บทที่1547ให้ผมเก็บรักษาต่อ
เสี่ยวหมี่โต้วลงมาชั้นล่างเหมือนปกติที่ผ่านมา หลังจากเขาเห็นเงาของถางหยวนหยวนปรากฏอยู่ที่ห้องรับแขก ก็ได้หยุดฝีเท้าลงมาครู่นึง จากนั้นทุกอย่างก็ปกติแล้ว
ต่อมาเขาได้เข้าไปในห้องครัว หลังทานข้าวเสร็จได้บอกกับหานมู่จื่อแล้วออกจากบ้านคนเดียว
วันนี้ต้องเข้าเรียน หานมู่จื่อนอกจากบอกให้เขาตั้งใจเรียนก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก
หลังเขาออกจากบ้าน หานมู่จื่อถึงพบว่าถางหยวนหยวนดูเศร้านิดหน่อย จึงได้ยื่นนิ้วชี้ออกมาจิ้มแก้มของถางหยวนหยวน:“เป็นอะไรคะ?”
ถางหยวนหยวนเงยหน้า ลืมตาโตกลมแบ๊วไว้ และมองเธอด้วยหน้าสงสาร:“พี่ชายเกลียดหยวนหยวนใช่มั้ยคะ?”
หานมู่จื่อฟังแล้วอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ได้อธิบาย:“จะเกลียดหนูได้ยังไงคะ? เสี่ยวหยวนหยวนทำไมถึงคิดแบบนี้คะ พี่ชายไม่เกลียดหยวนหยวนหรอกค่ะ”
ถางหยวนหยวนก้มหน้าไว้ หน้าตาค่อนข้างท้อแท้
“เป็นเพราะว่าเมื่อกี๊พี่ชายไม่คุยกับหยวนหยวน ก็เลยทำให้เสี่ยวหยวนหยวนคิดฟุ้งซ่านเหรอคะ? หยวนหยวนวางใจนะ พี่ชายไม่ใช่คนที่ใจแคบขนาดนั้น พี่เขาแค่ไปเรียนหนังสือ เดี๋ยวรอหนูเข้าเรียนก็สามารถไปพร้อมกับพี่ชายแล้วนะ”
“จริงเหรอคะ?”
ถางหยวนหยวนเงยหน้าและถามด้วยความไม่แน่ใจ
“อืม จริงค่ะ เดี๋ยวพี่ชายกลับมาจะคุยกับหนูแน่นอน ถ้าเขาไม่คุยกับหนู เดี๋ยวน้าช่วยหนูจัดการเขา โอเคมั้ยคะ?”
หลังจากหานมู่จื่อพูดแบบนี้ เธอก็ไม่ได้บอกว่าโอเคหรือว่าไม่โอเค แค่กระพริบตามองเสี่ยวโต้วหย่าที่อยู่ข้างกาย
เวลาต่อจากนี้ ถางหยวนหยวนก็เฝ้ารอเสี่ยวหมี่โต้วเลิกเรียนกลับบ้าน
ความคิดของเด็กมักจะเรียบง่ายมาก ตอนที่ทะเลาะกับเพื่อนสนิทก็ง่ายที่จะคิดมาก จากนั้นก็มีแค่ความคิดเดียวคือคืนดีกัน
เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอแค่ตั้งตารอให้พี่ชายกลับมาเร็วๆ เธออยากคืนดีกับพี่ชาย
เวลาทั้งวันได้ผ่านไปท่ามกลางการเฝ้ารอ
สุดท้ายถางหยวนหยวนรอจนหลับคาโซฟา เสี่ยวโต้วหยาเห็นเธอหลับ ก็ได้กอดแขนเธอไว้แล้วนอนลงข้างๆอย่างไม่มีหัวจิตหัวใจ
หลังหานมู่จื่อลงมาจากชั้นบนก็เห็นภาพนี้ เพราะเสี่ยวโต้วหยาพาดอยู่บนตัวของถางหยวนหยวน เธอได้แต่เอามือของเสี่ยวโต้วหยาออกก่อน จากนั้นอุ้มเธอขึ้นไปชั้นบน เดี๋ยวค่อยลงมาอุ้มถางหยวนหยวน
ตอนที่หานมู่จื่อเตรียมตัวลงมาอุ้มถางหยวนหยวน ทันใดนั้นก็เห็นรถรับส่งเสี่ยวหมี่โต้วกลับมาแล้ว คิดถึงความขัดแย้งระหว่างเด็กสองคนนี้ หานมู่จื่อตัดสินใจยังไม่ลงไปชั้นล่างในตอนนี้
ที่จริงความขัดแย้งระหว่างเด็กคลี่คลายง่ายที่สุด เพราะเด็กๆล้วนไร้เดียงสา อีกทั้งยังกล้าหาญ แต่คาดว่าถ้าเธออยู่ข้างกายเด็กสองคนคงจะเก้อเขิน เพราะฉะนั้นหานมู่จื่อจึงไม่ได้ลงไปชั้นล่างอีก
ถางหยวนหยวนฝันเห็นตัวเองกำลังกินไอศครีมช็อกโกแลตและสายไหมอยู่ เธออยู่ในห้องเจ้าหญิงที่เต็มไปด้วยของกิน มีกลิ่นหอมของอร่อยโชยอยู่ทั่วห้อง ถางหยวนหยวนกินอย่างเพลิดเพลิน กินอย่างไม่หยุด กินถึงสุดท้ายจู่ๆตรงหน้ามีเสียงดุของเสี่ยวหมี่โต้วโผล่มา
จากนั้นถางหยวนหยวนก็สะดุ้งตื่นเลย
หลังจากตื่นขึ้นมา ถางหยวนหยวนพบว่าบนโซฟามีเงาผอมสูงเพิ่มมาอีกเงา เธอเพิ่งตื่น ดังนั้นจึงเลยไม่ได้คิดมาก เพราะเธอรอมาทั้งวันแล้ว เพราะฉะนั้นปฏิกิริยาแรกที่เห็นเสี่ยวหมี่โต้วก็คือลุกขึ้นนั่งและเรียกเขาว่า:“พี่ชาย”
เสี่ยวหมี่โต้วได้ยินแล้วสันหลังแข็งทื่อ จากนั้นได้ค่อยๆหันไปมองเธอ
สักพัก ถึงพูดออกมาอย่างยากลำบากคำนึง:“อืม”
ถางหยวนหยวนจำอะไรไม่ได้แล้ว ขึ้นไปก็จับแขนเสื้อของเสี่ยวหมี่โต้วไว้:“พี่ชาย”
เธอไม่รู้จะพูดอะไร และพูดขอโทษไม่ค่อยเป็น แต่สัปดาห์นี้ทั้งสองไม่ได้คุยกันเลย ถางหยวนหยวนก็กินน้อยลง ตอนนี้เธอตะกละมาก หวังอยากให้พี่ชายพาเธอไปกินสายไหม ฮือๆๆ~
“เอาล่ะ วันนั้นเป็นความผิดพี่เอง พี่ไม่ควรพูดเสียงดังกับหยวนหยวน” ระหว่างพูด เสี่ยวหมี่โต้วก็เอาช็อกโกแลตถุงนึงและอมยิ้มออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้ถางหยวนหยวน:“อันนี้ชดเชยให้เธอ”
“อ๊า”ถางหยวนหยวนหอบของขวัญมาในอ้อมอกด้วยความเซอร์ไพรส์ พริบตาเดียวก็กระดี๊กระด๊าขึ้นมา:“ขอบคุณค่ะ พี่ชาย”
เสี่ยวหมี่โต้วเห็นถางหยวนหยวนที่ไร้หัวจิตหัวใจ หลังจากมีขนมก็ยิ้มจนไม่มีหัวจิตหัวใจ ไม่รู้ทำไมรู้สึกค่อนข้างจนปัญญา แต่ไม่นานเขาก็คิดอะไรได้ และพูดกับเธอเหมือนคนแก่แดด:“พวกนี้ล้วนเป็นของหวาน กินเยอะไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นเธออย่ากินเยอะนะ”
“พี่ชาย หยวนหยวนจำได้แล้วค่ะ”
ต่อมาเด็กสองคนถือว่าคืนดีกันแล้ว ไม่นานความไม่สบอารมณ์ของก่อนหน้านี้หายเข้ากลีบเมฆหมด ไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่จำเรื่องไม่สบอารมณ์พวกนั้นไว้
ตอนที่หานมู่จื่อลงมาอีกครั้ง ถางหยวนหยวนก็เหมือนหางที่เดินตามเสี่ยวหมี่โต้วต้อยๆ เอะอะก็พี่ชาย
เด็กเรียบง่ายจริงๆด้วย หลังจากคืนดีก็เหมือนตอนแรกทันที ไม่มีความสุขและความกลุ้มใจมากขนาดนั้น
หลังจากผ่านเรื่องนี้ ถางหยวนหยวนตอนแรกก็จำคำพูดของเสี่ยวหมี่โต้วได้ ของหวานกินเยอะไม่ได้ คำพูดนี้เหมือนคำสาปที่คอยวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ แต่ทุกครั้งตอนที่อยู่ต่อหน้าของอร่อย ไม่นานเธอก็ลืมคำสาปนั้น พอกินหมดถึงนึกขึ้นมาได้
ส่วนอีกด้านนึง เซียวซู่เห็นหลังจากเปิดใจคุยกันวันนั้น เจียงเสี่ยวไป๋เปลี่ยนไปเยอะมาก ใช้ชีวิตกับเธออย่างจริงจัง และไม่พูดเรื่องหย่ากันอีกเลย ทั้งสองใช้ชีวิตสงบสุขเหมือนตอนแรกมาโดยตลอด
แน่นอนครึ่งปีนี้ เซียวซู่ให้เกียรติเจียงเสี่ยวไป๋ตลอด เพื่อเลี่ยงไม่ให้เจียงเสี่ยวไป๋ท้อง เขาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอสักครั้ง
สำหรับเซียวซู่ ถึงแม้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเจียงเสี่ยวไป๋ แต่ในใจก็ยังมีความสงสัยอีกเช่นเคย ยังคงกลัวเธอไปจากตัวเองอีกเช่นเคย เพราะฉะนั้นพอถึงเวลานัดหมาย ผู้ชายคนนี้ก็เอาสมุดจดทะเบียนออกมาให้เจียงเสี่ยวไป๋อย่างรู้ตัวดีมาก
ตอนที่เขาเอาสมุดจดทะเบียนมาวางที่ตรงหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวไป๋กำลังอุ้มเซียววั่งจือทานข้าวอยู่ และกล่อมลูกด้วยเสียงอ่อนโยน เหลียงหย่าเหอก็อยู่ข้างๆ หันหน้าไปก็เห็นลูกชายตัวเองถือสมุดเล่มแดงสองเล่มเดินมา
สีหน้าเธอเปลี่ยนเล็กน้อย เธอพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋:“แม่อุ้มหลานไปเดินเล่นใต้ตึกรอบนึงนะ”
“หืม?”เจียงเสี่ยวไป๋ดึงสติกลับมาไม่ได้ ทำไมจู่ๆแม่จะอุ้มลูกลงไปเดินเล่นใต้ตึก:“แม่คะ นี่กำลังทานข้าวอยู่……”
ยังพูดไม่จบ เหลียงหย่าเหอก็ได้อุ้มเซียววั่งจือขึ้นมา จากนั้นหันหลังจากไป
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างจนปัญญา กำลังอยากจะพูดอะไร ก็ได้ยินด้านหลังมีเสียงฝีเท้า หันไปดูถึงพบว่าคือเซียวซู่ และในมือของเขากำลังถือสมุดเล่มแดงไว้สองเล่ม
เจียงเสี่ยวไป๋เงียบกริบทันที ที่แท้แบบนี้นี่เอง ถึงว่าจู่ๆเหลียงหย่าเหอก็บอกว่าจะอุ้มเซียววั่งจือไปใต้ตึก
ไม่นาน เด็กก็ถูกเหลียงหย่าเหออุ้มไป ในห้องเหลือแค่เซียวซู่กับเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋นั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ พอเซียวซู่มา ก็ได้นั่งมาที่ข้างกายเธอ
“นี่เป็นสมุดจดทะเบียนสมรสที่ผมเก็บรักษามาครึ่งปีครับ”
เซียวซู่ยื่นสมุดสีแดงสองเล่มให้เธอ: “ตอนนี้ผมเอาสมุดจดทะเบียนนี้ให้คุณ ครบครึ่งปีแล้ว คุณยังอยากไปจากผมมั้ย?”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแล้วหยุดชะงักไว้ สักพักพูดเสียงเบาเหมือนคนไม่เป็นไร:“ในเมื่อเก็บรักษาไว้ครึ่งปีแล้ว งั้นฉันก็ขี้เกียจแตะต้องมันแล้ว คุณเก็บรักษาต่อเถอะ”
เซียวซู่ใจเต้นผิดจังหวะ:“ให้ผมเก็บรักษาต่อ?”