บทที่1478ให้เธอตัดสินใจ
เธอรู้สึกเบ้าตาตัวเองค่อนข้างร้อน แม้แต่เธอเองก็ยังไม่ชอบตัวเองที่สำออย ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงรีบหลบสายตา ไม่ไปมองดวงตาของเซียวซู่
จากนั้นได้ดึงมือกลับด้วยและหัวเราะเยาะเซียวซู่ไปด้วย: “คุณพูดอะไร? ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ จะเกิดเรื่องได้ยังไง? ยังมีอีก ใครให้คุณมายุ่ง?”
ถึงแม้ท่าทางของเจียงเสี่ยวไป๋ว่องไว แต่ตอนที่เธอหันหน้า เซียวซู่สังเกตเห็นหางตาที่แดงก่ำของเธอ เขานึกว่าตัวเองตาฝาด แต่อยากแน่ใจ จึงได้ใกล้เข้าไป
“เป็นอะไรไป?”
“ไม่ได้เป็นอะไร” เจียงเสี่ยวไป๋เพื่อหลบเขา ถึงขั้นได้เอามือบังเขาไว้ “คุณอย่าดู”
เสียงของเธอเหมือนแฝงด้วยเสียงนาสิก นี่ทำให้เซียวซู่ขมวดคิ้วขึ้นมา และจับข้อมือของเธอไว้ จากนั้นให้เธอหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง
เจียงเสี่ยวไป๋คิดไม่ถึงจู่ๆเขาจะทำแบบนี้ เลยสบตากับเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว หลังจากเธอตะลึงงันไปครู่นึง ก็ได้ก้มหน้าลงทันที
“คุณร้องไห้เหรอ?”
“เปล่า” เสียงของเจียงเสี่ยวไป๋อู้อี้ “ยังนอนไม่ตื่น เลยง่วงเหงาหาวนอน ร้องไห้อะไรกัน?”
ถึงแม้เวลาที่เซียวซู่กับเจียงเสี่ยวไป๋พักอาศัยอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่ก็ถือว่าเข้าใจเจียงเสี่ยวไป๋ดีอยู่
เขารู้นิสัยของเจียงเสี่ยวไป๋ เธอเป็นคนที่ถ้าดูละครแล้วร้องไห้จริงๆล่ะก็ งั้นเธอจะร้องไห้ต่อหน้าให้คุณดู แม้กระทั่งร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังมาก ไม่ถือสาที่ถูกคนอื่นพบเห็นเลย
แต่ถ้าหากจู่ๆเธอเสียใจล่ะก็ เธอกลับเงียบกริบไม่ส่งเสียง ไม่อยากให้คนอื่นพบเห็น
เพราะฉะนั้นครั้งนี้เซียวซู่ก็ตระหนักได้อย่างไวว่าเจียงเสี่ยวไป๋มีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เปล่า ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรค่ะ” เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว ตอนนี้เธอยังไม่ได้คิดว่าจะบอกกับเซียวซู่ยังไง อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเซียวซู่ได้บอกกับเขาไปหรือยัง
“เสี่ยวไป๋” น้ำเสียงของเซียวซู่ค่อนข้างจนปัญญา เขาถอนหายใจทีนึงแล้วพูด: “หน้าตาตอนนี้ของคุณ บอกกับผมว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น คุณคิดว่าผมจะเชื่อเหรอ?”
ก็ใช่น้อ เดิมทีเธอไม่อยากแสดงออกมา แต่ไม่รู้เพราะอะไรเห็นใบหน้าและดวงตาของเซียวซู่ เธอถึงกับอดเผยความกล้ำกลืนที่อยู่ลึกๆในใจตัวเองออกมาไม่ได้
เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? ทำไมกลายเป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้?
ถูกเขาดูออกแล้ว ปฏิเสธอีกต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร
เจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยยอมรับโดยตรงเลย: “ใช่ คุณพูดถูก ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีจริงๆ”
“เป็นอะไร?”
เจียงเสี่ยวไป๋สังเกตสีหน้าเขาไปครู่นึง พบว่าเขายังไม่รู้อะไรจริงๆ
“เสี่ยวไป๋?”
“ก็ไม่มีอะไรค่ะ” เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว: “ฉันก็แค่นึกถึงเรื่องที่อารมณ์ไม่ค่อยดี ตอนนี้ยังไม่อยากบอกคุณค่ะ”
คำสุดท้ายคำนั้นทำให้เซียวซู่หมดคำพูดเล็กน้อย แต่ไม่คล้อยตามเธอก็ไม่ได้ จึงยื่นมือโอบเธอมา
“เกี่ยวกับผมเหรอ?”
“อืม” เจียงเสี่ยวไป๋ยอมรับอย่างรวดเร็วทันใจ
“งั้นคุณยิ่งต้องบอกผมสิ ไม่ใช่มีอยู่คำพูดนึงว่า ใครเป็นคนก่อปัญหาขึ้นมาก็ต้องคนนั้นแก้ไขเหรอ?”
ใครเป็นคนก่อปัญหาขึ้นมาก็ต้องคนนั้นไปแก้ไข?
ได้ยินคำพูดนี้ เจียงเสี่ยวไป๋เงียบกริบ
ที่จริงก่อนที่เซียวซู่จะเลิกงานเหลียงหย่าเหอก็ได้โทรหาเธอตั้งนานแล้ว ตอนนั้นเจียงเสี่ยวไป๋รู้เรื่องที่ไปดูดวงแล้ว เพราะฉะนั้นตอนที่เหลียงหย่าเหอพูดกับเธอก็ไม่ได้อ้อมค้อม ได้พูดความคิดของตัวเธอเองอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา
“เสี่ยวไป๋ น้าได้ฟังแม่ของหนูพูดสถานการณ์ของหนูแล้ว น้ารู้ว่าพวกน้าแอบไปดูดวงของพวกหนูมันไม่ค่อยดีจริงๆ แต่เสี่ยวไป๋หนูต้องเชื่อนะ พวกน้าที่เป็นผู้ปกครองตอนแรกล้วนไปดูเพื่อผลที่ดี ไม่ใช่เพื่อผลที่เลวร้ายแน่นอน ผลที่ออกมาก็ทำให้พวกน้าอารมณ์ไม่ดีมากเหมือนกัน ถึงขั้นน้ากับแม่ของหนูนอนไม่หลับทั้งคืนเลย แต่น้าคิดๆดูแล้ว เรื่องนี้ก็ต้องเคารพความประสงค์ของหนู ให้หนูเป็นคนตัดสินใจเอง”
“คุณน้าคะ?”
“เซียวซู่เป็นเด็กผู้ชาย น้ากับลุงเลี้ยงเขามาแบบปล่อยตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้เขาล้วนทำงานอย่างลำบากอยู่ที่ข้างนอกคนเดียวตลอด ก่อนหน้านั้นเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ ใบหน้าของเขาก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ถึงแม้ดูขี้เหร่ แต่อย่างน้อยก็ได้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ ดังนั้นตอนนี้น้ากับลุงมีข้อเรียกร้องกับเขาไม่มากจริงๆ แค่หวังให้เขามีชีวิตอยู่ดีๆ หาคนที่ตัวเองชอบและแต่งงาน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดชีวิต ในเมื่อเซียวซู่เลือกหนู งั้นพวกเราที่เป็นพ่อแม่ก็จะไม่ก้าวก่ายหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋ฟังถึงตรงนี้ ก็แทบจะเข้าใจความหมายของเหลียงหย่าเหอแล้ว
“คุณน้าคะ คุณน้าคงไม่ใช่อยากให้หนูตัดสินใจมั้งคะ?”
“ใช่” เหลียงหย่าเหอถอนหายใจ และพูดเสียงเบา:“น้าชอบหนูมากจริงๆ คุณลุงก็ชอบหนูมาก ถ้าหนูอยากเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเรา งั้นน้ากับคุณลุงก็เต็มใจมาก ถ้าหนูไม่ยอม ต่อไปน้าก็ยังเป็นญาติของหนู มีเรื่องลำบากอะไรก็สามารถมาหาพวกน้าได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ตาแดงก่ำ คัดจมูกอยากร้องไห้จะแย่ และพูดไม่ออกสักคำ
“คุณน้าคะ……..”
“เสี่ยวไป๋ อย่าร้องนะ น้าพูดพวกนี้กับหนู ไม่ใช่กำลังบีบบังคับให้หนูตัดสินใจอะไร แค่รู้สึกทั้งชีวิตของลูกผู้หญิงก็ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่เหมือนผู้ชาย วัยสาวของพวกหนูก็มีแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เลือกคนต้องเลือกดีๆ อย่าเลือกคนผิดเด็ดขาด น้าก็เป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นเลยเข้าใจดีมาก และอย่าโทษแม่ของหนูเลยนะ แม่ของหนูก็หลังคิดไตร่ตรองดีแล้วถึงเลือกที่จะบอกกับหนู”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดไม่ออก กัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่น
“ไม่ต้องรีบตอบหรอก น้ามีเวลาถมเถไป เรื่องนี้น้าจะไม่บอกกับเซียวซู่ ให้หนูเป็นคนเลือกเอง ถ้าหนูรู้สึกไม่โอเค งั้นก็ให้น้ามาเป็นคนชั่วคนนี้เอง ไม่ให้เซียวซู่แต่งงานกับหนู ถ้าหนูรู้สึกว่าโอเค งั้นเราก็ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ใช้ชีวิตต่อไปอย่างรักใคร่ปรองดองก็พอแล้ว”
หลังจากวางสาย เจียงเสี่ยวไป๋ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างสิ้นเชิง เธอร้องไปนานมาก ต่อมาถึงจัดการตัวเองเสร็จ ไปล้างหน้าสงบอารมณ์ตัวเอง พอเธอสงบสติลงมา ก็ใกล้ถึงเวลาเลิกงานของเซียวซู่แล้ว
ตอนนี้เซียวซู่ถามตัวเอง เผชิญกับแววตาของเขา เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่เหลียงหย่าเหอพูดกับตัวเองอีก
ลูกของคนอื่นก็เป็นลูกเหมือนกัน ถึงแม้ความรักครั้งนี้ตอนแรกไม่ใช่มีใจให้กันทั้งสองฝ่าย แต่คบกันจนถึงตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเซียวซู่ทุ่มเทให้ตัวเองเยอะมากจริงๆ
ที่เธอหมายถึงไม่ใช่ทุ่มเทประเภทเงินทอง แต่เป็นใจของเซียวซู่ที่มีต่อตัวเอง เขากำลังทำการเปลี่ยนอย่างจริงจัง และคำนึงถึงความคิดของเธอ
เฉพาะจุดนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึก ถ้าไม่บอกผลนี้กับเซียวซู่ งั้นระหว่างเธอและเขายังถือว่าเท่าเทียมกันอยู่เหรอ?
เขาเป็นคน มีความคิดมีความรู้สึกมีเลือดเนื้อ เขามีสิทธิ์รู้ความจริงของเรื่องนี้
คนที่ทำการตัดสินใจ ไม่ควรจะมีแค่ตัวเธอเอง
คิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋เม้มริมฝีปากแดง จากนั้นได้จ้องมองเซียวซู่ไว้
“ฉันมีเรื่องอยากจะบอกกับคุณค่ะ”
เซียวซู่แทบจะพริบตาเดียวก็รู้สึกได้ถึงแววตาและท่าทางที่จริงจังสุดๆของเธอ เขาก็ตื่นเต้นตามเหมือนกัน “เรื่องอะไรครับ?”