บทที่1512 คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นห่วงคุณขนาดไหน
อันที่จริงเสี่ยวเหยียนไม่ได้ความรู้สึกช้าหรอก ก็แค่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่เท่านั้นเอง ก็เลยตอบสนองกลับไปค่อนข้างช้านิดหน่อย
เธอมองหานชิงไปอย่างน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย
หลุดสีหน้านี้ออกไปก็ทำเอาหานชิงแข็งค้างไป ทันใดนั้นเองก็ถอนหายใจอย่างหน่ายใจออกมาเล็กน้อย
นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าเวลาจะผ่านไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ สาวน้อยของเขาได้กลายเป็นแม่ลูกสองไปแล้ว ส่วนเขาก็ขยับขึ้นมาเป็นพ่อ
หานชิงที่เคยคิดว่าทั้งชีวิตนี้เขาไม่มีวันจะแต่งงาน วันนี้มีครอบครัวแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ หานชิงก็ได้ยื่นมือออกไปดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมแขน จากนั้นก็ถูไปบนหน้าผากที่ถูกตัวเองเขกจนเจ็บไปเมื่อกี้ให้เธอ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
“ขอโทษ เมื่อกี้ใจร้อนไปหน่อย เจ็บใช่มั้ย?”
เสี่ยวเหยียนนึกไม่ถึงว่าเขาจะขอโทษตนออกมา ทั้งยังนวดตรงบริเวณที่เจ็บให้เธอ ในระหว่างนั้นเองก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็โหยหาอ้อมกอดของเขา
อยากซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทั้งยังกลัวอีกว่าเขาบาดเจ็บพละกำลังไม่ค่อยดีนัก ก็เลยพิงเขาไปครึ่งหนึ่งพร้อมส่ายหน้าออกไป “ไม่ได้เจ็บแล้ว ถ้าเจ็บจริงๆล่ะก็ ฉันไหนเลยจะตอบสนองออกมาช้าขนาดนั้น?”
เธอกลัวว่าหานชิงจะโทษตัวเอง ก็เลยบอกว่าไม่เจ็บ
บวกกับนิ้วมือที่อ่อนโยนของเขา ลูบหน้าผากให้เธออย่างนิ่มนวล ความเจ็บเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้หายวับไปก่อนแล้ว
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้อีก เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมถามออกไป “คุณเพิ่งฟื้นขึ้นมา ไม่ต้องไปเรียกหมอให้มาตรวจดูอาการสักหน่อยจริงๆหรอ? ถึงยังไงคุณก็สมองถูกกระทบกระเทือนมา ถึงแม้ว่ามันจะแค่นิดหน่อย แต่ฉันคิดว่าก็ยังต้องตรวจดูสักหน่อยนะ”
จะว่ายังไงเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก
หานชิงมองท่าทางอย่างนั้นของเธอ คิดว่าถ้าไม่เรียกหมอให้มาตรวจล่ะก็ เธอไม่มีทางจะสบายใจได้ ก็เลยพยักหน้าตอบรับไป
“ก็ได้ งั้นก็รบกวนเธอช่วยเรียกหมอมาให้ฉันหน่อยก็แล้วกัน”
“รบกวนอะไรกัน” เสี่ยวเหยียนจ้องหน้าเขา จู๋ปากเอ่ยออกมา “ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ คุณกำลังพูดอะไรอยู่?”
จากนั้นก็ลงจากเตียงไปหาคุณหมอ ระหว่างทางที่ไปเสี่ยวเหยียนก็ยังจำคำว่ารบกวนที่เขาพูดกับเธอออกมา ให้ความรู้สึกที่เกรงอกเกรงใจกันเอามากๆ จะยังไงก็รู้สึกไม่ดีทั้งนั้น
หลังจากนั้นคุณหมอก็มา ตรวจดูอาการหานชิงไปรอบนึง เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วก็ได้กำชับเรื่องที่ควรระวัง ให้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสามวัน ถ้าเขาไม่มีอาการอะไรอื่นแล้วก็สามารถออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้
“ขอบคุณมากค่ะ”
หลังจากที่คุณหมอออกไปแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ยืนอยู่ไกลๆ ไม่เข้ามา
หานชิงนั่งพิงเข้ากับหมอน มองไปทางสาวน้อยที่ได้กลายเป็นแม่ไปแล้วอยู่ห่างจากตัวเองไกลๆ อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ “เป็นอะไรไป? ไปยืนอยู่ไกลขนาดนั้น ฉันไปทำอะไรขัดใจเธอ?”
ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเหยียนก็มองเขาไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
“ไม่มี คุณพูดเสียเกรงอกเกรงใจกันตั้งขนาดนั้น จะมาทำอะไรขัดใจฉันได้ยังไงกัน?”
เขาพูดจาเกรงอกเกรงใจ?
ชายสูงวัยอีกคนนึกย้อนกลับไปคิดเล็กน้อย ก็นึกถึงที่พูดกับเธอไปเมื่อกี้นี้ว่ารบกวนเธอไปเรียกคุณหมอมาหน่อยคำนี้ออกไป
หรือว่าเธอจะคิดว่าคำพูดนี้ของเขาจะดูเกรงใจกันเกินไป ก็เลยโกรธ?
“ก็แค่คำพูดคำเดียว มันคุ้มให้เธอต้องโกรธมั้ย?” หานชิงมองเธอพร้อมยิ้มออกไปด้วยความจนใจอยู่บ้าง “รีบเข้ามา”
เสี่ยวเหยียนยืนอยู่กับที่ ไม่เข้าไป หลังจากที่ได้ยินคำพูดเขาแล้วก็ยิ่งแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาเสียยิ่งกว่าเดิม
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประโยคเดียว แต่มันอยู่ที่…คุณเหมือนกับว่าจะไม่ได้เห็นฉันเป็นคนของตัวเองเลยต่างหาก”
ถ้าเป็นคนของตัวเอง เขาจะพูดว่ารบกวนกับตัวเองออกมาได้ยังไงกันล่ะ?
หานชิงไม่พูด เสี่ยวเหยียนก็นึกว่าเขาจะหมดคำที่จะพูด รออยู่สักพักก็พบว่าหานชิงได้เตรียมที่จะลงจากเตียง ทำเอาเธอตื่นตกใจออกมา รีบเข้าไปประคองเขาทันที
“คุณไม่ได้ยินคำพูดพวกนั้นที่เมื่อกี้นี้คุณหมอเขาพูดกับคุณหรอ? ว่าให้คุณนอนอยู่พักนิ่งๆอยู่สักพัก ทำไมเพิ่งจะพูดไปหยกๆคุณก็ลืมเสียแล้ว? คุณยังต้องการร่างตัวเองอยู่อีกมั้ย?”
“ไม่ได้ลืม” หานชิงกุมมือขาวนุ่มของเธอ มือก็ใช้แรงเพื่อดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมแขน เสี่ยวเหยียนอยากจะลุกขึ้นอย่างร้อนรน หานชิงจึงรัดช่วงเอวของเธอแน่น กักเธอเอาไว้อยู่ในที่ของตัวเองแน่น ลมหายใจของทั้งสองคนใกล้ชิดกัน
“ก็แค่อยากคุยกับเธอเท่านั้นเอง แต่เธอก็อยู่ห่างจากฉันเกินไป เธอไม่ยอมเข้ามา ฉันก็เลยทำได้เพียงแค่ต้องเข้าไปเอง”
ตอนที่เขาพูดคำนี้น้ำเสียงนั้นทุ้มต่ำ โจมตีเข้ามาที่ใจของเสี่ยวเหยียนอย่างจัง บนใบหน้าของเธอก็ร้อนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ตอนที่พูดความมั่นใจเองก็ลดน้อยลงอยู่หลายส่วน
“ฉันไม่ยอมเข้ามาที่ไหนกัน ฉันก็แค่…”
“ก็แค่อะไร?” หานชิงประชิดเข้ามาอีก หรี่ตาจ้องมองเธอ “ก็แค่เพราะว่าคำพูดของฉันมันเกรงใจกันเกินไป ก็เลยโกรธฉัน?”
เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่าง อยากจะพูดแก้ตัวออกไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวออกไปยังไง
ก่อนหน้านี้เธอก็โมโหอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับโกรธอะไรทำนองนั้น ก็แค่เกิดความไม่สบอารมณ์ขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
ดังนั้นแล้วในตอนที่เขาเตรียมจะลงจากเตียง เธอก็ไม่สนอะไรอีกแล้ว รีบเข้าไปทันทีเลย
แต่ตอนนี้ท่าทางการพูดของหานชิงก็ดูกดดันกัน ยิ่งใกล้กันมากขึ้น ก็เหมือนกับว่าจะไม่คิดที่จะปล่อยเธอไป
“หืม?”
“เอาล่ะๆ” เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมาอย่างยอมรับชะตากรรม เอ่ยพูดออกไปอย่างกำปั้นทุบดิน “ฉันแค่คิดว่าคุณพูดจาเกรงอกเกรงใจกันเกินไป พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ฉันคลอดลูกสองคนให้คุณ เมื่อวานพอคุณเกิดเรื่องฉันก็รีบมาด้วยความร้อนใจ ถึงขนาดที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บก็ยังอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ แต่ฉันทำเรื่องพวกนี้ไปไม่ใช่ว่าอยากจะได้รับการขอบคุณจากคุณหรอก แต่เป็นเพราะฉันเป็นห่วงคุณ ภรรยาเป็นห่วงสามีของตัวเอง ฉันก็เลยไม่หวังว่าสิ่งพวกนี้ที่ฉันทำลงไปจะกลายไปเป็นภาระของคุณ ฉันคิดว่าระหว่างพวกเราสามารถปล่อยให้เป็นไปอย่างธรรมชาติได้ ในตอนที่คุณไม่สบายหรือว่าทุกข์ใจ คุณก็สามารถร้องให้ฉันเข้าไปช่วยเหลือคุณอย่างเป็นธรรมชาติที่ควรเป็นได้ กลับกันฉันเองก็เหมือนกัน สามีภรรยาไม่ใช่ว่าจะต้องเฝ้าดูแลและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันหรือไง? คุณเกรงอกเกรงใจฉันตั้งขนาดนี้ ทำให้ฉันกังวลว่าต่อจากนี้ไป…”
คำพูดตรงท่อนหลังเธอไม่ทันได้เอ่ยปากพูดออกไป ก็ถูกนิ้วชี้ของหานชิงกดวางลงมาบนริมฝีปาก ไม่มีโอกาสได้พูดออกไป
“อย่ากังวลซี้ซั้วไปเลย” หานชิงทอดถอนหายใจออกมา เหมือนกับกำลังหน่ายใจสุดๆ นวดท้ายทอยของเธอพร้อมเอ่ยออกไป “เธอทำเพื่อฉันมาตั้งมากมาย ไม่ใช่ว่าฉันจะซาบซึ้ง แต่เป็นห่วงเสียมากกว่า นอกจากนี้ที่พูดไปอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นการเกรงใจ แต่แค่ไม่อยากให้เธอต้องมาทุ่มเทเพื่อฉันมากไป ฉันเป็นสามีของเธอ แล้วก็ยังเป็นพ่อของลูกเธออีกด้วยไม่ใช่หรือไง ก็ควรจะดูแลเลี้ยงดูพวกเธอสามแม่ลูกสิ แต่ตอนนี้ฉันกลับไม่อาจทำหน้าที่นี้ได้อย่างสมบูรณ์ กลับต้องมาทำให้เธอต้องบาดเจ็บแล้วยังให้เธอต้องมาวิ่งวุ่นปลีกตัวไปไหนไม่ได้เพราะฉันอีก”
พวกเขาสองคนมีสองความคิด ความจริงทั้งหมดต่างก็เป็นความเป็นห่วงอีกฝ่ายเท่านั้นเอง
เสี่ยวเหยียนฟังไปแล้ว คิดว่าความคิดทั้งสองคนก็เหมือนกัน ไม่มีอะไรดีที่จะต้องเถียงกันต่อ
ทำได้เพียงดึงมือของเขาเอาไว้ เอ่ยเสียงค่อยออกไป “ฉันรู้ว่าคุณอยากดูแลพวกเรา แต่ร่างกายของคุณไม่ได้ทำมาจากเหล็กนะ อีกอย่างฉันก็โตแล้ว สามารถช่วยแบ่งเบาภาระคุณได้”
หานชิงมองเธอพร้อมหัวเราะออกมา
“คุณหัวเราะอะไร?” เสี่ยวเหยียนยื่นมือออกไปจิ้มคางของเขา เอ่ยออกไปด้วยความฉุนเฉียว “คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณเกิดเรื่องขึ้นมาครั้งนี้ฉันทั้งเป็นห่วงและกลัวมากแค่ไหน? คุณรู้หรือเปล่าว่าถ้าคุณเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาสักนิด ฉันก็มีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว”
พูดจนจบ ขอบตาเธอก็แดงก่ำออกมา มองเขาไปพร้อมน้ำตาที่ไหลริน
เห็นท่าทางอย่างนี้ของเธอแล้ว หานชิงก็รู้สึกว่าใจของเขาถูกอะไรบางอย่างที่แหลมคมทิ่มแทงเข้ามาอย่างแรง ทิ่มแทงเขาอยู่นานก็ไม่ได้สติกลับคืนมาเสียที
รอจนเขาได้สติกลับมา ก็ได้ก้มลงประกบเข้ากับปากของเธอไปเสียแล้ว