บทที่ 1531 กลับประเทศมาดูลูก
“แน่นอน ฉันรู้จักนิสัยใจคอของลูกสาวฉันดี และอีกอย่างฉันก็จะไม่หลอกคุณ”
หลังจากได้รับการรับประกันจากแม่ยาย เซียวซู่ก็ฟื้นคืนชีพ ไปดื่มโจ๊กแล้วพักผ่อน
อาจจะเป็นความคิดถึงและความคาดหวัง หลังจากการทำเรื่องต่างๆ ต่อเนื่องก็เริ่มมีพลัง ตัวเองจึงไปดูแลลูก ให้นมผงลูก ให้เขาปัสสาวะและทุกอย่าง
เขาเปลี่ยนจากชายหนุ่มแข็งแรงกลายมาเป็นพ่อบ้านรับผิดชอบเรื่องในบ้าน
และระหว่างที่รอคอย เซียวซู่ยังรักษาตนอย่างดี ทุกวันเดินทางอยู่แค่สองที่คือออกจากบ้านไปทำงานเลิกงานก็ตรงกลับบ้านมาดูแลลูก
ในบริษัทถึงขั้นที่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่เห็นเขาอยู่คนเดียวก็อยากใกล้ชิดเขา
หญิงสาวเริ่มเข้าหา “ฉันไม่รังเกียจที่คุณเคยแต่งงานค่ะ และก็ไม่รังเกียจที่คุณมีลูก ฉันยินดีรับเด็กเป็นลูกแท้ๆ ของตัวเองค่ะ”
มันเป็นความจริงใจมากจริงๆ
เซียวซู่พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก “ขอโทษด้วย แต่ผมรังเกียจ ผมรอภรรยาของผมกลับมาอยู่ตลอดเวลา”
หญิงสาวหน้าซีดไปเล็กน้อย พูดด้วยเสียงต่ำว่า “เธอจากไปแล้วนะคะ กลัวว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วหรือเปล่า คุณจะรออย่างเป็นทุกข์แบบนี้ต่อไป จะรอไปจนถึงเมื่อไร”
เซียวซู่ยิ้มและพูดว่า “รอถึงเมื่อไรก็ได้ ยังไงชีวิตนี้ผมก็รอเพียงเธอ จะไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วครับ”
มั่นคงและอ่อนโยน
เห็นเซียวซู่เป็นแบบนี้ หญิงสาวก็ทั้งเสียใจและทั้งอิจฉามากในเวลาเดียวกัน สามารถถูกผู้ชายแบบนี้รักมันจะมีความสุขแค่ไหนกันนะ แต่เธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถบังคับเขาได้ ได้แต่พูดกับเขาว่า “งั้นก็ได้ค่ะ ขออวยพรให้คุณรอจนสามารถได้ภรรยาของคุณกลับมาแน่นอน”
ได้ฟังสิ่งนี้ สีหน้าท่าทางของเซียวซู่ก็ผ่อนคลายลง เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“ขอบคุณครับ ขออวยพรให้คุณค้นพบความสุขที่เป็นของคุณเองในเร็ววันเหมือนกัน”
เห็นว่าในที่สุดเขาก็มองตรงมาที่ตนจนได้ก็พลันตาแดง จากนั้นก็ยกมือขึ้นเอาผมทัดหู “ฉันคิดว่าคงไม่พบหรอกค่ะ ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้ชอบคุณ ฉันเคยมีแฟนมาก่อน แต่ฉันไม่สามารถมีลูกได้ ดังนั้นเราจึงเลิกกัน”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เธอก็หยุดนิ่ง ก่อนจะพูดช้าๆ ว่า “ในชีวิตนี้ฉันไม่สามารถมีลูกได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่าฉันเต็มใจที่จะรับเด็กเป็นลูกของตัวเอง”
เซียวซู่ชะงักไป คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่สามารถมีลูกได้ เขาค่อนข้างเกิดความเห็นอกเห็นใจ เนื่องจากคำพูดที่เธออวยพรให้ตน ดังนั้นเขาจึงปลอบใจเธอหนึ่งประโยค
“มันไม่สำคัญหรอกครับ หลังจากนี้คุณจะพบคนที่ยอมรับในตัวคุณได้แน่นอน”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากเซียวซู่กลับบ้านก็มาดูแลลูกต่อ ต่อจากนั้นก็เขียนไดอารี่ และเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อให้รางวัลผลงานล่าสุดของเสี่ยวไป๋
นี่คือสิ่งที่เขาทำทุกวัน
ถึงแม้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะจากไป แต่ผลงานของเธอยังคงอัปเดตทุกวัน ในทุกๆ วันเซียวซู่จะเข้าไปดูเนื้อหาที่ตีพิมพ์ขึ้นใหม่ของเธออย่างจริงจัง แล้วคาดเดาว่าวันนั้นๆ เธอจะอยู่ในอารมณ์ที่ดีหรือไม่ดี เซียวซู่ทำเรื่องแบบนี้จนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว
และการดูเนื้อหาใหม่ประจำวันของเจียงเสี่ยวไป๋ ก็ทำให้เซียวซู่รู้สึกว่าที่จริงเธอยังไม่ได้จากตนไปไกลเกินไป ตนยังสามารถเห็นเธอได้ทุกวัน รู้สึกถึงเธอได้
จากนั้นหานมู่จื่อก็โทรมาถามความเป็นไปกับเซียวซู่ หลังจากที่รู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จากไปแล้วเขาก็ถอนหายใจ แล้วก็ปลอบเขาสองสามประโยค
ในเรื่องนี้ คนที่รู้สึกผิดมากที่สุดก็คือเสี่ยวเหยียน
หลังจากที่เธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ก็ส่งข้อความขอโทษให้เจียงเสี่ยวไป๋ แค่ทิ้งคำว่าขอโทษนะให้เธอประโยคเดียว แล้วจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อเธออีก
ทุกครั้งที่เจียงเสี่ยวไป๋เปิดวีแชท จะเห็นเสี่ยวเหยียนส่งข้อความสามคำนี้ให้เธอมาบนนั้นตลอด เมื่อใดก็ตามที่อยากตอบกลับ ก็กลับไม่รู้จะพูดอะไร จนสุดท้ายก็ได้แต่เลื่อนรายการลง แล้วไปดูคนที่ส่งข้อความใส่ใจมาให้เธอในช่วงเวลานี้ มีฟางถังถัง มีบรรณาธิการของเธอ มีแม่ของเธอ ยังมีแม่สามีของเธอเหลียงหย่าเหอ และมีพ่อด้วย บรรดาเพื่อนๆ และครอบครัวต่างถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตอบกลับสักข้อความเดียว และก็ไม่มีการแชร์โมเมนต์ แค่อัปเดตผลงานใหม่ของตัวเองทุกวัน จากนั้นก็อ่านคอมเมนต์ที่ผู้อ่านทิ้งไว้ ใช้ชีวิตค่อนข้างโดดเดี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์เพียงอย่างเดียว
ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาไปประมาณครึ่งปี ความเหงาดูเหมือนจะกลายเป็นนิสัย เพียงแต่ช่วงนี้เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มไม่อยากอยู่คนเดียวมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอคิดถึงลูกของตัวเองเป็นพิเศษ และก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร ผ่านไปครึ่งปีแล้ว เขาจะเดินได้หรือยัง หรือว่าจะพูดได้แล้ว ถ้าเห็นเธอ จะสามารถเรียกแม่ได้ไหม
ความคิดเติบโตอย่างรวดเร็วเหมือนเถาวัลย์ ไต่สูงขึ้นไปรวดเร็ว ในไม่ช้ามันก็เข้าพันเกี่ยวกับหัวใจของเจียงเสี่ยวไป๋ ดังนั้นเธอจึงเริ่มมีใจคิดอยากกลับประเทศไปดูลูก
เจียงเสี่ยวไป๋จึงเก็บของเลยวันนั้น จากนั้นก็ซื้อตั๋วเพื่อกลับประเทศ
เธอวางแผนจะแอบกลับไปดู ยังคงไม่ไปเจอเซียวซู่
กลับไปยังเมืองนี้อีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปแล้วครึ่งปี ทันทีที่ลงจากเครื่อง ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็ปะทะเข้ามา
คิดไม่ถึงว่าจากไปครึ่งปี ยังคงมีความรู้สึกผู้พัน อาจเป็นเพราะตั้งแต่เด็กเธอก็เกิดที่นี่ เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปเดินมามองดูไปทั่ว
ทั้งทั้งที่จากไปครึ่งปีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกคุ้นเคยกับต้นไม้ใบหญ้า มองอย่างไรก็อบอุ่น ในขณะที่เธออยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์ต่างประเทศ อยู่มาครึ่งปี ทุกวันเมื่อตื่นขึ้นมาในห้องนอนจิตใจก็ยังมีแต่ความมึนงงสับสนเล็กน้อย รู้สึกว่าตื่นขึ้นมาทุกวันในสถานที่แปลก
แต่ที่นี่มันต่างกัน
คุณป้าที่อยู่บนเครื่องบินลำเดียวกันกับเจียงเสี่ยวไป๋ ขณะที่อยู่บนเครื่องได้ดึงเธอไปคุยด้วย หลังจากลงจากเครื่องบินทั้งสองก็ขึ้นรถบัสคันเดียวกัน ทันทีที่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋เธอก็รู้สึกคุ้นเคยจึงเข้ามาพูดคุยกับเธอ
“สาวน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณอีก คุณกลับมาบ้านเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋นิ่งไปก่อนจะพยักหน้า
“ค่ะ”
ที่จริงแล้วเธอกลับบ้านที่ไหนกัน เพียงแต่อยากกลับมาดูลูกชายของตัวเอง ดังนั้นจึงลังเลอยู่นานก่อนจะพยักหน้า
ป้าไม่ได้สังเกตเห็นอาการนิ่งและลังเลของเธอ ยังคงกระตือรือร้นมาก “ดูลักษณะคุณยังเด็กมาก เป็นการกลับมาจากการเรียนต่อต่างประเทศเหรอ”
ได้ฟังดังนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ส่ายหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่ไปเที่ยวมา”
“อ๋อๆ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ งั้นแสดงว่าคุณยังไม่มีใครเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ การที่เธอถามว่าไม่มีใครเหรอ หรือว่าคุณป้าตรงหน้านี้มีความเป็นแม่สื่อด้วย
ตามที่คาด โดยไม่รอให้เธอตอบ ป้าก็ยิ้มกริ่มและพูดว่า “คุณเห็นไหมว่าเราสามารถพบกันบนรถบัสอีกมันก็เป็นโชคชะตา ลูกชายฉันยังไม่มีแฟน คุณอยากทำความรู้จักกับเขาไหม ก่อนหน้านี้บนเครื่องบินฉันก็รู้สึกว่าคุณดูเข้าถึงง่าย”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้แต่หัวเราะขมขื่น เธอไหนเลยจะเข้าถึงง่าย ความจริงแล้วที่คุณป้าตรงหน้าเข้าถึงได้ง่ายนั้นเป็นเพราะเธอแค่ตะขิดตะขวงใจที่จะปฏิเสธการพูดคุยกับเธอเท่านั้น
ตอนนี้ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะให้ตนรู้จักกับลูกชายเลยเหรอ
แต่นี่มันน่าอาย เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดเสียงเบาว่า “ขอโทษนะคะคุณป้า ฉันไม่สามารถทำความรู้จักกับลูกชายของคุณป้าได้ค่ะ ฉันมีลูกแล้ว”
ได้ฟังแล้วป้าก็ยังรู้สึกแปลกใจ “มีลูกแล้วเหรอ”
“ค่ะ ครั้งนี้ที่ฉันกลับประเทศมา ก็คือกลับมาดูลูกค่ะ”