บทที่1551 นี่คือพี่ชายเธอหรือ
กว่าจะหาตึกหอพักของตัวเองเจอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยู่ฉือยี่ซูกับจงฉู่เฟิงเอาสัมภาระของเด็กสาวสองคนนั้นขนเข้าไปด้านใน
คนอื่นๆยังไม่มีใครมาที่หอพัก ดังนั้นถางหยวนหยวนกับเมิ่งเข่อเฟยที่มาถึงก่อนเลยสามารถเลือกเตียงของตัวเองได้ เมิ่งเข่อเฟยไม่อยากนอนเตียงชั้นบน ดังนั้นจึงเลือกเตียงชั้นล่าง
“เธออยากนอนชั้นบนหรือชั้นล่าง ?” ยู่ฉือยี่ซูก้มหน้าลงมาถามเด็กสาวที่ใบหน้าแดงระเรื่อ
ถางหยวนหยวนมองดูทีหนึ่ง และกำลังจะพูดขึ้น
จู่ๆจงฉู่เฟิงที่อยู่ด้านนั้นก็แส่ปากพูดขึ้นว่า “ยัยหยวน ฉันว่าเธอเลือกเตียงชั้นล่างดีกว่ามั้ง เตียงด้านบนจะทนรับเธอไหวเหรอ”
ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้นถางหยวนหยวนฟังออกได้ในทันที เดิมทีใบหน้าที่เป็นสีชมพูจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกแอปเปิล ก้มหน้าต้มไม่กล้าพูดอะไรอีก
ยู่ฉือยี่ซูสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นในทันที
จงฉู่เฟิงไม่รู้สึกรู้สา แถมยังพูดต่อว่า “อีกอย่างเตียงชั้นล่างทั้งปลอดภัยแถมไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องปีนขึ้นปีนลงให้ด้วย อีกอย่างนะ……”
“พูดพอหรือยัง ?”
จนตอนที่น้ำเสียงเย็นชาของยู่ฉือยี่ซูลอยมา จงฉู่เฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางเขา แล้วก็เห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเข้าพอดี
ในเวลานั้นเอง จงฉู่เฟิงก็คิดถึงคำพูดที่ก่อนหน้านี้ยู่ฉือยี่ซูพูดกับเขาบนรถบัสขึ้นมาได้
เขาบอกว่าเด็กสาวโตแล้ว ต่อไปอย่าพูดถึงคำว่าอ้วนต่อหน้าเธออีก จงฉู่เฟิงจำได้แล้ว และก็ไม่ได้จงใจพูดว่าเด็กสาวอ้วน แต่เมื่อครู่ขณะที่เลือกเตียงนั้นจงฉู่เฟิงก็รู้สึกโดยสัญชาตญาณ ว่ายัยหนูถางหยวนหยวนนั้นคนนี้นอนเตียงชั้นบนน่าจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นก็เลยเปิดปากแนะนำให้เธอเลือกเตียงชั้นล่าง
ใจกับจุดเริ่มต้นนั้นดีงาม แต่กลับพูดถึงจุดเจ็บปวดของเด็กสาวเข้าโดยไม่ตั้งใจ
จงฉู่เฟิงรู้สึกเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที
แต่เมิ่งเข่อเฟยก็ออกมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ เข้าไปจับมือถางหยวนหยวน “พวกเราสองคนรู้จักกัน ไม่อย่างนั้นเธอมานอนชั้นล่างของเตียงฉัน ฉันนอนชั้นบนของเธอ แบบนี้กลางคืนพวกเราจะได้แอบคุยกันได้ อีกอย่างฉันนอนนิ่งมาก ไม่มีทางกวนเธอตอนกลางคืนแน่ๆ”
“เฟยเฟย……”
“ถ้าเธอนอนเตียงเดียวกับคนอื่น แล้วเจอคนที่นอนดึก หรือนอนดิ้น เธอจะต้องถูกรบกวนจนนอนไม่หลับแน่ มานอนเตียงเดียวกับฉันนั่นแหละ”
ในที่สุดถางหยวนหยวนก็พยักหน้า จากนั้นก็พูดกับเมิ่งเข่อเฟยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ขอบคุณเธอนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่นา”
หลังจากเลือกตำแหน่งเตียงได้แล้ว ก็เริ่มทำความสะอาดภายในหอพัก ยู่ฉือยี่ซูกับจงฉู่เฟิงถึงแม้ทั้งสองคนจะเป็นผู้ชาย แต่พอเริ่มทำงานกลับขะมักเขม้นมาก ทำให้ทำความสะอาดเสร็จลงอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวทั้งสองคนรับผิดชอบจัดเตียง
ตอนที่ทำความสะอาดไปได้ครึ่งหนึ่ง เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนก็มาถึง
ทั้งสองคนนี้มาด้วยกัน เป็นเด็กสาวรูปร่างผอมสูงสองคน แต่งตัวทันสมัย ผิวขาวเรียบเนียน ทั้งสองคนเดินเข้ามาในหอพักด้วยกัน ด้านหลังตามมาด้วยชายหนุ่มสองสามคนที่ช่วยขนสัมภาระเข้ามา
ตอนที่เด็กสาวทั้งสองคนเข้ามานั้นก็ไม่คิดว่าจะมีคนที่มาถึงเร็วกว่าพวกเธอ พอพบว่าในหอพักถูกจัดการไปพอสมควรแล้ว ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
“สวัสดี”
พอเมิ่งเข่อเฟยพบว่ามีคนมา ก็รีบลงจากเตียงชั้นบนมาทักทายทันที
เด็กสาวทั้งสองคนมองดูท่าทางซื่อบื้อของเธอ ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ไปสนใจเธอ
“พวกเธอเลือกตำแหน่งเตียงกันแล้วเหรอ ทำไมไม่รอให้พวกเรามาถึงก่อนแล้วค่อยตกลงกันล่ะ ?”
เพราะคำนึงถึงว่าในอนาคตจะต้องเป็นเพื่อนร่วมหอพักกัน ดังนั้นพวกจงฉู่เฟิงก็เลยช่วยเก็บกวาดเตียงอีกด้านด้วย ตอนนี้ทั้งสองคนยังซักผ้าขี้ริ้วอยู่ในห้องน้ำอยู่เลย
พอได้ยินเสียงเข้า ยู่ฉือยี่ซูกับจงฉู่เฟิงทั้งสองคนก็มองตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกัน
ส่วนสูงและรูปร่างหน้าตาของทั้งสองคนนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะยู่ฉือยี่ซู ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นผู้ใหญ่วัยยี่สิบปีแล้ว แต่ใบหน้ากลับยังอ่อนเยาว์ ดูแล้วเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดทั้งสองคน
เด็กสาวทั้งสองคนเดิมทีทำหน้าไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้พอเห็นยู่ฉือยี่ซูแล้ว ต่างก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาก็มีประกายตื่นตะลึงวาบผ่าน
หล่อมากเลย
“มีอะไรเหรอ ?”
ยู่ฉือยี่ซูเอ่ยปากถามขึ้น หลังจากเป็นผู้ใหญ่แล้วน้ำเสียงของเขาก็เริ่มทุ้มต่ำ เป็นเสียงแหบพร่าที่น่าดึงดูด
เมิ่งเข่อเฟยกำลังจะพูด แต่หนึ่งในเด็กสาวสองคนนั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เห็นว่าพวกเขาสองคนเลือกตำแหน่งเตียงกันเสร็จแล้ว ก็เลยถามคำหนึ่ง ต่อจากนี้ทุกคนก็คือเพื่อนร่วมหอพักกันแล้ว ถามแค่ไม่กี่ประโยคคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม”
“ใช่แล้วล่ะ ในเมื่อพวกเธอเลือกตำแหน่งเตียงกันเสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เลือกฝั่งนี้ก็แล้วกัน”
“พวกเธอช่วยทำความสะอาดหอพักแล้วสินะ ขอบคุณพวกเธอด้วยนะ”
หลังจากชายหนุ่มทั้งสองคนเดินออกมาท่าทีของเด็กสาวทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เห็นแล้วเมิ่งเข่อเฟยก็รู้สึกประหลาดใจมาก สีหน้าไม่ค่อยดี เหมือนกลืนแมลงวันลงคออย่างไรอย่างนั้น
ทั้งๆที่หนึ่งวินาทีก่อนหน้านี้ยังใช้น้ำเสียงหยิ่งยโสถามพวกเธออยู่เลย แต่ตอนนี้ทำท่าทางเป็นมิตร และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาก
เมิ่งเข่อเฟยแอบเหลือบมองยู่ฉือยี่ซูทีหนึ่ง ก็หล่อจริงๆนั่นแหละ แต่สีหน้านั่นก็เปลี่ยนเร็วเกินไปแล้ว
เธอแอบถอนหายใจเบาๆในใจ แล้วมองไปทางถางหยวนหยวน เห็นได้ชัดว่ายังทำสีหน้าท่าทางเหมือนคนนอกอยู่เหมือนเดิม บนใบหน้าดูมึนงงเล็กน้อย หลังจากได้ยินหญิงสาวพูดขอบคุณแล้ว บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก จากนี้ไปทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมพอพักกันแล้ว พวกพี่ชายฉันก็แค่ไม่มีอะไรทำ”
พอได้ยินแบบนั้น เด็กสาวทั้งสองคนก็กวาดตามามองเธอทีหนึ่ง “นี่คือพี่ชายของเธอเหรอ ?”
“อืม” ถางหยวนหยวนพยักหน้า
“พี่ชายเธอดีกับเธอจังเลยนะ มาช่วยเก็บกวาดหอพักให้เธอด้วย พวกเราคงไม่มีหรอก”
“จริงด้วย น่าอิจฉาจังเลย”
ท่าทีของเด็กสาวทั้งสองที่มีต่อถางหยวนหยวนนั้นเริ่มสนิทสนมขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มพวกนั้นที่ก่อนหน้านี้ช่วยพวกเธอทั้งสองคนขนสัมภาระเข้ามานั้นกลิ่นเหงื่อเต็มตัว พอเข้าไปในห้องก็เริ่มบ่นพึมพำ “ร้อนชะมัดเลย”
พอพวกเขาเข้ามาในห้องได้ไม่นาน ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเหงื่อ
หญิงสาวทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ แล้วทักทายถางหยวนหยวน
“ใช่แล้ว เธอชื่ออะไรเหรอ ?”
“ฉันชื่อถางหยวนหยวน นี่คือเพื่อสนิทฉันเมิ่งเข่อเฟย”
เมิ่งเข่อเฟยคิดไม่ถึงว่าถางหยวนหยวนจะดึงเธอไปแนะนำให้รู้จักด้วย เลยทำได้แค่ยิ้มบางๆให้หญิงสาวทั้งสอง “สวัสดี”
“ฉันชื่อจางเสี่ยวลู่”
“ฉันชื่อหยวนเย่าหัน พวกเราทั้งสองคนเป็นนักเรียนนาฏศิลป์”
เด็กสาวทั้งสี่คนก็เลยรู้จักกันด้วยประการฉะนี้ ยู่ฉือยี่ซูเห็นว่าเก็บกวาดไปพอสมควรแล้ว ก็ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ แล้วพูดกับจงฉู่เฟิงว่า “ต้องกลับแล้ว”
จงฉู่เฟิงพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปพูดว่า “พวกน้องสาว พวกพี่ชายต้องไปแล้ว”
ถางหยวนหยวนเผยสีหน้าน่าเสียดายออกมา แล้วมองไปทางยู่ฉือยี่ซู “พี่คะ ?”
ยู่ฉือยี่ซูเดินไปข้างถางหยวนหยวน ยื่นมือไปลูบศีรษะเธอ “พี่ชายยังมีธุระที่โรงเรียนอีก เธอจัดของหมดแล้วใช่ไหม ?”
“อืม”
ยู่ฉือยี่ซูมองดูผิวขาวอมชมพูของเด็กสาว แล้วจู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ “พรุ่งนี้ต้องเข้ารับการฝึกทหาร เธอซื้อครีมกันแดดหรือยัง ?”
“ครีมกันแดด ?” ถางหยวนหยวนกะพริบตาปริบๆ “เหมือนว่าจะลืมไป…..”
ปกติเธอไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องพวกนี้
พอพูดจบ ก็ถูกยู่ฉือยี่ซูเขกศีรษะไปหนึ่งที “ทำไมเรื่องแบบนี้ก็ลืมได้ ?”