บทที่1526 จุดจบที่เลวร้ายมาก
เชื่ออย่างนั้นเหรอ
เจียงเสี่ยวไป๋ลองขยับริมฝีปาก ที่ถูกฟันของเขาขูดจนแตก การจูบในครั้งนี้ไม่มีความรักแฝงอยู่เลย
ตอนนี้ในสมองของเธอมีแต่ความโกรธ ไม่มีอย่างอื่นเลย
ดังนั้นเธอจึงยิ้มเยาะ “ฉันไม่เชื่อและไม่อยากฟังคำพูดของคุณด้วย”
ตอนที่คนเรากำลังโมโห ก็มักจะพูดอะไรโดยไม่ทันได้คิด
“ไม่ฟังอย่างนั้นเหรอครับ”เซียวซู่มองหน้าเธอ “หมายความว่า ไม่ว่าผมจะทำอะไรคุณก็ไม่เชื่อผมแล้วใช่ไหม หรือคุณจะอยากให้ผมควักหัวใจออกมาให้คุณดู”
ประโยคหลังทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกไม่สบอารมณ์ เธอมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เหมือนกำลังมองคนบ้า แล้วไม่สนใจเขาอีกเลย
“ใช่ไหมครับ”
เซียวซู่จับข้อมือของเธอ แล้วเค้นถาม
เจียงเสี่ยวไป๋พยายามสะบัดมือเขาออก แต่เขายังคงจับมือเธอไว้แน่น และถามเธอไม่หยุด “ใช่ไหมครับ อยากจะให้ผมควักหัวใจออกมาให้คุณดูจริงๆใช่ไหม”
“เซียวซู่คุณบ้าไปแล้วหรือไง ปล่อยฉันนะ”
“บ้าผมก็ยอม คุณจะทิ้งผมกับลูกไปแล้ว ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง จะยุติธรรมกับผมหรือไง”พอพูดจบเซียวซู่ก็จูงมือเจียงเสี่ยวไป๋ไปที่ห้องครัว
เขาคิดแผนเจ็บตัวเรียกร้องความสงสารไม่ออก แต่กลับคิดวิธีที่ใกล้เคียงได้ จะบอกว่าเขาคิดสั้นก็ได้ บอกว่าเขาทำอะไรไม่คิดก็ดี เขาอยากจะลองดูสักครั้ง
เขาได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋พูดไว้ ถ้าหากวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาจะรู้สึกเสียใจไหม เซียวซู่ก็สำนึกผิดแล้ว
สำนึกผิดมากจริงๆ เขาจะสูญเสียเสี่ยวไป๋ไปไม่ได้จริงๆ
“เซียวซู่ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ถูกเขาลากมาจนถึงห้องครัว เธอเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างประหลาด
เขาบอกว่าจะควักหัวใจออกมาให้เธอดู เขาคงไม่คิดจะทำจริงๆหรอกใช่ไหม
ถ้าหากเขาทำจริงๆ เจียงเสี่ยวไป๋คงอยากจะตีเขาให้ตาย เธอรวบรวมความกล้า แล้วถามขึ้นด้วยความโมโห “ถ้าคุณกล้าทำอะไรบ้าๆเหมือนเด็ก ฉันจะไม่ให้อภัยคุณไปตลอดชีวิตแน่นอน”
“ผมต้องทำยังไงเหรอครับ”เซียวซู่มองหน้าเธอด้วยท่าทางสับสนไร้หนทาง น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ “ไม่ว่าจะต้องทำยังไง คุณก็ไม่ยอมอยู่กับผมแล้ว ส่วนผมก็อยู่โดยขาดคุณไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ให้ผมควักหัวใจออกมาให้คุณดูเลยจะดีกว่า”
เซียวซู่เปิดลิ้นชัก สีหน้าและแววตาของเขาโศกเศร้ามาก “ไม่ว่าสุดท้ายแล้วคุณจะเห็นอะไร ขอแค่ผมทำแบบนี้คุณก็คงจะเชื่อที่ผมพูดสักทีนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าเขาเปิดลิ้นชักออกมาจริงๆ และใกล้จะคว้ามีดได้แล้ว เธอตกใจมากจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง เธอรีบคว้ามือของเขาไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
แต่ดูเหมือนเซียวซู่จะไม่ฟังที่เธอพูด เขายังคงจะทำตามเดิม
ในตอนที่เขาถือมีดไว้ในมือ สีหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ซีดเผือดไปทันที แต่เธอยังคงสงบสติตัวเองได้ แล้วพูด “เซียวซู่ ถ้าคุณกล้าทำจริงๆ ฉันรับรองว่าจะทำแบบเดียวกับคุณ คุณคิดว่าคุณร้ายได้คนเดียวหรือไง”
พอได้ยินแบบนั้น มือของเซียวซู่ก็ชะงักงัน
ได้ผลจริงๆด้วย
“คุณจะควักหัวใจออกมาใช่ไหม มาค่ะ คุณควักของฉันก่อน ดูว่ามันเป็นอย่างไร หลังจากคุณควักของคุณเสร็จฉันจะได้ไม่ต้องลงมือเอง”
พอพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เข้าไปแย่งมีดจากเขา เซียวซู่เห็นเธอเดินพุ่งเข้ามา จึงตกใจ รีบวางมีดลงลิ้นชักตามเดิม
“เอามีดมาให้ฉันค่ะ”เจียงเสี่ยวไป๋ห้าวหาญเหมือนโจรสาว พยายามจะแย่งมีดไปจากมือเขา
ตอนแรกเซียวซู่คิดจะใช้แผนนี้บีบบังคับเจียงเสี่ยวไป๋ เขาตั้งใจจะจับมีดไว้แล้วถามเสี่ยวไป๋ว่าเธอจะจากเขาไปอีกไหม แต่เขาไม่เคยคิดจะล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองจริงๆ
พอตอนนี้เห็นท่าทางดุร้ายของเสี่ยวไป๋ เซียวซู่ถึงได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรโดยไม่คิดเลยจริงๆ
เขารีบปิดลิ้นชัก แล้วดึงเจียงเสี่ยวไป๋เข้ามากอดไว้แน่น
“ขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรจะใช้แผนที่ห่วยแตกแบบนี้เพื่อรั้งคุณไว้ แต่ว่านะเสี่ยวไป๋ คุณบอกผมหน่อยว่าผมต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมยกโทษให้ผม เรื่องนั้นผมทำผิดไปแล้ว ผมสาบาน ผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเธอแล้วจริงๆ”
“ตอนนี้ในหัวใจของผมมีแค่คุณคนเดียว มองแค่คุณคนเดียว”
ถ้าหากเขาพูดประโยคนี้กับเธอเร็วกว่านี้ เจียงเสี่ยวไป๋คงจะเชื่อเขา แต่ตอนนี้พูดออกมา เธอได้แต่คิดว่าเขาอยากจะรั้งเธอไว้ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา
แต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอยังไม่คงที่ ดังนั้นเธอจึงพยายามสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง หลังจากผ่านไปได้สักพัก เธอถึงได้สงบลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเซียวซู่
“คุณบอกว่าตอนนี้ในหัวใจของคุณมีแค่ฉันคนเดียวอย่างนั้นเหรอคะ”
เซียวซู่มองหน้าเธอด้วยแววตาเคร่งเครียดและจริงจัง ก่อนจะยกสามนิ้วขึ้นมาสาบาน “ผมสาบานได้ครับ”
หลังจากนั้นเขาก็วางมือลง แล้วค่อยๆขยับหน้าเข้าใกล้เธอ “เมื่อก่อนผมเคยชอบเธอ แต่มันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว วันนั้นผมเห็นว่าเธอบาดเจ็บ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมก็เลยพาเธอไปโรงพยาบาลในฐานะเพื่อน ไม่ใช่ว่าผมจะยังชอบเธอถึงทำแบบนั้น แต่ถ้าหากวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับคุณจริงๆ ผมคงจะต้องเจ็บปวดราวตายทั้งเป็น เสี่ยวไป๋ เซียวซู่คนนี้รักคุณไปตั้งนานแล้ว คุณมั่นใจในตัวเองบ้าง ได้ไหมครับ”
พูดถึงตอนสุดท้าย น้ำเสียงของเซียวซู่เหมือนขอร้องอย่างถ่อมตน ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันมาก ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋สามารถมองเห็นเงาของตัวเองจากในแววตาของเขา จึงนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา
ถ้าหากระหว่างคู่รักมีคนหนึ่งต้องยอมถ่อมตนอยู่ตลอด นั่นก็หมายความว่าความรักนี้ จะมีจุดจบที่เลวร้าย
น้ำเสียงของเซียวซู่ในวันนี้ ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงเรื่องระหว่างทั้งสองคนขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เป็นเธอที่ทุ่มเท แต่เธออยู่กับเซียวซู่เธอกลับมีอำนาจมากกว่า ไม่เคยถูกปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติเลยสักครั้ง
แต่เซียวซู่กลับต้องยอมให้เธอทุกครั้ง
แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เธอผลักเขาออกห่าง ก่อนจะหันหลังให้เขา
“ขอเวลาให้ฉันคิดหน่อยค่ะ วันนี้ฉันยังไม่อยากจะคุยกับคุณเรื่องนี้”
“ได้ครับ”เซียวซู่ที่เพิ่งทำให้เธอโมโห ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าทำให้เธอโมโหอีก จึงได้แต่ยอมตามที่เธอต้องการ
สุดท้ายหลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋กลับเข้าห้องไป เซียวซู่ก็นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกเพียงคนเดียว ใบหน้าข้างที่โดนตบยังคงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังคงโผล่เข้ามาในสมองของเขาวนเวียนไปมา
ต้องยอมรับเลย ว่าวันนี้เขาทำเรื่องที่โง่เง่าที่สุดลงไปแล้ว
ทำไมเขาถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ไปได้นะ
ถ้าตามนิสัยของเสี่ยวไป๋ เธอคงจะเกลียดการกระทำในวันนี้ของเขามากเลยล่ะมั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ เซียวซู่ก็ยิ้มเศร้า ก่อนจะลูบหน้าตัวเองเบาๆ
พอคิดถึงคนต้นคิด เขาจึงรีบส่งข้อความไปหาเย่โม่เซินทันที
“คุณชายเย่ครับ วิธีที่คุณแนะนําให้ผมมันใช้ไม่ได้เลยครับ แถมผมยังโดนตบหน้าอีกต่างหาก”
ตอนที่เย่โม่เซินเห็นข้อความเป็นตอนที่เขานั่งอยู่กับภรรยาของตัวเอง พอเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาเป็นเซียวซู่ เขาก็ยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกงโดยไม่แม้แต่จะเปิดเข้าไปอ่าน
รอจนตอนที่ภรรยาของเขาไปเข้าห้องน้ำ เย่โม่เซินถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความตอบกลับไปอีกครั้ง
“นั่นคงเป็นเพราะนายยังบาดเจ็บไม่หนักพอ ถ้านายบาดเจ็บสาหัส เธอจะตบหน้านายได้ยังไงกัน”พอเห็นข้อความนี้ เซียวซู่เหมือนจะนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้