บทที่1556 ของหายไป
พอได้ยินแบบนั้น เมิ่งเข่อเฟยก็พลิกตัวกลับมามองเธอด้วยความเจ็บปวด
“ไปกันเถอะ รีบลุกขึ้นมา”
ภายใต้การคะยั้นคะยอของถางหยวนหยวนสุดท้ายเมิ่งเข่อเฟยก็ยอมลุกขึ้น แล้วตามเธอไปอาบน้ำ
พอเสร็จสิ้นกิจกรรมช่วงกลางคืน หลังจากกลับมาแล้วถางหยวนหยวนก็เหนื่อยจนหลับไป ส่วนเมิ่งเข่อเฟยนั้นย่ำแย่ เพราะเธอพบว่าหลังจากตัวเองอาบน้ำแล้ว กลางคืนก็เหงื่อไหลอีกรอบ แต่สิ่งที่ถือเป็นโชคดีก็คือเตียงนอนของเธอกับถางหยวนหยวนอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ดังนั้นกลิ่นก็เลยไม่ค่อยไปรบกวนคนอื่น
การฝึกทหารวันที่สี่ เด็กสาวส่วนใหญ่ต่างก็ถูกแดดเผาจนผิวดำ ถึงแม้จะใช้ครีมกันแดดแล้ว แต่ส่วนที่ควรดำก็ยังคงดำ เมิ่งเข่อเฟยเองก็คือหนึ่งในนั้น เธอรู้สึกว่าตัวเองตั้งใจทาครีมกันแดดมาโดยตลอด แต่ก็ปรากฏว่าผิวก็ยังดำอย่างช่วยไม่ได้
แต่ว่าพอหันไปมองถางหยวนหยวนที่อยู่ข้างๆเธอ หลายวันมานี้เธอกลับไม่ดำลงเลย ตอนที่ร้อนก็แค่ผิวขาวอมชมพูเล็กน้อย ทั้งๆที่เดิมทีพอแดงแล้วก็ควรดำ แต่ผิวของถางหยวนหยวนกลับยังเหมือนเดิม
“ทำไมเธอถึงไม่ดำลงสักนิดเลยล่ะ ?” เมิ่งเข่อเฟยถามอย่างอิจฉาเป็นที่สุด
พอได้ยินแบบนั้น ถางหยวนหยวนก็ตอบอย่างเนิบนาบว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”
เมิ่งเข่อเฟยมองดูท่าทางของเธอ จากนั้นถามอย่างติดตลกว่า “เป็นเพราะครีมกันแดดที่พี่ชายเธอซื้อมาให้ค่อนข้างดีหรือเปล่า ยี่ห้ออะไรเหรอ ?”
จากนั้นถางหยวนหยวนก็บอกยี่ห้อไป เมิ่งเข่อเฟยก็พูดว่า “ก็เหมือนจะเป็นครีมกันแดดธรรมดานี่นา หรือว่าเธอจะเป็นพวกตากแดดยังไงก็ไม่ดำ งั้นพรุ่งนี้เธอห้ามทาครีมกันแดดนะ เป็นพี่น้องกันก็ต้องดำด้วยกัน”
ถางหยวนหยวนมองดูสีผิวของเมิ่งเข่อเฟยอย่างจริงจังทีหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้ารับปากคำขอเธออย่างจริงจังด้วย
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะไม่ทาครีมกันแดด จะดำไปด้วยกันกับเธอ”
เมิ่งเข่อเฟยคิดไม่ถึงว่าเธอจะรับปากจริงๆ เลยหัวเราะเธอแล้วพูดว่า “เธอน่าแสนเชื่องจริงๆ ฉันแค่ล้อเล่น ผิวเธอนุ่มขนาดนี้ ถึงเวลาอย่าถูกแดดเผาจนได้แผลล่ะ พี่ชายเธอกำชับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ที่พูดมาก็เหมือนจะใช่นะ”
ปรากฏว่าวันที่สองตอนที่จะออกไป ถางหยวนหยวนก็เตรียมจะทาครีมกันแดด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หาครีมกันแดดที่พี่ชายเธอซื้อมาให้ไม่เจอ เธอหาครบทุกมุมแล้วก็ยังหาไม่เจอ
“เป็นอะไรไป ?” เมิ่งเข่อเฟยเห็นเธอค้นหาอยู่นาน ก็เลยถามขึ้นคำหนึ่ง
“เฟยเฟย ครีมกันแดดของฉันหายไป” ถางหยวนหยวนพูดอย่างหดหู่คำหนึ่ง จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เธอว่าสวรรค์จงใจให้ฉันหาครีมกันแดดไม่เจอหรือเปล่า จะได้ให้ฉันดำเป็นเพื่อนเธอไง”
พอได้ยินแบบนั้น บนใบหน้าของเมิ่งเข่อเฟยก็ปรากฏสีหน้าแปลกประหลาด “หายไป ทำไมถึงหายไปล่ะ เธอหาอย่างจริงจังแล้วหรือยัง ?”
พอพูดจบเมิ่งเข่อเฟยก็นั่งลงข้างถางหยวนหยวนแล้วช่วยเธอตามหาครีมกันแดด แต่ว่าหาในกระเป๋าอย่างไรก็หาไม่เจอ “ก่อนหน้านี้เธอก็วางไว้ตรงนี้ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ”
“อืม ในกระเป๋าขวดหนึ่ง ใต้หมอนขวดหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆอยู่เลย แต่ว่าทำไมถึงหายไปนะ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันไม่ทาก็แล้วกัน”
“แบบนั้นไม่ได้หรอก” เมิ่งเข่อเฟยส่ายหน้า “หายไปแล้วก็คือหายไปแล้ว เธอใช้ของฉันแล้วกัน”
จากนั้นเมิ่งเข่อเฟยก็หันไปหยิบครีมกันแดดของเธอออกมาให้ถางหยวนหยวน
“ขอบใจนะเฟยเฟย ถ้าไม่มีเธอฉันจะทำยังไงดี”
จากนั้นถางหยวนหยวนก็ใช้ครีมกันแดดที่เมิ่งเข่อเฟยให้ ตอนที่ทั้งสองคนออกไปก็เจอกับจางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันเข้าพอดี สองคนนี้ก็ดำเหมือนกัน ตอนที่เห็นถางหยวนหยวนเดินมา ก็รู้สึกเจ็บปวดมาก
“ทำไมเธอถึงไม่ดำล่ะ”
“นั่นสิ หยวนหยวน ทำไมเธอถึงยังขาวแบบนี้ เป็นเพราะครีมกันแดดที่พี่ชายเธอซื้อมาให้ค่อนข้างดีหรือเปล่า เอาออกมาให้พวกเราใช้บ้างสิ”
ถางหยวนหยวนพูดออกไปว่า ครีมกันแดดที่พี่ชายเธอซื้อมาให้หายไปแล้ว จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันก็ทำหน้าไม่พอใจออกมา “หยวนหยวน อย่าขี้งกแบบนั้นสิ พี่ชายเธอซื้อมาให้เยอะเลยไม่ใช่เหรอ นี่ก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว แบ่งให้พวกเราใช้สักหน่อยสิ”
“ขอโทษจริงๆนะ ครีมกันแดดของฉันหายไปแล้วจริงๆ”
เมิ่งเข่อเฟยเดินหน้าไปปกป้องถางหยวนหยวน “บอกว่าหายไปแล้วก็คือหายไปแล้วสิ อีกอย่างของอย่างครีมกันแดดมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก ที่พวกเธอดำมันก็เป็นปัญหาของตัวพวกเธอเอง ไม่ว่าจะใช้ครีมกันแดดแบบไหนก็แก้ไขไม่ได้หรอก”
กับถางหยวนหยวน สองคนนี้เห็นแก่หน้าพี่ชายเธอก็เลยทำดีกับเธอหน่อย ถึงแม้จะไม่ชอบก็ไม่พูดจาไม่ดีใส่ แต่กับเมิ่งเข่อเฟยนั้นไม่เหมือนกัน
เธอไม่เพียงจะไม่มีพี่ชาย ฐานะทางบ้านก็ไม่ดี ในสายตาของจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันนั้นก็เป็นแค่เศษผง แบบไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย ดังนั้นพอเมิ่งเข่อเฟยออกหน้าแทนถางหยวนหยวนในสายตาของพวกเขาสองคนนั้นก็ดูเป็นเรื่องตลก
ทั้งสองคนเหลือบไปมองเมิ่งเข่อเฟยทีหนึ่ง และจางเสี่ยวลู่ก็เดินหน้าเข้ามา “พวกเรากำลังคุยกับหยวนหยวนอยู่ เธอมาเสนอหน้าทำไม”
ถางหยวนหยวนรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มไม่ปกติ ก็เลยเดินหน้าเข้าไปพูดอย่างลนลานว่า “พวกเธอไม่ต้องพูดแล้ว ครีมกันแดดหายไปแล้วจริงๆ ถ้าหากหาเจอฉันคงไม่มีทางไม่ให้พวกเธอใช้หรอก ที่ฉันใช้วันนี้ก็เป็นครีมกันแดดที่เข่อเฟยให้ฉันมา”
“อยู่ดีๆทำไมถึงหายไปได้ล่ะ” จางเสี่ยวลู่หัวเราะเสียงเย็นออกมาทีหนึ่ง “หรือว่าในหอพักจะมีขโมย ไปรายงานอาจารย์ผู้สอนให้มาช่วยจับขโมยเลยดีไหม”
หยวนเย่าหันเองก็พูดตามน้ำด้วย “นั่นสิ ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ จู่ๆก็มีขโมยโผล่มา ก่อนหน้านี้พวกเราไม่มาขอยืมใช้ครีมกันแดด ก็ไม่เห็นว่าในหอพักจะมีขโมยเลยนี่”
ตอนที่ทั้งสองคนพูดจานั้นดูแปลกประหลาดมาก ทำให้เมิ่งเข่อเฟยโกรธจนทนไม่ไหว “พวกเธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง ครีมกันแดดหายไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่หยวนหยวนจงใจไม่ให้พวกเธอใช้สักหน่อย ถ้าพวกเธอไม่เชื่อละก็ไปค้นกระเป๋าหยวนหยวนดูเองสิ”
ถางหยวนหยวนไม่พูดจา ถือว่าตกลงแล้ว
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันมองตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปใกล้แล้วถามเสียงเบาว่า “หายไปแล้วจริงๆเหรอ หรือว่าถูกขโมยไป ?”
ถางหยวนหยวนพยักหน้า “ใช่ ฉันหาอยู่นานก็หาไม่เจอ หายไปแล้ว”
“คิดว่าน่าจะโดนขโมยไป”
เมิ่งเข่อเฟยเผยสีหน้าไม่เข้าใจออกมา “ใครมันจะไร้สาระขนาดนั้น ขโมยครีมกันแดดสองขวด ?”
“คนไร้สาระมีเยอะแยะไป ช่วงนี้ทุกคนต่างก็โดนแดดเผาจนดำกันหมด มีแต่เธอที่ไม่ดำ ไม่แน่ว่าอาจจะเพราะอิจฉาริษยา เลยมาขโมยครีมกันแดดเธอไป ให้เธอไม่มีใช้ จะได้ดำเหมือนทุกคนไง”
“ใช่แล้ว น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่ว่าเมื่อวานเธอก็ยังใช้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ เวลาเพียงวันเดียว ตอนเธอกลับมามีใครสามารถเปิดกระเป๋าเธอได้อีก น่าจะมีคนเห็นถึงจะถูกสิ”
พอพูดถึงตรงนี้ จางเสี่ยวลู่ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วจู่ๆก็หันไปทางเมิ่งเข่อเฟย “เมิ่งเข่อเฟย คงไม่ใช่ว่าเธออิจฉาที่ถางหยวนหยวนไม่โดนแดดเผาจนดำ เลยไปขโมยครีมกันแดดของเขาหรอกใช่ไหม”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเมิ่งเข่อเฟยก็เปลี่ยนไปทันที
ถางหยวนหยวนรีบพูดแก้ต่างแทนเมิ่งเข่อเฟยทันที
“เป็นไปไม่ได้ เฟยเฟยไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ พวกเธออย่าไปสงสัยเขาเลย”
“หยวนหยวน ครีมกันแดดของเธอหายไป นอกจากเธอแล้วคนในหอพักก็น่าสงสัยทั้งนั้น ดังนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะไม่สงสัยเขา”
เมิ่งเข่อเฟยเดินออกมาพูด “ในเมื่อทุกคนก็น่าสงสัย งั้นพวกเธอสองคนก็คงหนีไม่พ้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพวกเธอที่อิจฉาหยวนหยวน”
“ยัยบ้านี่พูดจาบ้าบออะไร”
“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ”
เพี้ย!
จางเสี่ยวลู่ตบหน้าเมิ่งเข่อเฟยเข้าฉาดหนึ่ง “ครีมกันแดดของฉันเยอะแยะขนาดนั้น ฉันจะไปขโมยของเขาทำไม”