บทที่1555 การฝึก
การข่มขู่ในคำพูดนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
ไฟโกรธในแววตาของเมิ่งเข่อเฟยหายไปอย่างหมดสิ้น เธอไม่เหมือนคนอื่น พ่อแม่ของเธอนั้นเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา พ่อแม่มักจะต้องไปทำงานต่างถิ่นเป็นประจำ ที่บ้านมักจะมีเธออยู่ตัวคนเดียวบ่อยๆ
สถานการณ์แบบนี้ เธอแทบไม่มีเงื่อนไขใดๆที่จะใช้ต่อต้านพวกเขาได้เลย
“ฉันไม่เป็นไร”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี อย่าให้พวกเราต้องเป็นห่วงสิ”
จากนั้นยู่ฉือยี่ซูก็พาเด็กสาวทั้งสี่คนไปที่ร้านบะหมี่ร้านหนึ่งที่อยู่หน้าโรงเรียน ด้านในมีคนอยู่ไม่น้อย คนกลุ่มใหญ่พูดคุยเจี๊ยวจ๊าว เสียงดังจนทำให้เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
มองดูเด็กสาวสี่คนนั่งอยู่ตรงหน้า จู่ๆยู่ฉือยี่ซูก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา เขาน่าจะพาจงฉู่เฟิงมาด้วย
ต่อหน้าสถานการณ์แบบนี้ จงฉู่เฟิงถนัดรับมือและจัดการเป็นที่สุด
“พี่คะ ทำไมพี่ไม่กินล่ะ” พอถางหยวนหยวนทานไปกว่าครึ่งแล้ว ก็พบว่ายู่ฉือยี่ซูแทบจะไม่ได้แตะต้องชามที่วางอยู่ตรงหน้าเลย เขาดื่มน้ำซุปเข้าไปไม่กี่คำจากนั้นก็พูดว่า “ไม่ค่อยหิว”
“ห๊ะ ถ้าพี่ไม่กินก็สิ้นเปลืองแย่เลย”
ยู่ฉือยี่ซูดันบะหมี่เนื้อไปตรงหน้าเธอ “ให้เธอ”
ถางหยวนหยวนกะพริบตาปริบๆ “จริงเหรอคะ”
“อืม”
“ขอบคุณค่ะพี่!”
ถางหยวนหยวนจัดการบะหมี่เนื้อชามหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทานส่วนของยู่ฉือยี่ซูต่ออีกชามหนึ่ง
ส่วนจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เพราะน้ำมันที่ลอยอยู่บนบะหมี่เนื้อนั้นทำให้พวกเขาต้องชะงัก พวกเขาทั้งสองคนนั้นเป็นนักเรียนนาฏศิลป์ ดังนั้นจึงใส่ใจเรื่องรูปร่างของตัวเองมาก บะหมี่น้ำแบบนี้ปกติแล้วพวกเธอไม่กล้าดื่มมากด้วยซ้ำ โดยเฉพาะตอนนี้ยังเป็นกลางคืนด้วย
น้ำหนักกรัมสองกรัมสำหรับพวกเขาแล้วถือว่าเป็นหายนะ
ดังนั้นพอเห็นว่าถางหยวนหยวนทานบะหมี่เนื้อเข้าไปสองชาม แล้วมองดูรูปร่างอ้วนกลมของเธอ ในแววตาของทั้งสองคนก็เลยฉายแววดูถูกดูแคลนออกมา
ถางหยวนหยวนคนนี้อ้วนเป็นหมูแล้วยังไม่รู้จักดูตัวเองอีก ถ้าไม่เห็นแก่ยู่ฉือยี่ซูแล้ว ก็ไม่คิดจะเดินกับผู้หญิงแบบนี้เลยจริงๆ
ที่สำคัญก็คือ พวกเขาเองก็อยากจะทานอาหาร แต่ปกติทุกคนต่างก็ไม่ทานก็เลยไม่รู้สึกว่าไม่เท่าเทียม ตอนนี้พอเห็นคนอื่นซดบะหมี่ซดน้ำซุปเข้มข้นอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมนั้นลอยเข้าจมูก พยาธิที่อยู่ในกระเพาะของพวกเขาก็เริ่มทำงานขึ้นมา
ก็คือ อยากทานมาก แต่พอคิดถึงรูปร่างของตัวเอง ก็ทำได้แค่กลืนน้ำลาย
ถางหยวนหยวนทานไปชามหนึ่ง จากนั้นก็ต่ออีกชามหนึ่ง สุดท้ายจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันก็อดใจไม่ไหวจนทานเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
พอพวกเขารู้ตัวอีกที ชามที่อยู่ตรงหน้าก็ว่างเปล่าเสียแล้ว
พอเด็กสาวทั้งสี่คนทานจนอิ่มแล้ว ยู่ฉือยี่ซูก็ไปเช็กบิลเรียบร้อยแล้ว ถางหยวนหยวนพูดอย่างเกรงใจเล็กน้อยว่า “พี่ชายบอกว่าให้หยวนหยวนเลี้ยงข้าวไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมตัวเองถึงไปเช็กบิลล่ะ”
“ยัยเด็กบื้อ พี่ชายจ่ายเงินเลี้ยงเธอก็เหมือนกันแหละ กินอิ่มแล้วใช่ไหม”
“อืม”
“กลับไปแล้วก็เดินหน่อย แล้วก็รีบพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องฝึกทหารแล้ว ใช่ไหม?”
ถางหยวนหยวนพยักหน้า “ค่ะ”
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันเช็ดปาก สุดท้ายก็พูดกับยู่ฉือยี่ซูอย่างสุภาพเรียบร้อยว่า “ขอบคุณคุณพี่ชายมากนะคะที่เลี้ยงมื้อค่ำพวกเรา ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสขอพวกเราเลี้ยงคืนบ้างนะคะ”
“ใช่แล้วค่ะ พี่ชายของหยวนหยวนจะให้เบอร์ติดต่อกับพวกเราหน่อยได้ไหมคะ”
ยู่ฉือยี่ซูกวาดสายตาเฉยชาไปมองเด็กสาวทั้งสองคนทีหนึ่ง ไม่ได้รับคำ เด็กสาวทั้งสองเลยทำได้แค่หยุดปากลง
“กลับไปเถอะ” ยู่ฉือยี่ซูลูบหลังศีรษะของถางหยวนหยวน
“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับไปก่อนนะคะพี่ พี่กลับไปก็ระวังตัวด้วยนะคะ”
จากนั้นเด็กสาวทั้งสี่คนก็กลับไปที่หอพัก จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันเพราะว่าทานบะหมี่เนื้อเข้าไปชามหนึ่ง ดังนั้นก็เลยรู้สึกผิดและเตรียมจะออกกำลังกายในหอพัก พอหันหน้าไปก็พบว่าถางหยวนหยวนนอนพุงกางอยู่บนเตียงแล้ว ในสายตามีแววดูถูกดูแคลนวาบผ่านจากนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ความดูถูกนั้นก็เลยหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นห่วยใย
“หยวนหยวน เธอเพิ่งกินอิ่มมาก็นอน จะไม่ออกกำลังกายหน่อยเหรอ”
“ออกกำลังกาย ?” ถางหยวนหยวนส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปต้องเริ่มฝึกทหารแล้ว ต่อจากนี้หนึ่งอาทิตย์จะต้องเหนื่อยมาก ฉันจะพักผ่อนให้เต็มที่ก่อน”
พอได้ยินแบบนั้น จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันที่ฟังแล้ว เดิมทีแขนที่พร้อมจะออกกำลังกายเต็มที่ก็สูญเสียเรี่ยวแรงไปในทันที เดิมทีพวกเขากลัวว่าจะอ้วนขึ้นเพราะทานบะหมี่เนื้อชามใหญ่ขนาดนี้เข้าไป แต่พอคิดว่าหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้จะต้องฝึกซ้อมทุกวัน ก็ทิ้งตัวลงนอนตามทันที
“เธอพูดถูกแล้ว ถึงเวลาฝึกหนึ่งอาทิตย์ น่าจะผอมลงหลายกรัมเลย ตอนนี้จำเป็นต้องพักผ่อนจริงๆ”
สุดท้ายเด็กสาวทั้งสี่จึงทิ้งตัวนอนราบ ผ่านไม่ไม่นาน ต่างก็หลับไป
วันต่อมา ในที่สุดก็ถึงวันฝึกทหาร
แสงแดดเปรี้ยงปร้าง เด็กสาวกลุ่มหนึ่งถูกแดดเผาจนเหงื่ออาบไปทั่วหลัง ผมที่เปียกเกาะติดบนใบหน้า เปียกโชกไปหมด ตอนแรกนั้นเด็กสาวก็ยังรักษาภาพพจน์อยู่ แต่หลังๆก็เริ่มไม่สนใจภาพพจน์ใดๆอีก
ปีนี้อากาศร้อนเป็นพิเศษ แสดงอาทิตย์เองก็ร้อนแรงมาก
ถางหยวนหยวนกับเมิ่งเข่อเฟยยืนอยู่ด้านข้าง
เมิ่งเข่อเฟยเอ่ยถามถางหยวนหยวนเสียงเบาว่า “หยวนหยวน เธอทาครีมกันแดดแล้วใช่ไหม”
“อืมๆ ทามาแล้ว”
ถางหยวนหยวนพยักหน้า นั่นเป็นของที่พี่ชายเธอเอามาส่งให้เธอถึงโรงเรียน พี่ยี่ซูกลัวว่าเธอจะถูกแดดเผา ดังนั้นก่อนออกจากห้องเธอจึงทาอย่างตั้งใจแล้ว
“ทำไมเธอถึงไม่มีเหงื่อล่ะ”
เมิ่งเข่อเฟยมองดูถางหยวนหยวนทีหนึ่ง แล้วพบว่าผมของเธอยังแห้งสนิทอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมา เพราะว่าด้านหลังของเธอนั้นเปียกไปหมดแล้ว คิดว่าผมเองก็คงจะเปียกเป็นก้อนไปตั้งนานแล้ว
ถางหยวนหยวนกะพริบตาเบาๆ “ฉันเหงื่อออกน้อยมาตั้งแต่เด็กแล้ว เฟยเฟยเธอลืมไปแล้วเหรอ”
“ก็จริง ฉันรู้ว่าเธอไม่ค่อยมีเหงื่อ แต่ว่าขนาดอากาศแบบนี้เหงื่อเธอก็ยังไม่ไหล ฉันล่ะรู้สึกอิจฉาจริงๆ”
“อย่ามาอิจฉาฉันเลย คุณแม่ฉันบอกแล้วว่า ถ้าเหงื่อไม่ออกจะไม่ดีต่อร่างกาย ถ้าเหงื่อออกจะต้องรู้สึกดีมากแน่ๆ ฉันเองก็อยากเป็นเหมือนพวกเธอ”
น่าเสียดายที่ไม่เคยมีโอกาส แม้ว่าถางหยวนหยวนจะกระโดดโลดเต้นขนาดไหน เหนื่อยจนถึงขีดสุด อย่างมากก็แค่มีเหงื่อซึมที่แผ่นหลังเล็กน้อย แต่ว่าบางคนแค่ขยับเล็กน้อย ก็มีเหงื่อออกมามากมายแล้ว
ผู้หญิงคนอื่นอิจฉาที่เธอเป็นแบบนี้ เพราะว่าแบบนี้ฤดูร้อนบนตัวเธอก็จะไม่มีกลิ่นเหม็นเหงื่อ แต่สำหรับถางหยวนหยวนแล้ว เธอกลับอิจฉาผู้หญิงที่มีเหงื่อ เธอรู้สึกว่าตอนที่เหงื่อโชกตัวนั้น จะต้องรู้สึกสดชื่นมากแน่ๆ
“เฮ้อ ทุกคนต่างก็อิจฉากันและกันสินะ”
พอผ่านการฝึกตลอดวันไปแล้ว ผู้หญิงทั้งกลุ่มต่างก็ร้องโอดครวญกันยกใหญ่ พอกลับไปถึงหอพักก็เหนื่อยจนแทบโงหัวไม่ขึ้น แต่เพราะมีการกำหนดเวลาเลยจำเป็นต้องไปอาบน้ำและเก็บกวาด แต่ก็มีคนที่เหนื่อยจนถึงขีดสุด ขนาดน้ำก็ไม่อยากอาบ เลยทำลายตัวเองด้วยการทิ้งตัวลงบนเตียง ปล่อยให้กลิ่นเหงื่อปกคลุมไปทั่วร่างกาย
เมิ่งเข่อเฟยก็คือหนึ่งในนั้น เธอเหนื่อยจนไม่อยากลุกขึ้น แต่สภาพของถางหยวนหยวนกลับดีกว่าเธอเล็กน้อย เลยพูดกล่อมเธอว่า “รีบลุกขึ้นมาเถอะ พวกเราไปอาบน้ำกันก่อน อาบน้ำให้สบายตัว แล้วค่อยกลับมานอนสิ”
“หยวนหยวน ตอนกลางคืนพวกเรายังมีกิจกรรมอีกนะ ฉันไม่อยากลุกขึ้น เธอปล่อยให้ฉันนอนอีกหน่อยเถอะ”
เมิ่งเข่อเฟยผลักมือของถางหยวนหยวนออก พลิกตัวแล้วก็ปิดตาหลับต่อ
“เฟยเฟย ถ้าเธอไม่อาบตอนนี้ล่ะก็ ถึงตอนนั้นตัวเธอก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเหงื่อ พอผู้ชายพวกนั้นได้กลิ่นเข้า จะต้องรังเกียจเธอแน่”