บทที่ 1536 ไม่สามารถพิจารณาได้เลยเหรอ
นึกขึ้นมาแล้ว เจียงเสี่ยวไป่ก็ยังรู้สึกโกรธมาก เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก
เหลียงหย่าเหอมองเธอสักพัก ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “หนูอยู่เฉยๆ กับเขาสักพักเถอะจ้ะ”
เมื่อพูดจบเหลียงหย่าเหอก็ออกไป แล้วปิดประตูให้เจียงเสี่ยวไป๋
จากนั้นก็ลากเซียวซู่ออกไปไกลและตั้งคำถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เซียวซู่เม้มริมฝีปากไม่ตอบคำ
เหลียงหย่าเหอรู้สึกว่าเขาคงจะพูดไม่ออกไปสักพัก จึงไม่ถามอะไรอีก ตอนแรกเธอตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่ตอนนี้เสี่ยวไป๋อยู่ที่นี่ เหลียงหย่าเหอก็ไม่คิดจะไปอีก ตัดสินใจที่จะอยู่
“เซียวซู่ เดี๋ยวแกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตอนนี้เลย ฉันจะอยู่ทำอาหารที่นี่เย็นนี้ เสี่ยวไป๋กลับมาแล้ว ต้องเพิ่มอาหารให้เธอเยอะๆ ดูสิลูกคนนี้น้ำหนักลดไปมากแค่ไหน”
เซียวซู่แสนจะไม่อยากไป เขากังวลว่าถ้าตัวเองออกไปแล้วกลับมาเสี่ยวไป๋จะหนีจากตัวเขาไปอีก ดังนั้นจึงยืนเม้มริมฝีปากอยู่กับที่ ไม่มีการตอบรับหรือปฏิเสธ
“ทำไม แกไม่ไปซื้อของ แล้วเย็นนี้เสี่ยวไป๋จะทานอะไร อีกอย่างเธอกลับมาแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ไปอีก แกกังวลอะไร”
เซียวซู่ไม่สบายใจมาก แววตาและปฏิกิริยาของเสี่ยวไป๋ทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่ได้อยากกลับมาหาเขา เธอแค่มาดูลูก ส่วนการมาหาเขา…
อาจเป็นเพราะเธอดื่มจนเมา ก็เลยทำอะไรลงไปโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะเรื่องของเสี่ยวเหยียนก่อนหน้านี้ ตอนที่เสี่ยวไป๋ฟื้นคืนสติ ก็ไม่เคยสูญเสียการควบคุม การเสียการควบคุมตัวเองครั้งนี้ทำให้เซียวซู่เห็นภายในจิตใจของเสี่ยวไป๋ได้ชัดเจน แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มกังวลขึ้นมา
“รีบไปเถอะ ฉันจะเฝ้าเสี่ยวไป๋ให้แกเอง ก่อนที่แกจะกลับมา แม่จะคิดหาวิธีให้เธออยู่ให้ได้”
ถูกเหลียงหย่าเหอเร่งแบบนี้ เซียวซู่ถึงได้หันหลังไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของ
เจียงเสี่ยวไป๋นั่งอยู่ในห้องกับลูกเป็นเวลานาน ยังเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเขาด้วย ตลอดเวลาเธอเงียบไม่มีการพูดอะไร เดิมทีคิดว่าแบบนี้ก็จะไม่เป็นการไปปลุกลูก
แต่คิดไม่ถึงว่าเธอถ่ายรูปไปได้ไม่นาน จู่ๆ ลูกก็ตื่นขึ้นมา หลังจากที่ดวงตาใสลืมขึ้นมาก็มองเธออย่างจริงจัง ไม่ร้องไห้ไม่โวยวาย น่ารักเป็นเด็กดีมาก
“เด็กน้อย” เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นเต้นขึ้นฉับพลัน วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วก้าวไปอุ้มลูกขึ้นมา ในขณะที่อุ้มก็พูดไปด้วยว่า “ฉันเป็นแม่นะ”
ไม่ได้พบครึ่งปี เจียงเสี่ยวไป๋คิดว่าลูกจะร้องไห้หรือว่าจะไม่ให้เธออุ้ม คิดไม่ถึงว่าหลังจากถูกเธออุ้ม ลูกจะยืดกำปั้นเล็กๆ ขึ้นมาแตะๆ คางของเธอ พูดภาษาของเด็กอ่อนที่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เข้าใจ
“หนูพูดอะไรน่ะ แม่ไม่เข้าใจ ฉันเป็นแม่นะ หนูเข้าใจไหมคะ” เจียงเสี่ยวไป๋จับกำปั้นเล็กของเขาและเผยยิ้ม ขอบตาร้อนผ่าว กอดลูกแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย เอาแก้มไปแนบแก้มเขา “แม่คิดถึงหนูมาก หนูคิดถึงแม่ไหมคะ”
สองแม่ลูกอยู่ในห้องสักพัก ตลอดเวลาเหลียงหย่าเหอรออยู่ข้างนอก และไม่ได้เข้าไปรบกวนเลย
ผ่านไปสักพัก ประตูก็เปิดออก
เหลียงหย่าเหอลุกขึ้นทันที แล้วก็เห็นเจียงเสี่ยวไป๋อุ้มลูกออกมา
“เสี่ยวไป๋ ลูกตื่นแล้วเหรอจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง คนในบ้านสอนให้เขาพูดแล้วนะ แต่เขายังเล็กมาก ยังเรียนรู้ไม่ได้มากนัก”
สีหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างซีด รอยยิ้มบนใบหน้าค่อนข้างฝืน
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ยังเล็ก สอนไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”
“หลังจากนี้หนูก็สอนเองเลยจ้ะ คำแรกที่เด็กจะพูดก็คือคำว่าแม่นะ หนูสอนเพิ่มอีกสองสามคำ เขาก็จะเรียนรู้ได้แน่”
ที่เหลียงหย่าเหอพูดคำเหล่านี้ในความเป็นจริงหมายถึงเจียงเสี่ยวไป๋ ซึ่งเจียงเสี่ยวไป๋ไหนเลยจะฟังไม่ออกถึงความหมายโดยนัยในคำพูดของเธอได้ แบบนี้คือหวังให้เธออยู่ที่นี่
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตอบคำของเธอ เพียงมองเหลียงหย่าเหอเงียบๆ
เผชิญหน้ากับเจียงเสี่ยวไป๋แบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงหย่าเหอแทบจะหุบลง ได้แต่ฝืนยิ้มและพูดว่า “ทำไมเหรอจ๊ะ”
เช่นนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้เริ่มพูดขึ้นมาแผ่วเบาว่า “คุณแม่คะ ฉันอยากพาเขาไปอยู่ด้วยสักสองสามวัน ได้ไหมคะ”
ได้ยินสิ่งนี้ เหลียงหย่าเหอก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวไป๋บอกว่าจะไป เธอไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนตอนนี้ เพราะเสี่ยวไป๋ทิ้งลูกไว้ให้เซียวซู่ มันจึงแสดงให้เห็นว่าเสี่ยวไป๋อาจจะมีการกลับมาในอนาคต
แต่ผ่านไปครึ่งปีเธอก็กลับมา และครั้งนี้เธอกลับอยากพาลูกไป
นี่หมายความว่าอะไร มันเป็นไปได้อย่างมากที่ครั้งนี้เธอจะทิ้งเซียวซู่ไปจริงๆ ตอนนี้การพาลูกจากไปเป็นขั้นตอนแรก ถ้าหลังจากนี้…
เหลียงหย่าเหอแทบไม่กล้าคิดอะไรอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกตระหนก
เป็นเวลานานเธอก็หาเสียงตัวเองไม่ได้ สีเลือดบนใบหน้าก็สลายหายไปด้วย
“ขอโทษนะคะคุณแม่ ฉันไม่ได้พบเขาครึ่งปีแล้ว คิดถึงลูกมากจริงๆ ฉันจะพาเขาไปอยู่ด้วยสองสามวัน ได้หรือไม่คะ”
“เสี่ยว เสี่ยวไป๋” ในที่สุดเหลียงหย่าเหอก็ผ่อนคลายได้ เธอดึงแขนของเจียงเสี่ยไป๋อย่างร้อนรน เป็นกังวลเหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้ง “ทำไมต้องไปอยู่ที่อื่นล่ะ หนูกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ บ้านหลังนี้มีห้องเยอะแยะหนูจะเลือกห้องไหนก็ได้ หรือว่าหนูไม่ชอบบ้านหลังนี้ หรือไม่ก็เอาอย่างนี้ ฉันกับเซียวซู่พ่อของเขาออกเงินซื้อห้องชุดให้พวกหนูสองคนสักที่เอาไหม หรือว่าหนูรู้สึกว่าแม่อยู่ที่นี่ไม่สะดวก หนูวางใจได้นะ แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก แค่เข้ามาช่วยเซียวซู่ดูแลเด็กในตอนกลางวัน ตอนเย็นเขาเป็นคนดูแลเอง”
ทันทีที่กังวล เหลียงหย่าเหอก็พูดไปมากมาย กับทัศนคติที่อ่อนน้อมถ่อมตนนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋เจ็บปวดมาก “คุณแม่คะ คุณอย่าเป็นแบบนี้ ฉันแค่อยากพาเขาไปอยู่ด้วยสักสองสามวันเท่านั้นเองค่ะ”
“แม่ไม่เป็นไร แม่แค่อยากให้คำแนะนำหนูเท่านั้น หนูคิดว่าแบบไหนดีล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตอบอะไร
“งั้นหนูก็คิดดูอีกที คิดให้ดีแล้วบอกแม่ ได้ไหมจ๊ะ”
“คุณแม่คะ ฉันแค่อยากพาเขาไปอยู่ด้วยสักสองสามวัน ฉัน…ไม่อยากอยู่ที่นี่”
ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงหย่าเหอก็หุบลง ค่อยๆ จางหายไปจนไร้ร่องรอย เธอถอนหายใจหนัก พูดเสียงต่ำด้วยสายตาเศร้า “เมื่อครู่ฉันให้เซียวซู่ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต บอกว่าให้หนูอยู่ทานอาหารเย็นนี้ อยากทำอาหารอร่อยๆ ให้หนูทาน เด็กนั่นไม่อยากไป ถูกฉันพูดอยู่นานก็ไม่ยินยอม ตอนนี้ฉันเข้าใจแน่ชัดแล้ว ผ่านไปแล้วครึ่งปี หนูยังไม่ให้อภัยเซียวซู่อีกเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋กอดลูกน้อยในอ้อมแขนแน่น กะพริบตาปริบๆ ไม่ได้พูดอะไร
เหลียงหย่าเหอเห็นปฏิกิริยาของเธอ จึงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “หนูกลัวอะไร ลูกคนนี้หนูก็เป็นคนให้กำเนิด ถ้าหนูจะพาไปจริงๆ ก็ไม่มีใครจะแย่งเขาไปจากหนูได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตกใจเล็กน้อย
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของหนูนะ ตัวฉันเองก็เป็นผู้หญิง ถึงแม้ว่าตระกูลเซียวของเราจะอยากได้เด็ก แต่ถ้าพิจารณาจากมุมมองของเด็ก ฉันจะแนะนำให้เด็กเลือกแม่”
ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋ชุ่มชื้นขึ้นมาฉับพลัน
แม่สามีของเธอ เป็นแม่สามีที่ดีที่สุดในโลกจริงๆ จะไม่มีคนที่สองอีก
“แต่เสี่ยวไป๋ ไม่สามารถพิจารณาอีกครั้งได้จริงเหรอ หนูกับเซียวซู่อยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว จากกันไปครึ่งปีแล้วหนูคิดจะจากกันถาวรเลยเหรอ ครึ่งปีที่ผ่าน หรือว่าหนูไม่เคยสักครั้งแม้เพียงเสี้ยวของความเสียใจ ถึงแม้ว่าเด็กจะสามารถไปกับหนูได้ แต่หนูคิดว่าลูกที่ไม่มีพ่อกับแม่ครบจะสมบูรณ์จริงเหรอ”