บทที่1495 ตรวจพบว่ามีเด็กอยู่ข้างใน
การตรวจในครั้งนี้ ตรวจพบว่ามีเด็กอยู่ข้างในจริงๆด้วย
หลังจากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ถูกกักไว้ในบ้าน ในตอนแรกเธอแค่ถูกกักไว้ในบ้าน แต่ช่วงหลังๆแม้แต่โทรศัพท์แม่ของเธอก็ไม่อนุญาตให้เล่นนานเกินไป แต่ละวันจะกำหนดเวลาให้เธอเล่น
เจียงเสี่ยวไป๋ทั้งรู้สึกดีใจและอารมณ์ไม่ดี
อารมณ์ไม่ดีก็คือ เธอยังไม่พร้อมจะเป็นแม่คน ดังนั้นเธอกับเซียวซู่ต่างก็วิตกกังวลกันมาก แต่ดูจากอายุครรภ์ เธอคงจะเป็นมีตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอกับเซียวซู่มีอะไรกัน
น่าปวดหัวจริงๆ
ตอนแรกยังดี ยังเสี่ยวไป๋ไม่มีอาการแพ้ท้อง แต่กลับกินเยอะมากขึ้น
หลังจากนั้นปริมาณการกินอาหารเพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องให้แม่ของเธอพูด แต่ละวันไม่ใช่กินก็นอน ไม่นาน เจียงเสี่ยวไป๋น้ำหนักก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยขาที่เริ่มบวม
เธอเริ่มสงสัยว่าลูกที่อยู่ในท้องจะไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็นเด็กกินจุ
ไม่อย่างนั้นเธอคงกินไม่ได้เยอะถึงขนาดนี้ อีกทั้งเธอเริ่มอ้วนมากขึ้นแล้วด้วย
ฟางถังถังมาหาเธอหลายครั้ง ทุกครั้งที่มาเธอมักจะถูกหัวเราะใส่ตลอด
“ฮ่าฮ่าฮ่า เสี่ยวไป๋เธอรู้ว่าตอนนี้เธอเหมือนอะไรที่สุดไหม เหมือนลูกบอล ไม่เหมือนคนเลย บอกตามตรงว่าฉันเห็นสภาพของเธอตอนนี้ ฉันก็แทบไม่กล้าแต่งงานแล้ว อืม ถึงแม้แต่งงานฉันก็ไม่ยอมตั้งท้องเด็ดขาดเลย”
ล้อเลียนเธอคนเดียวยังไม่พอ ยังจะดึงเธอเข้าไปในกลุ่มแล้วรวมหัวกับสวี่ยี่เฟยพูดล้อเธอ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเหอะๆ “ฟางถังถัง ถ้าสุดหล่อของเธออยากให้เธอมีลูกให้เขาเธอจะยอมไหม”
“ยอม ต้องยอมอยู่แล้ว”
“ดังนั้น วันพระไม่มีหนเดียว วันนี้เธอหัวเราะฉัน ในอนาคตเธอจะต้องได้รับผลตอบรับสิบเท่า”
“เฮ้ย”ฟางถังถังได้ยินแบบนั้น “ดูท่าฉันน่าจะต้องแบล็กเมลล์เธอให้หนัก เดี๋ยวฉันจะรีบถ่ายรูปโพสต์ลงในกลุ่ม อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“ไปสิ เธอก็ไปสิ”
ทั้งสองคนต่อปากต่อคำกันจนเคยชิน ถึงแม้ฟางถังถังจะเป็นคนปากเก่ง ปากบอกว่าจะทำ แต่ก็แค่พูดไปงั้นๆไม่ได้จะทำจริง ก่อนจะหัวเราะคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานตามเดิม
“เอาล่ะ เธอแอบเอาอะไรมาให้ฉันบ้าง”
ฟางถังถังหยิบกระเป๋าตัวเองออกมา ก่อนจะหยิบถุงใส่ขนมออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋มอง ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกายขึ้นมา
“ล่าเถียว” (ขนมแผ่นเผ็ดเสฉวน)
“ใช่แล้ว”
ฟางถังถังยื่นล่าเถียวให้เธอ “กินได้แค่ถุงเล็กๆนี่เท่านั้นนะ”
หลังจากที่ท้อง ถึงแม้เจียงเสี่ยวไป๋จะกินได้เยอะ แต่พวกขนมที่ไม่มีประโยชน์แม่ของเธอไม่ยอมให้เธอกินเลย ส่วนเซียวซู่เองก็เป็นห่วงทั้งเธอทั้งลูกจึงเห็นด้วยที่ไม่ยอมให้เจียงเสี่ยวไป๋ไปกินข้างนอก
ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ยิ่งไม่ได้กินเข้าไปใหญ่ ส่วนฟางถังถังที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอ จึงต้องช่วยเอามาให้เธอ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมาแล้ว
ฟางถังถังเองก็คำนึงถึงสภาพร่างกายของเจียงเสี่ยวไป๋ จึงไม่ยอมเอามาให้เธอเยอะเกินไป
ถ้ามามือเปล่า เจียงเสี่ยวไป๋ก็จะทำสีหน้าน่าสงสาร เธอเองก็ทนเห็นไม่ได้ จึงมักจะแอบทำเซอร์ไพรส์ให้เจียงเสี่ยวไป๋เล็กๆน้อยๆ
“สามีเธอใจร้ายจริงๆ เธอน่าสงสารขนาดนี้ เขาก็ไม่ยอมให้เธอกินสักนิดเลย”
“ก็ใช่น่ะสิ”เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เธอกินไปด้วยต่อว่าเซียวซู่ไปด้วย “คนบ้านั่นทำเหมือนแม่ของฉันเลย ไม่ยอมให้ฉันกินของจากข้างนอก ดังนั้นจากนี้ไปเธอต้องมาหาฉันบ่อยๆนะ”
ความจริงแล้วเจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางบอกฟางถังถังหรอกว่า ที่จริงแล้วเซียวซู่แอบพาเธอไปกินหม้อไฟและขนมบ่อยๆ แต่ทุกครั้งเขาจะห้ามไม่ให้เธอกินเยอะจนเกินไป
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเธอถึงไม่บอก ง่ายมาก ถ้าหากเธอบอกฟางถังถัง ว่าทุกอาทิตย์เซียวซู่มักจะแอบพาเธอออกไปกิน ฟางถังถังจะต้องคิดว่าเธอได้กินมากเกินไปแล้ว และจะไม่แอบเอามาให้เธอแบบนี้อีก
บ่อความสุขของเธอก็หายไปน่ะสิ เธอไม่มีทางยอมแน่ๆ
“ใจร้ายเกินไปแล้ว ทำไมถึงไม่สงสารเธอเลย”
คนที่ถูกพูดถึงตอนนี้กำลังนั่งทำงานอยู่ที่บริษัท โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังถูกนินทาอยู่
ส่วนอีกด้าน เสี่ยวเหยียนได้คลอดลูกแล้ว ตอนนี้เธอเป็นแม่คนแล้ว เดิมทีเธออยากจะได้ลูกสาว แต่ก็อยากมีลูกชายก่อนจะได้เอาใจน้องสาว ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว จนไม่อยากจะคิดอะไรมาก
สุดท้ายเธอกลับต้องประหลาดใจ ที่เธอคลอดได้ลูกฝาแฝด
และเรื่องที่ทำให้เธอเจ็บที่สุดคือตอนที่คลอดฝาแฝด เธอทรมานจนแทบตาย เพราะการคลอดลูกแฝดทำเอาเธอแทบหมดแรง พยาบาลอุ้มเด็กทั้งสองมาวางลงข้างๆเธอ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณคลอดได้ลูกชายฝาแฝดค่ะ”
เสี่ยวเหยียนรีบถาม เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงคะ”
“เป็นเด็กผู้ชายทั้งสองเลยค่ะ”
พอได้ยินว่าเป็นเด็กผู้ชายทั้งสองคน เสี่ยวเหยียนก็ชะงักไปเล็กน้อย ที่จริงแล้วเธออยากจะได้ฝาแฝดชายหญิงมากกว่า แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กผู้ชายทั้งสองคน
ไม่รู้ว่าพอโตมาจะดื้อหรือเปล่า เธอจะจัดการพวกเขาอยู่ไหม
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็เริ่มรู้สึกปวดหัวเสียแล้ว
อีกทั้งช่วงหลายวันที่เธอเลี้ยงดูทั้งสองคน เธอรู้สึกได้ว่าถึงแม้จะเป็นฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน แต่นิสัยของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก
ยกตัวอย่างเช่นพี่คนโต ที่ดูสงบนิ่งมาก ถึงจะหิวก็ไม่ร้อง เอาแต่นอนมองเพดานไม่มองคน นอกจากหลับตานอน ก็ได้แต่ลืมตาเหม่อมองเงียบๆ
ส่วนคนเล็กอารมณ์จะร้อน ถ้าหิวจะร้องไห้อย่างหนัก อารมณ์ดีก็จะยิ้มหัวเราะ อารมณ์ไม่ดีก็จะอาละวาด ชอบเล่นกับคน เล่นสนุก
บอกได้ว่า คนหนึ่งเงียบคนหนึ่งเสียงดังสินะ
ในขณะที่กำลังนิ่งคิด คนเล็กก็เริ่มอาละวาดขึ้นมาอีกครั้ง เสี่ยวเหยียนรีบลุกขึ้นไปชงนมให้ลูก แต่กลับถูกคนที่นอนอยู่ข้างๆกดตัวลงไปนอนตามเดิม
“นอนต่อเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ถูกต้องแล้ว หลังจากที่คลอดลูกทั้งสองคนออกมา ห้องนอนของสองสามีภรรยาก็มีเตียงเด็กเพิ่มขึ้นมาสองเตียง เดิมทีคิดจะจ้างพี่เลี้ยง แต่เสี่ยวเหยียนไม่เชื่อใจพี่เลี้ยง
สุดท้ายหลัวหุ้ยเหม่ยก็ต้องมาช่วยเธอดูแล แต่เด็กๆอาละวาดไม่ใช่แค่ช่วงกลางวันหรือช่วงกลางคืน อีกทั้งมารดาของเสี่ยวเหยียนอายุก็มากแล้วด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้แม่ของตนเองเหนื่อยมากจนเกินไป
เธอจึงดูแลเอง หานชิงเองก็สนับสนุนเรื่องนี้ การเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเองจะทำให้ลูกสนิทสนมกับเรามากกว่า ดังนั้นเขาจึงย้ายเตียงเด็กมาไว้ในห้องนอน
ในตอนแรกเสี่ยวเหยียนกังวลใจมาก เพราะหานชิงต้องไปทำงาน เสียงลูกร้องไห้อาจจะทำให้เขานอนไม่หลับ ดังนั้นเธอมักจะเรียกให้หารชิงไปนอนห้องข้างๆแทน แต่หานชิงกลับบอกว่าไม่เป็นไร เขาช่วยเธอดูแลลูกด้วย
แต่สุดท้ายแล้วทุกครั้งที่ลูกร้องไห้ แล้วเสี่ยวเหยียนเตรียมจะลุกขึ้นไปกล่อม หานชิงกลับบอกให้เธอนอนต่อ ส่วนเขาไปกล่อมเอง
ไหนตกลงกันไว้ว่าจะช่วยกันดูแลทั้งสองคน แต่ผลสุดท้ายหานชิงกับเอาภาระทุกอย่างไปแบกไว้ด้วยตนเอง เธอที่เป็นแม่ของเด็กกลับไม่ต้องทำอะไรเลย
รอจนหานชิงป้อนนมลูกเสร็จแล้วกลับมานอนบนเตียง เสี่ยวเหยียนก็กระซิบพูดกับเขา
“จากนี้ไปตอนกลางคืนฉันดูแลลูกดีกว่านะคะ ช่วงกลางวันคุณต้องทำงาน แบบนี้จะทำให้คุณพักผ่อนไม่เพียงพอเอานะคะ”
“ผมก็มีหน้าที่ดูแลลูกเหมือนกันนะครับ ช่วงกลางวันคุณดูแลก็เหนื่อยมากแล้ว ตอนกลางคืนจะให้คุณดูคนเดียวได้ยังไงกัน แต่ว่า…”
“ตอนกลางวันคุณต้องทำงาน จะเอามาเทียบกับฉันได้ยังไงล่ะคะ ฉันแค่ต้องตื่นมาดูลูกตอนดึกๆ แต่ตอนกลางวันฉันนอนพักได้ อีกอย่างก็มีแม่ของฉันคอยช่วยด้วยอีกแรง”