บทที่1509 แบบนี้ก็ดี
ก็ได้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดแก้ต่างให้เขาแล้ว
ชายแท้คนนี้ถูกคุณแม่เขาด่าสักคำสองคำ พอด่าจนได้สติแล้ว ต่อไปคงจดจำขึ้นมาได้บ้าง
พูดตามความจริงครั้งนี้เจียงเสี่ยวไป๋ถูกทิ้งไว้ก็โกรธเหมือนกัน แต่ว่าคนท้องไม่ควรโมโห เธอเข้าใจเหตุผลนี้ดี ดังนั้นเลยไม่ปล่อยให้ตัวเองโกรธ
อีกอย่างเธอก็รู้สึกว่า ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บที่เท้าจริงๆ ส่งเธอไปที่โรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สมควรให้อภัยอะไร
ขอแค่พอเซียวซู่กลับมาแล้วยอมรับความผิดกับเธอก็พอแล้ว
เพราะอย่างไรก็ต้องใช้ชีวิตด้วยกันสองคน เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำร้ายกันและกันซึ่งไม่ใช่เรื่องดี
เหลียงหย่าเหอเองก็ดูออกว่าในด้านนี้เจียงเสี่ยวไป๋โอบอ้อมอารีมาก ก็เลยพูดเตือนเธอ
“เธอจะตามใจเขาแบบนี้ไม่ได้นะเสี่ยวไป๋ ถ้าสามีตัวเองทำผิดก็ต้องด่า แม่จะต้องยืนอยู่ข้างเธออยู่แล้ว”
“คุณแม่คะ หนูรู้ค่ะ อย่าได้เป็นห่วงหนูเลยค่ะ พอเขากลับมาแล้วหนูจะพูดให้ชัดเจนเองค่ะ”
“แต่ว่าเธอก็ห้ามโมโหเกินไปนะ ตอนนี้เธอใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว อย่าทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บล่ะ ช่างเถอะช่างเถอะ เธออย่าไปถามดีกว่า ฉันจะรออยู่ที่นี่แหละ พอเขากลับมาแล้วฉันจะถามให้ชัดเจนเอง”
สุดท้ายทั้งสองคนก็รอจนถึงช่วงกลางคืน เซียวซู่ถึงได้กลับมา
เซียวซู่เปิดประตูเข้ามาในห้องรับแขก เห็นว่าบนโซฟามีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นยังกอดอกด้วยท่าทางโมโหแล้วจ้องมาที่เขา ทำเอาตกอกตกใจไปหมด
“คุณแม่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ ?”
เหลียงหย่าเหอหัวเราะเสียงเย็น “นายยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ นายไปตายที่ไหนมาห๊ะ ?”
ดูโกรธเกรี้ยวมาก เซียวซู่หันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋ทีหนึ่ง แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับไม่โมโห ท่าทางดูปกติดี
เขาครุ่นคิดก่อนพูดว่า “ฉันกลับไปหาเธอ แต่พนักงานขายบอกว่าเธอออกไปแล้ว”
ไม่รอให้เจียงเสี่ยวไป๋ตอบ เหลียงหย่าเหอก็เริ่มด่าอีก “ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ ? จะให้รอนายอยู่ตรงนั้นจนนายกลับมาเหรอ นายรู้ไหมว่าเสี่ยวไป๋เป็นคนท้องนะ ให้เธอรออยู่ข้างนอกไม่เหนื่อยหรือไง เซียวซู่ นายมีจิตสำนึกในฐานะคนเป็นสามีบ้างไหม นายรู้ไหมว่าเมียตัวเองเป็นคนท้องโต ใกล้จะคลอดอยู่เต็มทีแล้ว นายยังวิ่งออกไปแบบนั้นอีก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมานายจะรับผิดชอบไหวไหม!”
เซียวซู่รู้สึกผิด ไม่พูดไม่จา พอฟังคำด่าเหล่านี้เขาก็ไม่มีข้อแก้ตัวเลย
“ทำไมนายไม่พูดอะไรบ้างล่ะ นายทิ้งเสี่ยวไป๋ไว้ตรงนั้นคนเดียว นายไม่ควรขอโทษเธอสักคำเหรอ ?”
“แม่คะ……” เจียงเสี่ยวไป๋ดึงมือของเหลียงหย่าเหอไว้ “เอาเถอะค่ะ ที่จริงหนูก็ไม่ได้รอนานเท่าไหร่ อีกอย่างตอนนั้นถ้าพาตัวคนไปส่งโรงพยาบาล หนูเองก็สามารถเข้าใจได้ค่ะ”
เซียวซู่ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมเธอถึงรู้ว่าฉันไปโรงพยาบาลล่ะ”
“ฉันรู้สิ ก็ฉันถามเรื่องราวกับพนักงานขาย จากนั้นฉันก็คาดเดาเอาเองนิดหน่อย ว่านายน่าจะพาคนไปส่งที่โรงพยาบาลแล้ว”
ฟังจากน้ำเสียงของเสี่ยวไป๋แล้ว ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเขาส่งใครไปที่โรงพยาบาล
“คือแบบนี้ ตอนอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เสี่ยว……”
เขากำลังจะพูดว่าเสี่ยวเหยียนเข้ามาชนเขา จากนั้นน่าจะเกิดเรื่องขึ้นเขาเลยพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล
จากนั้นเหลียงหย่าเหอก็ตัดบทเขาก่อน “ไม่ว่าจะสถานการณ์แบบไหน เมียก็สำคัญที่สุดนายเข้าใจไหม นายทิ้งเสี่ยวไป๋ไว้ตรงนั้นคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นนายรับผิดชอบได้ไหม ? ได้ไหม ?”
เหลียงหย่าเหอยังคงโมโหอยู่ พอเธอเห็นท้องโตๆของเจียงเสี่ยวไป๋ แล้วนึกถึงภาพตอนเธอถูกทิ้งไว้ในซูเปอร์มาร์เก็ตคนเดียว จากนั้นก็กลับมาบ้านด้วยตัวคนเดียวอีก
เลยยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
เจียงเสี่ยวไป๋เลยทำได้แค่พูดปลอบเธอ “คุณแม่คะ อย่าโมโหไปเลยค่ะ เขาส่งคนไปที่โรงพยาบาลก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างชายแท้อย่างเซียวซู่จะต้องไม่คิดอะไรรอบคอบเหมือนผู้หญิงอย่างพวกเราแน่ ถ้าหากหนูเป็นเขา ก็น่าจะทำแบบเดียวกับเขาเหมือนกันค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดกล่อมอยู่นาน ถึงได้กล่อมเหลียงหย่าเหอจนอยู่หมัด
รอจนเหลียงหย่าเหอกลับไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้พูดกับเซียวซู่ว่า “เรื่องในวันนี้ ฉันไม่ถือสานาย แต่ว่าครั้งหน้าถ้านายหายไปคนเดียวแบบนี้อีก ฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ
เดิมทีเซียวซู่อยากจะอธิบายมาตลอดแต่ไม่มีโอกาสให้อธิบาย ตอนนี้พอได้ยินคำพูดนี้ของเสี่ยวไป๋แล้ว จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าถึงตัวเองจะพูดอธิบายไปก็คงไม่มีความจำเป็นอะไรแล้ว
ยังไงเขาก็แค่ส่งเสี่ยวเหยียนไปที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว อีกอย่างตอนนี้เสี่ยวไป๋ก็ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว อย่าเพิ่งพูดอะไรที่ทำให้เธอกังวลใจจะดีกว่า
พอคิดถึงตรงนี้ เซียวซู่ก็เลยไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกมา
กลางคืนพอถึงเวลานอน เสี่ยวไป๋นอนอยู่บนเตียง เซียวซู่ก็นวดน่องให้เธอ
“วันนี้ตอนกลางวันนายพาคนไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วเท้าของคนๆนั้นไม่เป็นไรใช่ไหม”
พอได้ยินแบบนั้น การกระทำของมือเซียวซู่ก็หยุดชะงักไป เขามองดูเสี่ยวไป๋ทีหนึ่ง รู้สึกลังเลเล็กน้อย
“ทำไมล่ะ ?” เจียงเสี่ยวไป๋หรี่ตา “พอกลับมาแล้วนายก็ทำท่าทางแปลกประหลาด คงไม่ใช่ว่าวันนี้นายไปสร้างปัญหากับผู้หญิงคนไหนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหรอกใช่ไหม ผู้หญิงที่ชนนายเป็นใคร นายชอบเธอคนนั้นเข้าแล้วเหรอ ?”
เซียวซู่ “……เธอพูดจาไร้สาระอะไรของเธอ”
พอถูกเจียงเสี่ยวไป๋ถามแบบนี้ ทันใดนั้นเซียวซู่ก็รู้สึกว่า ความคิดของหญิงตั้งครรภ์นั้นแปลกมาก เขาเลยยิ่งไม่อยากบอกความจริงกับเสี่ยวไป๋เข้าไปใหญ่
“ฉันพูดจาไร้สาระเหรอ ตรงไหนกัน ทั้งๆที่ตัวนายเองแปลกประหลาดแท้ๆ แถมยังอ้ำๆอึ้งๆ เหมือนว่ามีอะไรลับลมคมใน!”
“ไม่มี!” เซียวซู่ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง แล้วบีบนวดน่องของเธอเบาๆ “ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ตอนนั้นสถานการณ์ค่อนข้างคับขัน ฉันคิดว่าพอถึงโรงพยาบาลแล้วค่อยโทรมาบอกเธอ แต่กลับพบว่าโทรศัพท์อยู่กับเธอ ตอนที่กลับไปหาเธอ เธอก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ดังนั้น……”
“เอาเถอะเอาเถอะ ฉันรู้แล้วว่าเป็นสถานการณ์คับขัน ดังนั้นก็เลยไม่ได้โทษนายอยู่นี่ไง ฉันเริ่มง่วงแล้ว ฉันจะนอนแล้ว”
เสี่ยวไป๋เตะมือของเขาเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาเอามือออกไป เซียวซู่ห่มผ้าห่มให้เธอ เสี่ยวไป๋ง่วงนอนเร็วมาก พอปิดตาลงก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
เซียวซู่ไม่ได้สังเกตว่าเธอหลับไปแล้ว ลังเลอยู่ครู่ใหญ่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกเรื่องจริงทั้งหมดให้เสี่ยวไป๋ฟัง เลยพูดว่า “คือว่าเสี่ยวไป๋ ที่จริงคนที่ฉันเจอวันนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็น……เป็น……”
พูดอยู่นาน เขาก็ยังไม่สามารถพูดชื่อนั้นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงพูดว่า “ที่จริงวันนี้คนที่มาชนฉันคือเสี่ยวเหยียน เธอข้อเท้าแพลง อีกอย่างเธอก็จะไปโรงพยาบาลเพื่อไปหาหานชิงด้วย หานชิงเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเธอไว้นะ แต่ว่าตอนนั้นสถานการณ์มันค่อนข้างพิเศษ”
พอพูดเรื่องพวกนี้จบ ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับ
เซียวซู่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋โกรธเพราะได้ยินชื่อของเสี่ยวเหยียน เพราะชื่อเสี่ยวเหยียนนั้นก็เป็นเหมือนบาดแผลระหว่างพวกเขาทั้งสองคน
ถึงแม้เสี่ยวไป๋กับเสี่ยวเหยียนตอนนี้ทั้งสองจะสนิทกันดี แต่ตราบใดที่เอ่ยถึงเรื่องเก่าๆ ก็ยากที่จะไม่คิดมาก
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเสี่ยวไป๋เป็นคนซื่อตรง เป็นคนสบายๆและใจกว้าง แต่เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังท้องโตอยู่ ดังนั้นเซียวซู่ก็เลยกังวลว่าเธอจะคิดมาก
เห็นเธอไม่ยอมตอบ เซียวซู่ก็คิดว่าเธออาจจะโกรธ ก็เลยรีบร้อนอธิบาย
“แต่ว่าไม่ใช่แบบที่เธอคิดนะ ฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบเมื่อก่อนกับเธออีกแล้ว ตอนนี้ใจของฉันอยู่กับเธอทั้งหมด……”
คำพูดของเซียวซู่หยุดลงกะทันหัน สายตาไปตกอยู่ที่ใบหน้าของเสี่ยวไป๋
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เสี่ยวไป๋นอนหลับไปแล้ว นอนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง เซียวซู่มองดูเธอแล้วชะงักไปครู่ใหญ่ แล้วค่อยถอนหายใจออกมา จัดผ้าห่มให้เธออย่างเรียบร้อย จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากอันกระจ่างใสของเธอทีหนึ่ง
หลับแล้วก็ดี ไม่ได้ยินก็ดี เอาแบบนี้ก็แล้วกัน