บทที่1483 ขอโทษ
เพราะเมื่อคืนกระเพาะถูกทรมาน ดังนั้นทานโจ๊กไปไม่ถึงครึ่งถ้วย เสี่ยวไป๋ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายแล้ว เธอผลักถ้วยออกด้วยความเหนื่อยล้า
“นั่งสักพักก่อน เดี๋ยวค่อยนอนลงไป”
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ฟังคำพูดเขา เธอได้นอนลงไปอีก จากนั้นได้พูดว่า:“ฉันเหนื่อย นั่งไม่ไหว นอนลงมาสบายกว่า”
เธอดันจะนอนลงไปให้ได้ เซียวซู่ก็ไม่บังคับเธอลุกขึ้น นอนลงไปไม่นาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มหลับลึกอีกครั้ง
ระหว่างนั้นเซียวซู่อาศัยตอนที่เธอนอนหลับ ไปวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่ห้องอ่านหนังสือ
เดิมทีเจียงเสี่ยวไป๋ยังนอนอยู่ ปรากฏเสียงมือถือดัง เธอพลิกตัวหยิบมือถือดูสายที่เรียกเข้ามาทีหนึ่ง ไม่นึกเลยคนที่โทรมาจะเป็นแม่เธอ
นึกถึงสายที่จบอย่างไม่มีความสุข นาทีนี้เจียงเสี่ยวไป๋หลับตาลง ไม่ค่อยอยากรับสายนี้เท่าไหร่ แต่ยังไงก็เป็นแม่ตัวเอง เจียงเสี่ยวไป๋ก็แข็งใจไม่ลง สุดท้ายได้รับสาย
เธอไม่พูดจา ส่วนตู้เซียวหยู่ที่อยู่ในสายก็คงรู้ถึงความอึดอัด นานมากก็ไม่พูดจา สองแม่ลูกได้เงียบใส่มือถือแบบนี้ไปสักพักใหญ่ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ค่อยสบาย จึงได้พูดว่า:“แม่คะ ถ้าแม่ไม่มีธุระ หนูวางสายก่อนนะคะ”
“อย่าเพิ่งวางสาย เสี่ยวไป๋”
ตู้เซียวหยู่ได้ยินเธอจะวางสายปุ๊บ ก็รีบเรียกเธอไว้“แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยไม่ได้วางสาย แต่ว่าท่าทางที่ยกมือถือไว้เหนื่อยมาก เธอก็เลยเปิดลำโพงโดยตรง จากนั้นนอนรออยู่ที่นั่น
“เรื่องครั้งนี้ แม่เป็นคนผิดเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแล้วหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง
“แม่ไม่ควรไปดูดวงลับหลังลูกกับเซียวซู่ เมื่อวานคำพูดเหล่านั้นของลูกได้ย้ำเตือนแม่ หลายปีมานี้แม่บังคับลูกตลอด ถ้าลูกไม่บอกแม่ แม่อาจจะไม่รู้ปัญหานี้เลย พวกเราที่เป็นพ่อแม่บางทีก็หวังดีกับลูก มักจะไปทำเรื่องที่ฝ่าฝืนความประสงค์ของลูก แต่เสี่ยวไป๋ แม่ไม่ได้ตั้งใจนะ จุดเริ่มต้นของแม่คือหวังดีกับลูก ไม่เคยคิดจะทำร้ายลูกเลย”
พูดถึงตรงนี้ ตู้เซียวหยู่หายใจลึกๆทีหนึ่ง และพูดต่อ:“ถึงแม้เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ได้ย้ำเตือนแม่ เพราะฉะนั้นครั้งนี้พวกเราจับมือคืนดีกัน เรื่องไปดูดวงก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น โอเคมั้ย?”
“ก็เหมือนที่ลูกพูด ให้ลูกตัดสินใจเอง แม่จะไม่ก้าวก่ายอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าแม่ตัวเองจะกลายเป็นแบบนี้ เธอยังนึกว่าตู้เซียวหยู่จะคัดค้านตลอด คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดได้ไวขนาดนี้
อีกอย่างน้ำเสียงที่ท่านพูดกับตัวเองก็อ่อนลงมาไม่น้อย
ถึงในใจของเจียงเสี่ยวไป๋จะมีความโกรธ แต่ตอนนี้ได้จางหายไปหมดแล้ว
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะแม่ เมื่อวานหนูผิดเอง หนูไม่ควรพูดแบบนั้นกับแม่”
“ไม่ เสี่ยวไป๋ไม่ได้ผิด คือเมื่อก่อนแม่ไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป ลูกพูดถูก เมื่อก่อนแม่เผด็จการเกินไป เมื่อวานหลังจากฟังคำพูดเหล่านั้นของลูก แม่ก็รู้สึก ถ้าสมัยแม่สาวๆถูกบังคับ แม่ก็คงไม่พอใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเสี่ยวไป๋ วันนี้แม่โทรก็เพื่อจะขอโทษลูก แม่ขอโทษนะ”
ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกดีมาก ถึงเคยทะเลาะกัน ต่อปากต่อคำกัน แต่ไม่นานก็ผ่านไป
ครั้งนี้เจียงเสี่ยวไป๋ต่อต้านอย่างรุนแรง ตู้เซียวหยู่ก็คิดทบทวน ดังนั้นตอนที่พูดคุยก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะจริงจังขึ้นมาเยอะ
พูดถึงสุดท้าย ปมในใจของสองแม่ลูกได้คลี่คลายแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยไม่ปิดบังเรื่องของตัวเองอีก“หนูกับเซียวซู่เตรียมจะแต่งงานแล้วค่ะ”
เหมือนไม่เหนือความคาดหมายเลยสักนิด ตู้เซียวหยู่ในครั้งนี้ดูสงบมาก“จะแต่งงานแล้วเหรอ? จะเลือกวันหรือเปล่า?”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดๆแล้วได้พูดเสียงเบา:“เลือกเถอะค่ะ เลือกวันมงคลก็ได้ค่ะ”
“โอเค งั้นแม่ช่วยลูกดูนะ”
ตอนที่ใกล้วางสาย เจียงเสี่ยวไป๋อดส่งเสียถามไม่ได้:“แม่คะ แม่ไม่ถือสาจริงๆเหรอคะ?”
“ลูกสาวแม่มีความสุขก็พอ ลูกเป็นคนเลือกทางเอง แม่กับพ่อของลูกต้องหวังให้ลูกมีความสุขอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะแม่”
หลังจากวางสาย เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกอุ่นใจมาก
ทุกอย่างล้วนพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
แบบนี้ดีเยี่ยม!
หลังจากทั้งสองตัดสินใจแต่งงาน ความสัมพันธ์ของตู้เซียวหยู่กับเหลียงหย่าเหอก็ยิ่งสนิทชิดเชื้อแล้ว ปฏิบัติกับฝ่ายตรงข้ามเหมือนญาติอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองไปดูฤกษ์งามยามดีให้เจียงเสี่ยวไป๋พร้อมกัน เรื่องที่ทำให้ไม่รื่นรมย์ก่อนหน้านี้ล้วนไม่พูดถึงเด็ดขาด
หลังจากดูวันเสร็จ แหวนที่เจียงเสี่ยวไป๋สั่งทำก็เสร็จพอสมควรแล้ว
เวลาผ่านไปสองเดือน ในที่สุดแหวนก็ส่งมาถึงมือของเจียงเสี่ยวไป๋ เหมือนภาพออกแบบที่วาดให้พวกเธอเป๊ะๆ ใบไม้เล็กๆใบหนึ่งหมุนรอบแหวนเพชร สวยและเรียบหรู
เดิมทีตามความต้องการของเหลียงหย่าเหอ คืออยากจัดงานแบบยิ่งใหญ่ แต่เจียงเสี่ยวไป๋คำหนึ่งถึงแหวนวงนี้กับก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ผับใช้เงินไปไม่น้อยจริงๆ
ถึงตระกูลเซียวมีฐานะดีพอสมควร เธอก็ไม่อยากสิ้นเปลืองแบบนี้ ดังนั้นจึงได้ปรึกษากับพวกท่าน งานแต่งจัดแบบเรียบง่าย เรียนเชิญญาติที่สนิทมาร่วมงาน เอาแบบเรียบง่ายก็พอ
ใครจะไปรู้หลังจากเหลียงหย่าเหอฟังแล้วก็ได้ร้องไห้ขึ้นมา เธอดึงเจียงเสี่ยวไป๋และพูด: “เสี่ยวไป๋ แบบนี้ไม่ได้ งานแต่งของผู้หญิงทั้งชีวิตก็แค่ครั้งเดียว จะเรียบง่ายได้ยังไง? ช่างเป็นเด็กโง่ที่ซื่อสัตย์จริงๆ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยกมุมปากขึ้น“คุณป้าคะ ร้ายแรงขนาดนี้ที่ไหนคะ? งานแต่งไม่จำเป็นต้องสวยโอ่อ่ามากหรอกค่ะ”
เธอเป็นคนที่อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงมาก ถ้าจัดงานแต่งให้ใหญ่โต เงินที่ต้องใช้ก็ยิ่งเยอะ เธอกับเซียวซู่สร้างครอบครัวใหม่ขึ้นมา ต่อไปมีที่ที่ต้องใช้เงินเยอะแน่นอน
อีกอย่างชีวิตคู่มีความสุขหรือไม่ ไม่ได้วัดกันที่งานแต่ง เธอรู้แค่ว่าทั้งสองตระกูลกับเซียวซู่ยอมช่วยเธอจัดงานแต่งนี้ อีกอย่างแหวนเพชรเม็ดเป้งที่อยู่ในมือของเธอก็มีมูลค่าไม่น้อยแล้ว
เพราะฉะนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่หวังต้องจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการอีกแล้ว ถึงเวลาก็ต้องใช้เงินก้อนโตอีก
“หืม จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังเรียกป้าอีก? รีบเรียกแม่เร็ว!” เหลียงหย่าเหอหยิกเจียงเสี่ยวไป๋เบาๆทีหนึ่ง เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดเสียงหวาน:“แม่คะ~”
“จ้า!”
“ฟังแม่นะ แม่กับพ่อลำบากมาครึ่งค่อนชีวิต เงินเก็บก็ยังไม่กล้าใช้ ก็จะเก็บไว้จัดงานแต่งให้พวกลูกเนี่ยแหละ งานแต่งครั้งนี้พวกลูกไม่ต้องออกเงิน แม่เป็นคนออกเอง”
“แบบนี้จะได้ยังไงคะ ที่จริงหนูกับเซียวซู่…..ไม่ค่อยแคร์อันนี้จริงๆค่ะ”
“ไม่ได้ แม่แคร์ แม่จะให้พวกญาติๆต่างก็ได้เห็น เซียวซู่ได้แต่งภรรยาที่หน้าตาสวย”
สุดท้ายก็เลยได้จัดงานแต่งตามความต้องการของเหลียงหย่าเหออีกเช่นเคย
แต่ว่างานแต่งของพวกเธอจัดแบบสไตล์จีน ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋เลยไม่ได้ไปเลือกชุดแต่งงาน แค่ไปซื้อเครื่องยศสตรีของจีน เหลียงหย่าเหอไปซื้อพร้อมกับเธอ สุดท้ายได้ซื้อชุดที่หรูหราและแพงที่สุดของร้าน
ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋เห็นเหลียงหย่าเหอรูดบัตรแล้วรู้สึกเสียดายตังค์ แต่ก็รู้สึกตื้นตันใจมาก
เหลียงหย่าเหอดีกับเธอจริงๆ มีความรู้สึกเหมือนเห็นเธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ช่วงนี้กลับกลายเป็นเซียวซู่ที่ถูกพวกผู้ใหญ่เพิกเฉย
กลางคืนตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋นอน ได้ยื่นขาไปถีบเขา และล้อเล่นกับเขาว่า: “ฉันรู้สึกฉันมากกว่าเป็นลูกที่แม่คุณคลอดออกมา คุณน่าจะเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยงมากกว่านะ?”