บทที่1464ไม่กลัวท้องหรือไง
“ค่ะ”เจียงเสี่ยวไป๋กับเหลียงหย่าเหอชินกับวิธีการอยู่ด้วยกันแบบนี้ตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รู้สึกมีอะไรไม่เหมาะสม และดูเมนูต่อหน้าเธอขึ้นมาจริงๆ
“หนูอยากทานอันนี้ อันนี้เหมือนไม่อร่อย เพราะฉะนั้นอย่าเสิร์ฟดีกว่า ยังมีอันนี้ๆด้วย……..”นิ้วมือของเจียงเสี่ยวไป๋ชี้อยู่ที่เมนูอย่างเร็ว เหลียงหย่าเหอที่อยู่ข้างๆมองดูด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
ตู้เซียวหยู่กับเจียงเหย็นเคอเห็นภาพนี้แล้วแอบสบตากันอย่างห้ามใจไม่ได้
ทำไมรู้สึกลูกสาวตัวเองเหมือนคอยเพลิดเพลินอย่างเป็นไปตามธรรมชาติมาก? หรือว่าเธอสนิทกับพ่อแม่ของเซียวซู่มากแล้ว? หรือว่าพ่อแม่ของเซียวซู่เอ็นดูเสี่ยวไป๋อย่างกับสมบัติล้ำค่าชัดๆ?
“คุณตู้เซียวหยู่คุณน่ะไม่รู้ สมัยฉันเด็กๆก็อยากได้ลูกสาวคนนึง ปรากฏคลอดลูกชายออกมาคนนึง ฉันรังเกียจจะแย่ เด็กผู้หญิงออกจะน่ารักและหอมฉุย ความรู้สึกที่กอดอยู่ในอ้อมกอดก็ไม่เหมือนกัน เสี่ยวไป๋หน้าตาสวยขนาดนี้ ฉันแค่ดูก็ชอบเลยค่ะ”
ฟังจากคำพูดนี้ ตู้เซียวหยู่ถือว่าดูออกแล้ว เหลียงหย่าเหอคงเอ็นดูเสี่ยวไป๋เหมือนลูกสาวจริงๆ
เรื่องแบบนี้เหมือนก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว เพราะเจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด เป็นธรรมชาติมาก ดังนั้นสามารถแน่ใจได้ว่าพวกเขาไม่ได้แสดงละครเพราะมีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายอยู่ แต่ดีกับเสี่ยวไป๋จริงๆ
ทุกคนต่างก็สนใจเสี่ยวไป๋ เซียวซู่ที่อยู่ข้างๆถูกเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง
กระทั่งหลังจากสั่งอาหารเสร็จ แม้แต่ถามก็ไม่ถามว่าเซียวซู่จะทานอะไร ก็ยื่นให้กับพนักงานบริการโดยตรงเลย
ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋ไปสังเกตสีหน้าของเซียวซู่ พบว่าเขาไม่รู้สึกโกรธหรือรำคาญเพราะเหตุนี้เลย เธอเดาถ้าเขาไม่ใช่ท่อนไม้ก็คือไม่แคร์แล้ว
แต่เซียวซู่ล่ะก็ คาดว่าความเป็นไปได้ของอันข้างหน้าค่อนข้างสูงกว่า
หลังจากกับข้าวเสิร์ฟขึ้นโต๊ะหมด เหลียงหย่าเหอดูแลแค่เจียงเสี่ยวไป๋จริงๆซะด้วย ตู้เซียวหยู่ที่อยู่ข้างๆไม่มีโอกาสเลยสักนิด ไม่นานในถ้วยของเสี่ยวไป๋ก็ถูกกองเป็นภูเขา
ส่วนเซียวซู่ไม่มีใครสนใจอีกเช่นเคย
ระหว่างนั้นตู้เซียวหยู่ได้สำรวจเจ้าหมอนี่ไปหลายครั้ง พอนึกถึงเจ้าหมอนี่นอนกับลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงมาจนโตป่านนี้ ก็เกลียดเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว
แต่พอคิดๆอีก ลูกสาวเลี้ยงโตสักวันก็ต้องแต่งงานอยู่ดี ก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดขนาดนั้นแล้ว แต่จะไม่มอบลูกสาวให้เขาง่ายๆอย่างนี้แน่นอน
หลังจากกินอิ่ม ก็คือเวลาพูดคุยกันแล้ว
ตู้เซียวหยู่เริ่มสอบถามเซียวซู่อย่างละเอียด
เธอเตรียมถามรายละเอียดของสถานการณ์กับเซียวซู่ ใครจะไปรู้เธอเพิ่งเปิดปาก เซียวซู่ยังไม่ทันได้ตอบ เหลียงหย่าเหอที่อยู่ข้างๆก็เอาเอกสารออกมาชุดนึง ออกมาวางที่ตรงหน้าของตู้เซียวหยู่โดยตรง
“คุณตู้เซียวหยู่ นี่เป็นประวัติการทำงานของเซียวซู่ค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าเรื่องดีเรื่องชั่วฉันก็ได้จดไว้ในนี้แล้ว คุณลองดูค่ะ”
ตู้เซียวหยู่รับประวัติการทำงานในมือเธอมาด้วยสีหน้าจนปัญญา
“ประวัติ ประวัติการทำงาน?”
ทำไมตอนที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเจอกันถึงมีของแบบนี้? ของสิ่งนี้ไม่ใช่ไปสมัครงานถึงใช้เหรอ?
เห็นได้ชัดว่าเซียวซู่ก็คิดไม่ถึงว่าเหลียงหย่าเหอจะเตรียมของสิ่งนี้ หน้าดำไปในชั่วขณะ
“แม่ครับ แม่เอาอันนี้มาทำไมครับ?”
เหลียงหย่าเหอจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงดุ:“ทำไม? แกอยากแต่งลูกสาวที่สวยดั่งดอกไม้ของคนอื่นเข้าบ้าน ก็ต้องเล่าประวัติความเป็นมาของตัวเองออกไปให้หมดสิ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณตู้เซียวหยู่จะรู้ได้ยังว่าแกเป็นคนดีหรือสารเลว?”
“อ๋อ ยังมีอีกๆ”เหลียงหย่าเหอยังได้เอาบัญชีเงินฝากของครอบครัวตัวเองออกมา พร้อมยิ้มแฉ่งและพูด:“คุณตู้เซียวหยู่ นี่เป็นอสังหาและเงินเก็บของเซียวซู่ค่ะ”
มือที่กุมประวัติการทำงานของตู้เซียวหยู่สั่นคลอน ครั้งนี้ไม่กล้ารับของพวกนี้แล้ว เธอแค่พูด:“นี่ พวกนี้ ไม่ต้องดูแล้วมั้งคะ?”
“ต้องดูค่ะ ต้องดู ต่อไปเสี่ยวไป๋แต่งงานกับเซียวซู่ งั้นเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว คนกันเองไม่ต้องเกรงใจค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้แต่งงานต่างก็ต้องแต่งกับสามีรวย ถึงแม้เซียวซู่ลูกฉันไม่ถือว่าร่ำรวยมาก แต่คอยประคบประหงมเสี่ยวไป๋ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ!”
เหลียงหย่าเหอไม่มีจิตใจที่ระแวดระวังเลยสักนิด ตู้เซียวหยู่กลับไม่กล้าดูซี้ซั้ว
เพราะยังไงซะของพวกนี้เป็นส่วนตัวมาก แต่ว่าแม่ของเซียวซู่กลับกล้าเอาออกมาแบบนี้เฉยเลย เห็นได้ถึงความจริงใจ
“คุณตู้เซียวหยู่ คุณลองดูหน่อยสิคะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกอึดอัด เธอรีบพูด:“คุณน้าคะ คุณน้าเก็บของพวกนี้เถอะค่ะ ยังไงซะของพวกนี้ก็เป็นของส่วนตัว อีกอย่างครอบครัวหนูก็ไม่ดูของพวกนี้ค่ะ”
ฟังถึงคำสุดท้าย เหลียงหย่าเหอถึงตระหนักอะไรได้ เธอจึงได้เก็บของและอธิบายด้วยรอยยิ้ม:“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นค่ะ แต่แค่สองครอบครัวคุยเรื่องแต่งงานกัน ฉันจึงรู้สึกควรเอาของของครอบครัวฉันให้เสี่ยวไป๋ดู ถ้าเสี่ยวไป๋ไม่พอใจ งั้นสามารถให้เซียวซู่ไปพยายามต่ออีก”
ตู้เซียวหยู่ถือว่าดูออกแล้ว วันนี้พ่อแม่คู่นี้ถือว่ามุ่งมาให้ทั้งสองแต่งงานกัน ถึงแม้เธอรู้สึกพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายดูไม่เลว เรียบง่ายเป็นมิตรไมตรี ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมและไม่มีการป้องกันตัวใดๆเลย
แต่ยังไงซะก็เจอกันครั้งแรก หลังจากแต่งงานต้องอยู่กันระยะยาวเชียวนะ ดังนั้นยังต้องศึกษาแบบเจาะลึกอีกสักระยะหนึ่ง
ระหว่างนั้นตู้เซียวหยู่ก็เลยหาข้ออ้างให้เสี่ยวไป๋ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนเธอ เจียงเสี่ยวไป๋ก็คงเดาความคิดของแม่เธอออก ดังนั้นจึงได้ตามไป
พอเข้าห้องน้ำปุ๊บ ตู้เซียวหยู่ก็ดึงไหล่ของเสี่ยวไป๋ไว้และถาม:“เรื่องมันเป็นยังไง? ลูกกับไอ้หมอนั่นนอนด้วยกันแล้ว?”
เจียงเสี่ยวไป๋เดาได้ว่าเธอมีเรื่องจะถามตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าพอมาปุ๊บก็ถามอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ แค่คำพูดเดียวก็ทำเอาเธอตกใจจนสำลักน้ำลายตัวเอง
“แค๊กๆ……..”เจียงเสี่ยวไป๋ไอไปครึ่งค่อนวันถึงสงบลงมา จากนั้นได้ใช้แรงไปเยอะมากถึงหาเสียงตัวเองกลับมาได้:“แม่คะ แม่พูดอะไรคะเนี่ย?”
ตู้เซียวหยู่ฟังแล้วหัวเราะเยาะ จากนั้นได้มือกอดอกชายตามองเธอ
“แกว่าฉันพูดอะไร? ยัยตัวแสบ เพื่อหลบคู่ครองที่ฉันหาให้แกก็หาผู้ชายคนนึงมาแสดงเป็นแฟนของแก ฉันเห็นว่าพวกแกก็เข้าหากันได้ดีพอสมควร จึงตั้งตารอให้พวกแกเล่นละครเป็นความจริง แต่ไม่ได้ให้แกย่ำยีตัวเองนะ”
ย่ำยี?
เจียงเสี่ยวไป๋กระพริบตา ดวงตาทั้งคู่แวววาว ใสสะอาดเหมือนน้ำแร่
“นี่มันสมัยไหนแล้วคะ ยังมีคำว่าย่ำยีตัวเองอะไรคะ? กับอิแค่นอนกับเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย”
เจียงเสี่ยวไป๋เอาหน้าถึงพูดคำพูดเหล่านี้แน่นอน
“นี่แกว่าอะไรนะ?”ตู้เซียวหยู่ลืมตาโต ยกมืออยากจะตีเธอ
เจียงเสี่ยวไป๋รีบกอดมือของเธอไว้:“แม่อย่าเพิ่งวู่วามสิคะ หนูแค่พูดไปงั้นๆแหละ แม่วางใจเถอะค่ะ หนูไม่ได้ย่ำยีตัวเองแน่นอน หนูกับเขาต่างก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าแม่รู้สึกว่าแบบนี้คือหนูย่ำยีตัวเอง แล้วเขาล่ะคะ? เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่าย่ำยีค่ะ เพราะถ้าหนูเสียเปรียบ งั้นเขาก็ไม่ได้เปรียบแน่นอน”
“ยัยเด็กโง่ แกยังคิดว่าแกไม่เสียเปรียบอีก? แกนึกว่าแม่กำลังว่าอะไรแกอยู่? ฉันกลัวว่าถ้าหากแกท้อง ถึงเวลายังไม่คิดแต่งงาน ยังไม่คิดเอาลูก มันเสียสุขภาพกายมากแค่ไหนแกรู้มั้ย?”
ได้ยินคำว่าท้อง เจียงเสี่ยวไป๋อดยกมุมปากไม่ได้ “เอ่อ……ไม่มีทางท้องเร็วขนาดนั้นมั้งคะ?”
“ทำไมจะไม่มีทาง? ประจำเดือนแกไม่ได้มานานเท่าไหร่แล้ว?”