บทที่1544 ศึกของผู้ชายทั้งสอง
ช่วงระหว่างทานข้าวเย็น
เสี่ยวเหยียนพบว่าที่โต๊ะอาหารมีคนเพิ่มมาอีกคน เป็นเพื่อนของเสี่ยวหมี่โต้ว ถางหยวนหยวน
คุณหนูของบริษัทตระกูลถาง
เสี่ยวเหยียนเห็นหน้ากลมๆของเธอ ก็อดยิ้มไม่ได้: “เสี่ยวหยวนหยวน ไม่ได้เจอกันนาน ทำไมหน้าของหนูกลมขึ้นอีกแล้วคะ?”
ถางหยวนหยวนที่ตัวน้อยๆกระพริบตากลมโต ผิวของเธอยิ่งอยู่ยิ่งขาวอมชมพูแล้ว นั่งข้างกายเสี่ยวหมี่โต้วที่ทั้งผมผอมและสูง เหมือนสำลีขาวก้อนนึงชัดๆ
ถูกเสี่ยวเหยียนหัวเราะเยาะเธอก็ฟังไม่รู้เรื่อง ได้แต่ยิ้มให้เธออย่างเซ่อๆ
รอยยิ้มนี้………
เสี่ยวเหยียนอึ้งไปครู่นึง จากนั้นได้มองเสี่ยวโต้วหยาที่นั่งข้างกายเธอ เสี่ยวโต้วหยาก็เผยรอยยิ้มที่เซ่อๆออกมา
ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนยกมุมปากขึ้นทันที
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เจอถางหยวนหยวน รอยยิ้มของเด็กคนนี้คือน่ารักไร้เดียงสา ทำไมอยู่กับเสี่ยวโต้วหยาไม่นานก็เซ่อเหมือนเธอแล้ว หรือว่าความเซ่อก็แพร่เชื้อได้ด้วย?
แต่วลาก็ผ่านไปเร็วมาก ก่อนหน้านั้นเสี่ยวโต้วหยายังเป็นแค่เด็กแบเบาะที่อุ้มอยู่ในอ้อมอก พริบตาเดียวเธอก็สามารถนั่งเองได้แล้ว
หลังจากหานมู่จื่อให้เย่โม่เซินยกอาหารมาทั้งหมด ถึงปลดเสื้อคลุมออกและนั่งลงมา
“พี่ เสี่ยวเหยียน คืนนี้ฉันลงมือทำกับข้าวเอง เพราะฉะนั้นพวกพี่ทานเยอะๆหน่อยนะ”
เพราะหานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนรู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนที่จะแต่งงานกับหานชิง หานมู่จื่อจึงไม่ได้เรียกเสี่ยวเหยียนว่าพี่สะใภ้เหมือนครอบครัวอื่น แต่ได้เรียกชื่อเธอโดยตรง
เย่โม่เซินพูดอย่างไม่พอใจ: “ปกติทีกับผมไม่เห็นคุณกระตือรือร้นขนาดนี้เลย พอพี่ชายคุณมาก็ลงมือทำกับข้าวเองเลยนะ”
เสี่ยวเหยียนกระพริบตา ไม่รอให้หานมู่จื่อตอบก็แย่งพูดก่อน: “น้องเขย หานชิงไม่ใช่คนนอกสักหน่อย เป็นพี่ชายแท้ๆของมู่จื่อนะ ทำไมนายยังชอบหึงขนาดนี้อีก?”
เย่โม่เซินฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หรี่ตามองไปที่เธอ เสี่ยวเหยียนกลับไม่กลัวเลยสักนิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็เธอไม่กล้าดึงขนบนหัวเสือเลย แต่ตอนนี้ฐานะของเธอคือพี่สะใภ้ของเขา จะกลัวอะไร?
จริงๆซะด้วย เย่โม่เซินแค่มองเธอด้วยสายตาดุร้ายทีนึง จากนั้นไม่ได้พูดอะไรก็ดึงสายตากลับแล้ว
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ทานข้าวกันเถอะ”
เสี่ยวหมี่โต้วนั่งอยู่ข้างกายของน้องสาวสองคน คอยดูแลพวกเธอตลอด คีบผักให้พวกเธอ ถางหยวนหยวนยืมดอกไม้ถวายพระ เอาหมูชุปแป้งทอดที่เสี่ยวหมี่โต้วคีบให้เธอใส่ไปที่ถ้วยของเสี่ยวโต้วหยา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้ม:“น้องโต้วหยา อันนี้ให้เธอกิน”
เสี่ยวโต้วหยากระพริบตา ขนตาเธอยาวเหมือนแปรง เธอใช้มือทั้งสองโอบถ้วยกันแตกที่พ่อแม่ซื้อให้เธอโดยเฉพาะ ในถ้วยมีรูปการ์ตูนสัตว์น้อย เธอพูดด้วยเสียงแบเบาะ:“ขอบคุณค่ะ พี่หยวนหยวน”
“ไม่ต้องเกรงใจ น้องโต้วหยาค่อยๆกินนะ”
ทั้งสามคนสนิทสนมกลมเกลียวมากเป็นพิเศษ
หลังทานข้าวเสร็จ เสี่ยวเหยียนกับหานมู่จื่อไปเข้าห้องครัวด้วยกัน เสี่ยวเหยียนคอยช่วยเหลือเธอและถามเธอไปด้วย: “ถางหยวนหยวนเด็กคนนั้นเธอคิดยังไง? เธออยากบ่มเพาะยัยหนูเป็นว่าที่ภรรยาของเสี่ยวหมี่โต้วในอนาคตเหรอ?”
หานมู่จื่อฟังแล้วใช้สายตาแปลกใจมองเธอทีนึง
“เป็นไปได้ยังไง? เธอยังเด็กขนาดนี้ แค่เด็กๆเล่นด้วยกันเฉยๆ ยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็ชอบเธอมาก”
“ฉันรู้ แต่ตอนนั้นได้ยินเย่โม่เซินอาศัยฉายาหาแฟนให้เสี่ยวหมี่โต้วเรียกเธอมาไม่ใช่เหรอ?”
“อืม ตอนแรกคือแบบนี้ แต่พวกเขายังเด็กอยู่ ดังนั้นเรื่องพวกนี้ฉันก็ไม่แทรกแซง เพราะเรื่องความรักเธอก็รู้ว่าผู้ใหญ่ก้าวก่ายไม่ได้ ต่อไปถ้าพวกเขามีวาสนาอยู่ด้วยกัน งั้นฉันก็ไม่คัดค้าน แต่ถ้าเด็กๆไม่ชอบกัน งั้นก็บังคับให้พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่พูดอะไร ก็ต้องดูหลังจากพวกเขาโตจะมองยังไงแล้ว”
หานมู่จื่อเปิดก๊อกน้ำ น้ำไหลออกมาซู่ซ่าๆ เสี่ยวเหยียนใส่จานที่เช็ดสะอาดลงไปใต้น้ำ
“ที่เธอพูดก็ถูก แต่หยวนหยวนเด็กคนนี้กินอะไรไม่ค่อยยับยั้งชั่งใจ อ้วนเกินไปไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ”
“อืม”หานมู่จื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย: “ฉันก็รู้สึกอ้วนเกินไปไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ ฉันเคยว่าเธอหลายครั้งแล้ว ยัยเด็กน้อยรับประกันกับฉันทุกครั้งว่าคราวหน้าจะไม่กินเยอะอีกแล้ว แต่ทุกครั้งพอเห็นของอร่อยดวงตาก็เปล่งประกายเลย เอาสิ่งที่ฉันกำชับเธอและสิ่งที่ตัวเองรับประกันทิ้งไปด้านหลังหมด”
“อาจจะเพราะยังเด็กเกินไป เดี๋ยวพอโตขึ้นก็น่าจะควบคุมตัวเองได้แล้ว ถ้าเธอเห็นของอร่อยแล้วมักจะอดไม่ได้ งั้นตอนที่หยวนหยวนมาบ้านเธอ เธอก็อย่าเอาของมากมายวางอยู่ที่ตรงหน้าหยวนหยวนสิ”
“อืม ข้อเสนอนี้ไม่เลวเลย ต่อไปฉันจะจำไว้”
ทั้งสองอยู่ในห้องครัว ไม่มีคำพูดก็สรรหาคำพูดมาพูดกัน
จู่ๆ ประตูห้องครัวถูกเปิดออก หานชิงกับเย่โม่เซินเดินเข้ามาด้วยกัน
“พวกพี่มาได้ยังไง?”หานมู่จื่อเห็นเขาสองคนได้ถอดเสื้อสูทออกแล้ว ใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว จึงถามด้วยความงงงวย
ในมือของเสี่ยวเหยียนยังมีฟองสบู่อยู่หน่อยนึง เธอก็มองทั้งสองด้วยความงุนงง
เย่โม่เซินพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นเดินมารับจานที่ยังล้างไม่สะอาดจากมือของหานมู่จื่อ: “ด้านนอกเก็บเสร็จแล้ว คุณไปนั่งข้างนอก ที่นี่ผมจัดการเอง”
ระหว่างพูด หานชิงก็ยืนอยู่ข้างซิ้งล้างจานดึงเสี่ยวเหยียนและช่วยเธอล้างมือให้สะอาด จากนั้นพูดเสียงเบาว่า:“ด้านนอกแม่บ้านได้ล้างผลไม้ไว้ คุณออกไปกินหน่อย ดึกหน่อยเราค่อยกลับบ้าน”
ผู้หญิงสองคนเพิ่งทำงานอยู่ที่ห้องครัว ก็ถูกผู้ชายทั้งสองไล่ออกมาจากห้องครัวแบบนี้เฉยเลย
หลังปิดประตู เสี่ยวเหยียนกับหานมู่จื่อต่างก็มองหน้ากันไปมา
“นี่มันอะไรกัน?”
“ไม่รู้สิ จู่ๆนิสัยก็เปลี่ยนเลย แถมยังจะล้างจานด้วย?”
“ปกติอยู่บ้านเขาล้างจานมั้ย?”
“ไม่ล้างหนิ ปกติแม่บ้านล้างตลอดเลย”
“ที่บ้านฉันก็เหมือนกัน”
พอพูดจบทั้งสองก็เงียบกริบพร้อมกัน วันนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นมา? หรือเพราะคนที่ล้างจานเป็นพวกเธอ ผู้ชายทั้งสองเลยจะไปล้างเอง?
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากแดง:“ช่างเถอะ พวกเขาจะล้างก็ให้พวกเขาล้างเถอะ พวกเราก็มีความสุขที่ได้อิสระ ไป ไปเล่นกับเด็กๆกัน”
“อืมๆ”
ที่พวกเธอไม่รู้คือ หลังจากผู้ชายทั้งสองปิดประตูห้องครัว เย่โม่เซินได้หัวเราะเหอะๆ
“ฉันมาช่วยเมียฉันล้างจาน นายเข้ามาสร้างปัญหาอะไร?”
หานชิงฟังแล้วมองเขาอย่างเย็นชาทีนึง และพูดเตือนเขา: “ที่นี่ไม่ได้มีแค่ภรรยาของนาย แต่ยังมีภรรยาของฉันด้วย ยังมีอีก เธอคือน้องสาวฉัน”
เย่โม่เซินหัวเราะเบาๆทีนึง: “ถึงจะเป็นอย่างนั้นแล้วจะทำไม? น้องสาวยังไงก็ไม่สามารถต่อต้านสามีตัวเองหรอก”
“แล้วก็ ต่อไปเกรงใจพี่สะใภ้นายหน่อย”
เย่โม่เซิน: “? ? ?”
“ถ้าไม่อย่างงั้นฉันจะหาข้ออ้างให้มู่จื่อกลับไปพักที่บ้านยาวๆ”
เย่โม่เซินฟังแล้วอยากอัดคน รอยยิ้มของเขาค่อนข้างร้ายกาจ ผ่านไปสักพักก็ได้พยายามให้ตัวเองใจเย็นลงมา
“ภรรยานายเอ็นดูเสี่ยวหมี่โต้ว นายคงรู้อยู่นะ?”
หานชิงยักคิ้ว
“เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธอยังไม่มีลูก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเสี่ยวหมี่โต้วนานขนาดนั้น นายว่าฉันให้เสี่ยวหมี่โต้วพาถางหยวนหยวนยัยหนูคนนั้นไปพักที่บ้านนาย เป็นไงบ้าง?”
หางตาของหานชิงกระตุก เขาหรี่ตามองเย่โม่เซิน แววตาของทั้งสองพริบตาเดียวก็มีแสงเฉียบคมแว๊บผ่านหลายครั้ง
หลังจากผ่านไปสักพัก ทั้งสองถึงเคลื่อนย้ายสายตา และสงบศึก!