ทั้งไม่ให้เบอร์แก่เธอ
“เอาเบอร์โทรมาให้ฉันนะ เร็วเข้าสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ผลักเขาเล็กน้อย แต่เซียวซู่ก็ยังคงนิ่งดังเดิม
นั่นทำให้เจียงเสี่ยวไป๋หัวร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไมยังชักช้าอยู่ได้ ตอนนายกระโดดเข้าไปในกองไฟใหญ่เพื่อที่จะช่วยคนไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้เลย”
ไม่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะพูดยังไง เซียวซู่ก็ไม่ยอมให้เบอร์แก่เธอ
เจียงเสี่ยวไป๋จึงฉุนโกรธขึ้นมา “เซียวซู่ นี่นายยังเป็นผู้ชายอยู่ไหมเนี่ยฮะ!! ฉันบอกแล้วยังไงหล่ะ ว่าฉัน…อ้ะ”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ใครจะไปรู้หล่ะว่าเซียวซู่ที่นั่งนิ่งเงียบมาโดยตลอดนั้นจู่ๆจะเงยหน้าขึ้น และจับเธออุ้มพาดไหล่ จากนั้นก็กดตัวเจียงเสี่ยวไป๋ลงบนโซฟา เธอจ้องมองไปที่เซียวซู่ที่ทับบนร่างเธออย่างงงงวย
“ฉันเป็นผู้ชายหรือไม่นั้นเมื่อคืนเธอก็ชัดอยู่แก่ใจดีไม่ใช่เหรอ?”
ปากของเจียงเสี่ยวไป๋กระตุกกึก “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ ที่ฉันจะพูดก็คือนาย…”
จากนั้นเพียงเสี้ยววิ ร่างของเธอก็ลอยขึ้นด้วยการอุ้มของเซียววู่ จากนั้นก็ตรงเข้าไปทางห้องนอน
“นายจะทำอะไร? ปล่อยฉันนะ ฉันกำลังคุยเรื่องจริงจังอยู่นะ นี่นายทำบ้าอะไรเนี่ย!”
เซียวซู่หน้าขรึม “ให้เธอพิสูจน์ก่อน แล้วเราค่อยมาพูดเรื่องจริงจังกัน”
แม่งเอ้ย!
เจียงเสี่ยวไป๋อยากที่จะด่ากราดออกมา บรรยากาศก็ไม่เป็นใจ แถมเมื่อกี้ยังคุยกันเรื่องคนของใจอีก นี่จู่ๆเขาจะอยากขึ้นมา ให้ตายเถอะ! เธอไม่มีกะจิตกะใจหรอกไหม?
“ฉันขอเตือนนายนะเซียวซู่ ทางที่ดีก่อนที่ฉันจะหัวร้อนกว่านี้ นายวางฉันลงเสียก่อนจะดีกว่า นายกำลังทำให้ฉันโกรธอยู่นะ”
ปัง!
ประตูห้องนอนถูกถีบเปิดออก เมื่อถูกเขาใช้เท้าถีบออกแล้วเจียงเสี่ยวไป๋ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเขารุนแรงแบบนี้ ก็ถลึงตามองคิดจะด่า แต่โลกกลับหมุน เพราะเธอถูกจับทิ้งลงบนเตียง และซึ่งถูกรัดแน่นไว้ด้วยอีกร่างหนึ่ง
“ให้ตายเถอะ!”
เจียงเสี่ยวไป๋โกรธมาก ใช้มือผลักอีกทั้งยังใช้เท้าถีบเขาออกในเวลาเดียวกัน
แต่ผลคือทำไม่ได้เพราะเธอถูกรวบตึงเอาไว้
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ค้นพบว่าผู้ชายนั้นมักจะมีนิสัยดิบเถื่อนและเอาชนะ อย่างเช่นเซียวซู่ที่ปกติจะเป็นคนค่อนไปทางขี้อาย ในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นดิบเถื่อนขึ้นมา