บทที่1528 เขาจะทำอย่างไรดี
แยกกันอยู่สักพักอย่างนั้นเหรอ
เซียวซู่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจของเขาแตกสลาย
ทั้งสองคนเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ก็ต้องแยกจากกันแล้วเหรอ
“เซียวซู่ เรื่องนี้ต้องโทษที่ตัวคุณค่ะ คุณยังจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่เรียบร้อย คุณก็ไปคบกับเธอ ในตอนแรกคุณคงจะไม่จริงจังกับการคบหา ไม่มีความคาดหวังอะไรกับความรักในครั้งนี้ใช่ไหมคะ หลังจากเกิดอะไรมากมายหลายเรื่อง ที่จริงแล้วล้วนแต่เป็นคุณที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อความรักในครั้งนี้ รวมถึงตอนที่เกิดไฟไหม้แล้วคุณพุ่งเข้าไปในกองไฟเพื่อช่วยเสี่ยวเหยียน โดยที่แฟนของคุณยังอยู่ข้างนอก ฉันคิดว่าเรื่องนั้นก็สร้างความเสียใจให้เธอมากอยู่แล้ว แล้วยังมีครั้งนี้ด้วย ที่คุณยังคงไม่เลือกเธอ คุณคิดว่าในใจของเสี่ยวไป๋ เธอยังมีความมั่นใจอยู่อีกเหรอคะ”
คำพูดของหานมู่จื่อสามารถพูดได้ว่าถูกต้องทุกคำ ทำให้เซียวซู่หมดคำแก้ตัว
คำพูดของเธอแต่ละคำไม่สามารถหาข้อโต้เถียงได้เลย อีกทั้งยังทำให้เซียวซู่ได้เข้าใจถึงจุดสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด
นั่นก็คือ เรื่องที่เขาช่วยเสี่ยวเหยียนไม่ใช่มีแค่ครั้งเดียว
เหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้น เขาพุ่งเข้าไปในกองเพลิงเพื่อช่วยเสี่ยวเหยียน ผลสุดท้ายเขากลับได้รับบาดเจ็บไปทั่วตัว ต่อมา ทุกครั้งที่เสี่ยวเหยียนเห็นบาดแผลบนตัวเขา ก็มักจะทำสีหน้าเสียใจออกมาตลอด
เรื่องนั้นเสี่ยวไป๋เอาเก็บไปจำไว้แล้ว แต่ตอนนั้นเธอยอมยกโทษให้เขา ไม่ใส่ใจ แต่พอเกิดสถานการณ์แบบเดียวกันขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ได้หมายความว่าเสี่ยวไป๋จะยอมยกโทษให้เขาอีกครั้งเหมือนกัน
พอคิดถึงตรงนี้ เซียวซู่ก็รู้สึกเสียใจมาก แต่เรื่องราวมันเกิดขึ้นไปแล้ว จะให้ย้อนเวลากลับไปแก้ไขก็คงไม่ได้
“ที่ฉันพูดกับคุณทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นความรู้สึกที่มาจากใจของฉัน ถ้าหากระหว่างฉันกับเย่โม่เซินเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เย่โม่เซินก็รีบพูดขัดขึ้นมาซะก่อน “อย่าพูดอะไรบ้าๆ ผมจะทิ้งคุณไม่ช่วยผู้หญิงคนอื่นได้ยังไงกัน แม้แต่มองผมยังไม่มองด้วยซ้ำ อย่าพูดถึงช่วยเลย”
ที่จริงแล้วหานมู่จื่อแค่ยกชื่อเธอกับเย่โม่เซินขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้เซียวซู่ฟัง เพื่อให้ฟังดูชัดเจนมากขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ได้บอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกเธอสักหน่อย
เธอมองไปทางเย่โม่เซินอย่างเหนื่อยใจ แล้วพูด “ฉันบอกว่าเกิดเรื่องจริงๆแล้วหรือไงคะ ฉันก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้นเอง คุณจะร้อนตัวไปทำไมกัน”
“เอ่อ”
“หรือว่าคุณจะร้อนตัว”
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน”เย่โม่เซินโอบไหล่เธอไว้ “ที่รักครับ เรื่องแบบนี้มีแค่เจ้าโง่เซียวซู่ถึงทำออกมาได้ ภรรยาของตัวเองสำคัญที่สุด หลักการแค่นี้ผมเข้าใจดี”
เซียวซู่ที่ถูกเรียกว่าเจ้าโง่ “…”
คุณชาย ไว้หน้าผมบ้างสิ นี่ขนาดอยู่แค่ในสายโทรศัพท์ ถ้ายากจะนินทากัน ก็น่าจะรอให้วางสายไปก่อนสิ
เซียวซู่หัวแทบจะระเบิด
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงของเย่โม่เซินดังมาตามสาย “เซียวซู่ ได้ยินที่ฉันพูดหรือยัง”
“อืม”
เซียวซู่ตอบกลับเสียงเครียด
“นายโง่ไปหรือเปล่า ไม่ว่าจะเวลาไหน ขอแค่เลือกคนรักของตัวเองก็ถูกต้องที่สุดแล้ว”ตรงจุดนี้ เย่โม่เซินเข้าใจเป็นอย่างดี
“เอาล่ะ คุณหยุดพูดไปก่อนค่ะ”
หานมู่จื่อยื่นมือไปผลักเย่โม่เซิน ส่วนเธอก็พูดกับเซียวซู่ต่อ “เหมือนที่ฉันเคยยกตัวอย่างให้คุณฟัง สมมุติว่าระหว่างฉันกับเย่โม่เซินเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันคงเลือกที่จะแยกห่างจากเขาสักพัก เพื่อสงบใจให้เย็นลง”
“แล้วหลังจากใจเย็นลงแล้วล่ะครับ”
สิ่งที่เซียวซู่กังวลมากที่สุด คือหลังจากใจเย็นลงแล้ว เสี่ยวไป๋จะไม่รักเขาอีก
หลังจากใจเย็นลงแล้วอย่างนั้นเหรอ
หานมู่จื่อพูดเสียงเรียบ “งั้นก็ต้องดูว่าเธอรักคุณมากแค่ไหนแล้วค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น เซียวซู่ก็รู้สึกใจหายขึ้นมาทันที “คุณนายน้อยหมายความว่ายังไงครับ”
“ความหมายก็คือ ถ้าเธอรักคุณมากพอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สามารถมาพรากพวกคุณไปจากกันได้ หลังจากใจเย็นลงแล้วเธอก็จะกลับมาอยู่ข้างกายคุณเอง แต่ถ้าหากเธอรักคุณไม่มากพอ ในช่วงที่สงบจิตใจอยู่ แล้วเธอเข้าใจในความรู้สึกของตัวเอง เธอก็คงจะไม่กลับมาหาคุณอีกเลย”
พอได้ยินประโยคหลัง ที่บอกว่าเธอจะไม่กลับมาหาเขาอีก เซียวซู่ก็นิ่งเงียบไปทันที
ส่วนเย่โม่เซินที่พูดหยอกล้อเซียวซู่ก่อนหน้านี้ก็นิ่งเงียบไปทันที เขามองไปทางหานมู่จื่อด้วยแววตาเคร่งขรึม
คงเพราะรับรู้ได้ถึงความเงียบของเซียวซู่ หานมู่จื่อจึงถอนหายใจยาว “บางครั้งโชคชะตามันก็เป็นอย่างนี้ ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากให้เธอจากไป ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ถึงขั้นต้องใช้วิธีทำร้ายตัวเองเพื่อให้เธออยู่ต่อ แต่ว่านะคะเซียวซู่ ตอนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานที่มีในใจของเธอ มันคงจะรุนแรงกว่าที่คุณจะคาดคิดได้ ถ้ารั้งให้เธออยู่ต่อ พวกคุณทั้งสองคนก็จะเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหมคะ”
เซียวซู่ยังไม่ทันได้ตอบ หานมู่จื่อก็พูดต่อ “ในเมื่อคุณลองมาแล้วทุกวิธี แต่กลับไม่เห็นผล คุณลองทำเหมือนที่ฉันแนะนำดูค่ะ บางครั้งการปล่อยเธอจากไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะสูญเสียเธอไปจริงๆ เราถอยเพื่อกลับมาตั้งหลักคุณเข้าใจไหมคะ”
ครั้งนี้ยังไม่ทันที่เซียวซู่จะตอบ เย่โม่เซินก็พูดขึ้นมาก่อน “เขาน่าจะฟังรู้เรื่องแล้วล่ะ แต่คงจะยังตัดสินใจไม่ได้ ให้เวลาเขาได้คิดทบทวนเองเถอะ”
หานมู่จื่อเห็นด้วยกับคำพูดของเย่โม่เซิน ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า แล้วกดวางสายไป
หลังจากกดวางสายแล้ว หานมู่จื่อก็นั่งคิด “ที่ฉันพูดไปเมื่อตะกี้มันรุนแรงไปหรือเปล่าคะ คุณคิดว่าเซียวซู่จะทำใจได้ไหม”
“ทำใจได้หรือไม่ได้ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องไปกังวลครับ คุณได้ทำการแยกแยะสาเหตุให้เขารู้จนหมดแล้ว หลังจากนี้ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว”
จะว่าไปมันก็ถูก ไม่มีใครสามารถเลือกเส้นทางชีวิตให้คนอื่นได้
เธอคือหานมู่จื่อ เธอเองก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เซียวซู่ไม่ใช่เธอ ดังนั้นเธอจึงได้แต่ให้คำแนะนำ ส่วนอีกฝ่ายจะเลือกแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับเซียวซู่จะตัดสินใจแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อจึงยัดโทรศัพท์คืนให้เย่โม่เซิน
“เรื่องนั้นเขาทำไม่ถูกจริงๆ ถ้าหากวันไหนคุณทำแบบนี้เหมือนกัน ฉันจะไม่ยกโทษให้คุณแน่นอนเลย”
“ไม่มีทางแน่นอนครับ”หลังจากที่เย่โม่เซินรับโทรศัพท์มาเขาก็วางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดหานมู่จื่อที่ทำท่าจะเดินออกไปไว้ “ถึงแม้ผู้ชายทั่วโลกจะมีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องแบบนี้ แต่ผู้ชายของคุณไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอนครับ”ในขณะที่พูดอยู่ เสียงของเขาก็เริ่มแหบพร่า ริมฝีปากขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ในสายตาผู้ชายของคุณจะมีแค่คุณเพียงคนเดียวตลอดไปครับ”
“คุณจะพูดก็พูดไปสิ แต่อย่า…อื้อ”
หลังจากที่เซียวซู่วางสายไป เขาก็นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ก่อนหน้านี้เขาสับสนวุ่นวายใจไปหมด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวตกอยู่ในความเงียบสงบ เขาพยายามจัดการกับความสับสนในสมองให้เรียบร้อย
ถ้าหากไม่ใช่หานมู่จื่อเตือนสติเขา เซียวซู่คงจะลืมเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นไปแล้ว แต่สำหรับเสี่ยวไป๋แล้ว เรื่องในวันนั้นคงจะเป็นแผลที่บาดลึกมากในใจของเธอเลยสินะ
หลังจากเรื่องในวันนั้น ในใจของเธอก็เหมือนถูกเพาะเมล็ดพันธุ์ทิ้งไว้หนึ่งเม็ด
แต่ถ้ามันไม่สัมผัสหรือเกิดเหตุการณ์ซ้ำเติม เมล็ดพันธุ์นั้นก็จะเป็นแค่เมล็ดพันธุ์ธรรมดา
แต่ถ้ามันสัมผัสโดนเหตุการณ์คล้ายๆกัน มันก็จะไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ธรรมดา แต่มันจะงอกต้นอ่อนออกมา และมันค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆภายในร่างกายของเสี่ยวไป๋
ตอนนี้จะมานึกเสียใจทีหลัง เวลาก็ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้แล้ว หรือว่าเขาจะต้องปล่อยเธอจากไปจริงๆ ให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็นลงสักพักอย่างนั้นเหรอ
ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ เขาจะทำยังไง ลูกจะทำยังไง