บทที่1524 แผนง้อเมีย
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไป “หมายความว่าอะไรคะ”
“เมื่อก่อนผมทำงานเพื่อเก็บเงิน ตอนนี้ผมทำงานเพื่อหาเงินให้คุณได้ใช้ ถ้าหากคุณจากผมไป แล้วผมจะหาเงินไปเพื่ออะไรกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดไม่ถึงเลยว่าเซียวซู่จะพูดแบบนี้ออกมา จึงตกตะลึงไปสักพัก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
สักพักเธอถึงได้ยิ้มเยาะ “คุณอย่าคิดว่าคุณพูดแบบนี้ แล้วฉันจะยกโทษให้คุณนะคะ เซียวซู่ ใช้แผนสงสารมันใช้กับฉันไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคุณไม่อยากทำงานแล้ว คุณก็ไม่ต้องทำ”
พอพูดจบเธอก็หันหลังแล้วนอนหลับไปเลย ไม่สนใจเซียวซู่อีก
เซียวซู่ไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งมองแผ่นหลังของเธอนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว
ตอนกลางคืน เจียงเสี่ยวไป๋นอนกอดลูกไว้ เซียวซู่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ อาจจะเป็นเพราะกลัวเธอหนีไป ดังนั้นเซียวซู่จึงดื้อดึงจะนอนห้องเดียวกับเธอ
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ให้เขานอนบนเตียง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นนอน ตอนที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ กลับพบว่าเซียวซู่กำลังนอนพาดอยู่ข้างเตียง
หลายวันมานี้เขาทำแบบนี้มาตลอด ไม่ได้นอนพักผ่อนดีๆเลย บริเวณขอบตาเริ่มคล้ำหมอง หนวดเคราเริ่มขึ้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าที่เดิมทีมีรอยแผลเป็น พอไม่ทำความสะอาดจึงยิ่งดูหน้าโหดขึ้นอีกหลายส่วน
พอเห็นรอยแผลเป็นนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยื่นมือออกไปแตะอย่างลืมตัว
ตอนที่ใกล้จะแตะโดนรอยแผลเป็นของเซียวซู่ มือของเจียงเสี่ยวไป๋ก็หยุดชะงักค้าง ก่อนจะดึงกลับมา
แปะ
เซียวซู่รีบดึงมือบางของเธอมากุมไว้ ก่อนจะลืมตามามองเธอ
การกระทํานี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ใจเต้นแรง
“ปล่อยมือฉันค่ะ”
เธออยากจะดึงมือกลับมา เซียวซู่ใช้แรงเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง
“คุณเกลียดผมถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ”เขาถามอย่างเสียใจ “แม้แต่หน้าของผมคุณก็ไม่ยอมแตะแล้ว หรือว่าคุณจะรู้สึกว่ารอยแผลเป็นบนหน้าผมน่าเกลียด และรู้สึกเสียใจที่แต่งงานกับผมแล้ว”
อะไรนะ ทำไมถึงได้โยงเรื่องราวไปที่รอยแผลเป็นบนหน้าเขาไปได้
“คุณกำลังพูดบ้าอะไรของคุณอยู่ ตอนที่ฉันรู้จักกับคุณ หน้าคุณก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ถ้าฉันรังเกียจรอยแผลเป็นบนหน้าคุณฉันจะยอมแต่งงานกับคุณหรือไง”
“แล้วทำไมถึงจะจากผมไปล่ะครับ”เซียวซู่กุมมือเธอไว้แน่น ก่อนจะพูดเสียงทุ้ม “คนน่าเกลียดอย่างผม แม้แต่ตัวผมเองยังรับไม่ได้ แต่คุณกลับรับได้ ตอนนี้คุณกลับจะจากผมไปเพราะเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอครับ”
“ความเข้าใจผิดเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอคะ”เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเยาะก่อนจะมองหน้าเขา “ตอนนี้คุณคงจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ฉันเล่นใหญ่ไปเอง เดิมทีที่คุณทิ้งฉันไปไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร มันเป็นแค่การเข้าใจผิดเล็กน้อย เล็กจนไม่รู้จะเล็กอย่างไร ใช่ไหมคะ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ”
“แล้วคุณหมายความว่าอะไรคะ”เจียงเสี่ยวไป๋พูดใส่เสียง “คุณบอกมาสิคะว่าหมายความว่าอะไร”
พูดถึงประโยคสุดท้าย ขอบตาของเจียงเสี่ยวไป๋ก็แดงก่ำ น้ำตาเริ่มผุดออกมา ในช่วงที่ใกล้จะร่วงลงมา เธอก็รีบหันกลับ ไม่ยอมให้เซียวซู่ได้เห็นน้ำตาของเธอ
แต่เซียวซู่ก็ยังเห็นหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ แล้วหยดลงบนหลังมือของเธอ พอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋เป็นแบบนี้ เซียวซู่รู้สึกเหมือนถูกกรีดหัวใจ และรู้สึกโกรธตัวเองมาก
เขาไม่พูดอะไร รีบเข้าไปกอดเจียงเสี่ยวไป๋ไว้ แล้วเกยคางลงบนศีรษะของเธอ ก่อนจะพูดพึมพำ
“ขอโทษ ขอโทษครับ ผมผิดเอง คุณอย่าร้องไห้เลยนะ ที่ผมพูดเมื่อตะกี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะครับ”
“เป็นความผิดของผมเอง ผมมันไม่ได้เรื่อง ทั้งที่รั้งคุณไว้ไม่ได้ แต่ก็ยังทำให้คุณโกรธอีก”
เขาพูดขอโทษไม่หยุด ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหล ยิ่งเช็ดน้ำตาก็ยิ่งไหล จนสุดท้ายก็ร้องไห้จนควบคุมอารมณ์ไม่ได้
เธอใช้ชีวิตอยู่กับเซียวซู่มานานถึงขนาดนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่ว่าไม่เคยเสียใจมาก่อน แต่ทุกครั้งที่เธอเสียใจเธอมักจะปลอบใจตัวเองไม่เป็นไร แล้วแสดงท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างผ่านไปแล้ว
คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้ยืดเยื้อมานานแล้ว ดังนั้นเธอถึงได้ข้ามผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้สักที
ในคืนนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ร้องไห้จนพอใจ เธอร้องไห้ไปด้วยทุบตีเซียวซู่ไปด้วย “ฉันไม่ควรจะแต่งงานกับคุณตั้งแต่แรก ฉันน่าจะไปเอาเด็กออก ทำไมฉันจะต้องคิดสั้นยอมแต่งงานกับคุณ หรือจะเป็นเพราะว่ามีอะไรกับคุณไปแล้ว ทั้งๆที่ฉันเป็นผู้หญิงยุคใหม่ ทำไมถึงได้ทำเรื่องที่โง่เง่าแบบนี้ หาคนที่รักเราไม่ดีกว่าหรือไง ทำไมฉันถึงได้ยอมอยู่กับคุณด้วย”
ตอนที่เธอร้องไห้ เธอระบายทุกอย่างออกมาจนหมด รวมถึงคำพูดที่ปกติไม่มีโอกาสจะพูด ก็พูดออกมาจนหมด
เซียวซู่ได้ยินแล้วตกใจทำอะไรไม่ถูก และกลัวว่ายิ่งตนเองอธิบายยิ่งทำให้เธอไม่พอใจ จึงได้แต่ดึงเธอเข้ามากอดไว้
สุดท้ายเจียงเสี่ยวไป๋ร้องไห้จนเหนื่อย แล้วซบไหล่เขานอนหลับไป เซียวซู่จึงอุ้มเธอกลับไปนอนลงบนเตียง แล้วช่วยเธอห่มผ้าห่มให้เรียบร้อย
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เซียวซู่ก็หันหน้าไปทางลูกน้อยที่นอนอยู่ด้านข้าง ดวงตาคู่นั้นมองทุกอย่างตั้งแต่ต้นด้วยแววตาไร้เดียงสา และเป็นประกายมาก เหมือนรู้เรื่องทุกอย่าง
เซียวซู่เองก็ไม่รู้ว่าลูกตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกร้องไห้ออกมาจนเจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้งตื่น เขาจึงยื่นมือไปอุ้มลูกขึ้นมาในอ้อมกอด
ในเวลาปกติ ถ้าเขาอุ้มลูก ลูกก็จะร้องไห้ทันที แต่วันนี้ลูกกลับเป็นเด็กดียอมให้เขาอุ้มไว้แต่โดยดี
หลังจากปิดประตูห้องแล้ว เซียวซู่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เด็กน้อยในอ้อมกอดยกมือขึ้นมาจิ้มหน้าเขาเล่น
“เจ้าตัวเล็ก ถ้าลูกเป็นเด็กดี ลูกต้องช่วยพ่อด้วยนะ อย่าให้แม่ของลูกจากพวกเราไป”เขาไม่รู้ว่าควรจะง้อเสี่ยวไป๋อย่างไรดีแล้ว
เจ้าตัวเล็กเอียงศีรษะ แล้วมองหน้าเขาอย่างสงสัย เซียวซู่ยิ้มเศร้า “ช่างเถอะ ลูกยังเด็กจะเข้าใจที่พ่อพูดได้อย่างไรกัน”
หลายวันมานี้เซียวซู่ไม่ได้ไปทำงาน เย่โม่เซินจึงโทรมาถามเซียวซู่
เซียวซู่รู้สึกผิดมาก ในขณะเดียวกันก็อธิบายเรื่องราวให้ชัดเจน เพื่อแสดงให้เห็นว่าช่วงนี้ที่บ้านเขามีปัญหาที่เขาต้องจัดการ จึงกลับไปทำงานที่บริษัทไม่ได้
ทางฝั่งเย่โม่เซินที่นิ่งเงียบไปสักพัก ก็ถามขึ้นมากะทันหัน “ทะเลาะกันใช่ไหม”
พอได้ยินแบบนี้ เซียวซู่ก็ชะงักงัน ก่อนจะยอมรับออกไปตรงๆ
“หึ”เย่โม่เซินหัวเราะใส่เขา แล้วถามเขาต่อ “ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการจัดการ”เซียวซู่นึกถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่เจียงเสี่ยวไป๋ร้องไห้อย่างหนัก เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ ขอโทษด้วยนะครับคุณชายเย่ ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ คุณชายจะ…”
“เซียวซู่ นายใช่ลูกผู้ชายหรือเปล่า”เย่โม่เซินพ่นคำพูดใส่เขาไปหนึ่งประโยค
“หืม”
“นายง้อไม่เป็นหรือไงกัน”
เซียวซู่ “…… ห
“แผนง้อเมียนายเคยเรียนไหม ในเมื่อปลอบใจไม่ไหวนายทำไมไม่ทำร้ายตัวเอง ใช้แผนเจ็บตัวเรียกร้องความสงสารแทนล่ะ”
เซียวซู่หางคิ้วกระตุก เขารู้สึกเหมือนจะได้ยินแผนการที่ร้ายกาจหลุดออกมาจากปากของเย่โม่เซิน “คุณชายเย่ นี่คุณ…”
“ทำไม นี่ฉันอุตส่าห์แชร์ประสบการณ์ให้นาย นายยังไม่เรียนรู้ไว้อีก”
เซียวซู่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่โม่เซินจะเป็นคนแบบนี้ ตอนที่เขาทำให้คุณนายน้อยโมโหคงไม่ได้แอบไปพลิกหาวิธีง้อเมียบ่อยสินะ
แล้วแผนเจ็บตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจต้องทำยังไงบ้างล่ะ
แล้วไอ้แผนเจ็บตัวเรียกร้องความสงสารอะไรนั่น
มันต้องทำอย่างไรบ้าง