บทที่1493 คนบ้า
สำหรับตรงจุดนี้ เซียวซู่ไม่มีทางยอมรับแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะจงใจทำลายชุดทิ้งจริงๆ แต่พอต้องเผชิญหน้ากับการต่อว่าของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็ต้องยอมรับผิดที่ตนเองทำจริงๆ
“ขอโทษ ที่ก่อนหน้านี้ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ก็เลยทนไม่ไหว แต่เรื่องชุดผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
คุณคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอคะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเย็น เดิมทีเธอคิดจะค้นเสื้อยืดตัวใหญ่ออกมาใส่ แต่พอมาคิดไปคิดมา เธอก็หยิบชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำขึ้นมาใส่
พอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ใส่ชุดเดรสสายเดี่ยว ริมฝีปากของเซียวซู่ก็กระตุกอย่างห้ามไม่ได้
เจียงเสี่ยวไป๋เดินมาหยุดตรงหน้าเขา แล้วยกยิ้มอย่างได้ใจ “คิดไม่ถึงล่ะสิ ก่อนจะมาฉันคำนึงถึงสภาพอากาศของที่นี่ ก็เลยเตรียมมาหลายชุด ถ้าคุณทำลายทุกชุดทิ้ง ตอนไปเดินซื้อของฉันก็จะซื้อใหม่ คุณทำลายหนึ่งชุด ฉันก็จะซื้อใหม่หนึ่งชุด”
เดิมทีเซียวซู่คิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่เห็นร่องรอยบนตัวของเธอ เขาก็เม้มปากแล้วเอ่ยพูด “คุณแน่ใจใช่ไหมที่จะใส่ชุดแบบนี้ออกไปข้างนอกจริงๆเหรอ”
“แน่นอนสิคะ”เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับอย่างมั่นอกมั่นใจ
สุดท้ายเซียวซู่จึงต้องพูดเตือนสติเธอ “คุณไปล้างหน้าล้างตา หรือว่าล้างมือในห้องน้ำก่อนดีไหม”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมเซียวซู่ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอคิดว่าการล้างมือก่อนกินข้าวเป็นเรื่องที่ควรจะทำ อีกทั้งการใช้แรงก่อนหน้านี้ก็ทำให้เธอเหงื่อท่วมตัว ตอนนี้หน้าของเธอคงจะมันมากด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงถลึงตาใส่เซียวซู่อย่างคาดโทษ ก่อนจะเดินตรงไปทางห้องน้ำ
เซียวซู่ระบายยิ้ม ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะอาหาร ก่อนจะนับเวลาในใจ
“ สาม สอง หนึ่ง”
หนึ่งจากนับถึงหนึ่ง ก็มีเสียงกรีดร้องอย่างโมโหของเจียงเสี่ยวไป๋ดังออกมาจากห้องน้ำ
“กรี๊ดดด เซียวซู่คนบ้า”
พอได้ยินเสียงตะโกนของเธอ เซียวซู่ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือโมโห แต่กลับยิ้มกว้างมากขึ้น
ผ่านไปสักพัก เจียงเสี่ยวไป๋ก็ใส่รองเท้าแตะวิ่งพุ่งมาทางเขา ก่อนจะดึงปกเสื้อของเขาไว้แล้วพูด “นี่คุณจงใจใช่ไหมคะ”
“หืม”
เธอก็ว่าอยู่ ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงบอกให้เธอไปล้างมือที่ห้องน้ำ เธอยังนึกแปลกใจว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน จนถึงตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปล้างมือที่ห้องน้ำแล้วเงยหน้าขึ้นมามองกระจก แล้วเห็นสภาพของตัวเองในกระจก
ผิวที่เดิมทีขาวเนียนใส ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ก ตั้งแต่บริเวณลำคอลามมาจนถึงบริเวณกระดูกไหปลาร้า แผ่นหลัง บริเวณหน้าขา ดังนั้นผิวบริเวณที่เผยออกมาข้างนอกล้วนแต่เห็นรอยพวกนี้ได้อย่างชัดเจน
มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้เธอถึงรู้สึกว่าเซียวซู่ท่าทางแปลกๆ ชอบคลอเคลียบริเวณลำคอกับหน้าขาของเธอมากผิดปกติ ที่แท้ก็วางแผนไว้ก่อนแล้วนี่เอง
หรือก็คือเขาไม่ยอมให้เธอใส่ชุดแบบนี้นั่นเอง
ตอนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ฉีกทิ้ง เธอก็ไม่กล้าใส่ออกไปข้างนอกอยู่ดี
แต่ว่า…
ในขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋เตรียมจะอาละวาดใส่เซียวซู่ แล้วเหมือนนึกอะไรดีๆออกมาได้ พอเซียวซู่เห็นดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์อย่างแปลกๆของเธอ เขาก็เริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง
เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ยังไม่ทันที่เขาจะเตรียมพร้อม เจียงเสี่ยวไป๋ก็แสยะยิ้ม “คุณคงไม่ได้คิดว่าแค่นี้ ฉันก็ไม่กล้าใส่แบบนี้ออกไปข้างนอกหรอกนะคะ ฉันจะบอกคุณไว้เลย คุณเดินไปกับฉัน แล้วฉันใส่แบบนี้ออกไป ความสนใจของทุกคนจะพุ่งไปทางคุณไม่ใช่ฉันแน่นอน คุณเชื่อไหม”
เซียวซู่คว้าเอวเธอเข้ามากอดไว้ “ดังนั้นคุณหมายความว่า คุณยังคิดจะใส่ ไม่กลัวว่าจะอายตอนที่คนมองหรือไง”
“ฉันหน้าด้านพอค่ะ คุณคิดว่าฉันจะกลัวเหรอ แต่คุณนี่สิ…”เจียงเสี่ยวไป๋ยกมือขึ้นไปหยิกใบหูแดงก่ำของเขา “ฉันกลัวว่าคุณจะอายมากกว่าฉันนะคะ”
ถึงแม้คำพูดนี้จะเป็นเรื่องจริง แต่เซียวซู่รู้สึกว่าตัวเองจะปล่อยให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้ใจไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงรีบพูดอย่างโอ้อวด “ไม่นี่ครับ ถ้าคุณไม่ถือสา ผมก็ไม่ว่าอะไรถ้าใครจะเห็นถึงความร้ายกาจของผม”
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย คงจะคิดไม่ถึงว่าเซียวซู่จะตอบแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่ทันได้ตั้งรับ
แต่เธอเป็นพวกชอบเอาชนะเหมือนกัน ตอนที่ออกไปเที่ยวในหลายวันต่อมา เธอจึงใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวจริงๆ อีกทั้งยังทาแค่ครีมกันแดด อย่างอื่นไม่ได้ทาหรือพกไปด้วยเลย
สองวันก่อนเซียวซู่ยังคิดจะเล่นกับเธอให้ถึงที่สุด
แต่ตอนที่เห็นผู้หญิงของตนเองเดินไปเดินมาอยู่ข้างนอกพร้อมกับร่องรอยพวกนั้น เดินออกไปจากประตูห้องพัก เขาก็เริ่มไม่โอเคแล้ว
ยังไม่ทันที่เจียงเสี่ยวไป๋จะเดินออกไป เซียวซู่ก็รีบคว้าตัวเธอกลับเข้ามา
“ผมยอมแพ้แล้ว เปลี่ยนชุดเถอะนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองหน้าเขา “อะไรนะคะ เมื่อวานมีคนบางคนบอกว่าไม่ถือสาไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงสำนึกผิดเร็วถึงขนาดนี้ล่ะ”
ลูกผู้ชายอกสามศอกยืดได้หดได้ โดยเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าภรรยาของตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้จะน่าขายหน้า แต่เซียวซู่ก็ไม่สนใจแล้ว พอเขาคิดว่าถ้าเธอเดินออกไปแล้วจะถูกคนอื่นจ้องมองเขาก็ทนไม่ได้แล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ เขาจึงรีบผลักประตูห้องให้ปิดลงเสียงดังปัง
“ใช่ครับ ผมยอมแพ้แล้ว เปลี่ยนชุดเสร็จเราค่อยออกไปข้างนอกกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเยาะ ก่อนจะปัดมือของเขาทิ้ง แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา “คุณบอกให้ฉันเปลี่ยนฉันก็ต้องเปลี่ยนอย่างนั้นเหรอคะ ฉันไม่เปลี่ยนหรอก จะฟังคุณทุกครั้งไม่ได้”
เซียวซู่แทบอยากจะเรียกเธอว่าแม่ทูนหัวอยู่แล้ว ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงตอนนี้ เธอเคยฟังเขากี่ครั้งกัน มีแต่เขาที่ต้องฟังเธอไม่ใช่เหรอ
เขารู้นิสัยของเธอดี เธอเป็นพวกไม่ชอบให้ใครบังคับ ดังนั้นเซียวซู่จึงไม่คิดจะบังคับขืนใจเธอ เขาจึงเดินไปนั่งลงข้างๆเธอ ก่อนจะยกมือขึ้นไปดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงหลายส่วน “แล้วคุณอยากให้ทำยังไงถึงจะยอมเปลี่ยนชุดล่ะครับ”
โอ๊ะโอ เสียงพูดเปลี่ยนไปทันทีเลย เจียงเสี่ยวไป๋เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน เธอจึงมองหน้าเขาแล้วพูดล้อ “คุณเปลี่ยนสีหน้าเร็วมากเลยนี่นา ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยนได้เร็วถึงขนาดนี้ ฉันเริ่มไม่คุ้นเคยแล้วนะเนี่ย”
พอพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยกมือขึ้นมาคล้องแขนเซียวซู่ไว้ “ให้ฉันเปลี่ยนก็ได้ค่ะ แต่วันนี้คุณต้องให้ฉันขี่หลังตลอดทั้งวันนะคะ”
ให้เธอขี่หลังตลอดทั้งวันอย่างนั้นเหรอ
“ไม่มีปัญหาครับ”
เซียวซู่ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว เร็วจนเจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกแปลกใจ เดิมทีเธอวางแผนไว้อย่างดีว่าจะแกล้งให้เขาลำบากใจ เพราะยังไงพวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันก็เบื่อๆไม่มีอะไรทำ ใช้วิธีนี้แกล้งเขาก็สนุกดี
แต่เขากลับตอบรับอย่างรวดเร็ว จนเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ทันได้แกล้งเลย
“ไปครับ ผมช่วยคุณเปลี่ยนชุด”
สุดท้ายเซียวซู่ก็อุ้มเจียงเสี่ยวไป๋ขึ้นจากโซฟา ก่อนจะช่วยเธอเปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงที่ค่อนข้างปกปิด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเย็นสบายด้วย ชุดนี้เป็นชุดที่แม่ของเซียวซู่ซื้อให้เจียงเสี่ยวไป๋ เป็นชุดกระโปรงสีชมพูอมฟ้าอ่อน ทำให้คนที่ใส่ดูอ่อนโยนเรียบร้อย
เจียงเสี่ยวไป๋ใส่แล้วรู้สึกไม่คุ้นเคย เธอเดินไปหยุดอยู่หน้ากระจก ถึงแม้จะรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ต้องยอมรับว่ามันสวยมาก
เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งตัว แต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่กับเซียวซู่หรือเปล่าทำให้นิสัยของเธอไม่แข็งกระด้างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และยังกล้าที่จะใส่ชุดที่ดูเป็นกุลสตรีมากขึ้นด้วย
ก็เหมือนกับครั้งนี้ เธอเป็นคนจัดกระเป๋าเดินทางด้วยตัวเอง เดิมทีเธอสามารถจัดเสื้อผ้าที่ใส่สบายมา แต่เธอกลับคำนึงถึงเรื่องที่เธอจะต้องถ่ายรูประหว่างการฮันนีมูนกับเซียวซู่ เธอจึงเปลี่ยนความคิด แล้วเตรียมชุดที่ดูเป็นผู้หญิงมาด้วยแทน
การเปลี่ยนแปลงนี้เจียงเสี่ยวไป๋ก็เพิ่งรู้ตัวก่อนวันออกเดินทาง ยิ่งคิดทบทวนยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะมาก เจียงเสี่ยวไป๋มองไปทางเซียวซู่แล้วถามขึ้นมา “ถ้าคุณทำผิดกับฉัน ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้คุณเด็ดขาดเลย”