บทที่ 1577 ความรุนแรงในสถานศึกษา
เหลวไหล?
มีคำพูดเหลวไหลมากมายที่พูดออกมา จริงๆแล้วล้วนแต่เป็นความจริง
แม้คนเราอาจจะพูดโดยไม่ทันคิด แต่ถ้าเป็นคำพูดที่ไม่เคยคิดมาก่อน ตอนนั้นจะหลุดปากออกมาได้อย่างไร?
แค่อยู่ในสมอง ก็จริงที่สุดแล้ว
“พี่ซู ฉันขอโทษนายได้ไหม แล้วก็รับปากเลยว่าต่อไปจะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้ว ไม่สิ เมื่อวานฉันก็ไม่ได้พูด”
ยู่ฉือยี่ซูกลับมองเขาเงียบๆ เม้มปาก
จงฉู่เฟิงไม่รู้จะพูดอะไรอีก อันที่จริงเมื่อวานแค่พูดคำนั้นออกไปก็เสียใจขึ้นมาทันที เสียใจจริงๆ ถ้าความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ของทั้งสองคน โดนเขาพูดอย่างนั้น ก็คงเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีจริงๆ ตอนนี้จงฉู่เฟิงอยากจะกัดลิ้นของตนเองให้ขาดไปเลย ทำไมถึงพูดไม่คิดอย่างนั้นออกไปได้
“พี่ซู ฉัน……”
ยู่ฉือยี่ซูไม่ได้พูดอะไรอีก ลุกขึ้นเงียบๆแล้วเดินออกไปข้างนอก
จงฉู่เฟิงถอนหายใจ อยากจะตีตนเองให้ตายไปเลยจริงๆ
ส่วนวันนี้เมิ่งเข่อเฟยน่าเวทนามาก
ตอนที่เธอเตรียมตัวไปห้องสมุดตั้งแต่เช้าตรู่ ก็โดนจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันพาคนมาขวางทางเอาไว้ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ รวมกับถนนสายนี้ปกติก็ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้ว เมิ่งเข่อเฟยแค่เห็นอีกฝ่ายมีคนเยอะขนาดนั้น ในใจก็รู้สึกไม่ดีทันที รีบหันตัวจะเดินออกไป
คนที่จางเสี่ยวลู่พามารีบเข้าไปขวางทางของเมิ่งเข่อเฟยเอาไว้
“พวกเธอจะทำอะไร?” เมิ่งเข่อเฟยกอดหนังสือที่อยู่ในมือแน่น แสร้งถามอย่างใจเย็น
จางเสี่ยวลู่กอดอก แล้วก้าวเข้าไปใกล้ๆทันที พูดเย้ยหยัน : “ก่อนถามคนอื่นว่าจะทำอะไร ต้องคิดก่อนนะว่าตัวเองทำอะไรหรือพูดอะไรไป?”
เมิ่งเข่อเฟย : “?”
“เธอพูดอย่างนี้หมายความว่าไง? ฉันพูดอะไร?”
จางเสี่ยวลู่ก้าวเข้าไปใกล้ๆด้วยความหงุดหงิด จับคางของเมิ่งเข่อเฟยเอาไว้ทันที เตือนเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ : “เมิ่งเข่อเฟยแกแกล้งโง่กับฉันงั้นเหรอ? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วสิ ถึงไม่กล้ายอมรับ? ปกติตอนที่พูดจาเหลวไหลต่อหน้าหยวนหยวน ทำไมไม่คิดๆดูบ้างล่ะว่าตัวเองจะมีวันนี้?”
หยวนหยวน?
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับหยวนหยวนอีก?”
ช่วงนี้เธอเอาแต่มุมานะตั้งใจเรียน ในทุกๆวันถ้าไม่ได้อยู่ห้องสมุด ก็อยู่ระหว่างทางที่ไปห้องสมุด ไม่ได้อยู่กับหยวนหยวนมากมายอยู่แล้ว แม้แต่กินปิ้งย่างเธอก็ไม่ได้ไป
“แกคิดว่าไงล่ะ?” จางเสี่ยวลู่โน้มตัวลงมา หรี่สายตาที่แสนอันตรายมองเธอ “ก่อนหน้านี้ฉันเตือนแกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่ามาขวางทางฉัน ไม่งั้นฉันจะทำให้แกไม่รู้ว่าตัวเองตายยังไง แต่แก……” เธอตบแก้มซีดขาวเบาๆ ยิ้มเยาะ : “แต่ทำไมแกถึงไม่เชื่อฟังเลยล่ะ? พูดจาเลวร้ายขนาดนี้ ต้องไปพูดต่อหน้าหยวนหยวนด้วย ทำไม คิดว่ากำจัดพวกฉันสองคนที่เป็นคนอื่นแล้ว พี่ชายของเธอจะชอบแกงั้นเหรอ ใช่ไหมล่ะ?”
ฟังแล้ว สีหน้าเมิ่งเข่อเฟยก็เปลี่ยนไป “เธอพูดเหลวไหลอะไร?”
“อย่าคิดว่าฉันจะมองแผนการสกปรกในใจแกไม่ออก เห็นๆอยู่ว่ามีใจ แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่มี ห่อหุ้มตัวเองจนกลายเป็นดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ที่ไม่มีจุดด่างพร้อย น้องสาว คนอย่างแกน่ะฉันเห็นมาเยอะแล้ว”
พูดจบจางเสี่ยวลู่ก็ผลักร่างของเธอลงไปบนพื้นอย่างแรง หยวนเย่าหันที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นด้วยความรำคาญ : “จะจัดการไหมเนี่ย พูดเหลวไหลเยอะเหลือเกิน?”
หยวนเย่าหันเนื่องจากเรื่องเมื่อวานตอนเย็นจึงยังโมโหอยู่จนถึงตอนนี้ โมโหเป็นพิเศษ ยิ่งเห็นเมิ่งเข่อเฟยก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอทำให้คนหงุดหงิด หลังจากพูดเสร็จก็ยิ่งโมโห เข้าไปใกล้ๆทำให้เมิ่งเข่อเฟยกลายเป็นถังระบายอารมณ์ทันที เตะเธอไปสองทีอย่างรุนแรง
“ฉันให้แกพูดซี้ซั้ว ฉันให้แกพูดเหลวไหล”
เมิ่งเข่อเฟยโดนเตะไปสองที เจ็บจนอยากเอาคืน เธอดึงขาทั้งคู่ของหยวนเย่าหันเอาไว้ หยวนเย่าหันไม่ทันตั้งตัว จึงล้มลงไปทันที
แล้วเธอก็ร้องออกมา
“พวกแกเป็นคนตายหรือไงห๊ะ ที่เรียกพวกแกมาก็เพื่อมาจัดการมันนะ ยืนโง่ทำอะไรอยู่ล่ะ? จัดการมันสิ!”
หลังจากหยวนเย่าหันออกคำสั่ง คนอื่นๆจึงล้อมเข้ามา เตะต่อยเมิ่งเข่อเฟยทันที
เมิ่งเข่อเฟยตัวคนเดียว สู้พวกเธอไม่ได้อยู่แล้ว แรกเริ่มยังพยายามดิ้นรน แต่ภายหลังเจ็บจนหมดเรี่ยวแรง ทำได้เพียงยื่นมือมาบังหัวตนเองเอาไว้ ขดตัวอยู่
กำปั้นที่นับไม่ถ้วน เท้าที่กระแทกลงมาบนร่างของเธอ ราวกับห่าฝน เจ็บจนทนไม่ไหว
หยวนเย่าหันลงมือเสร็จแล้ว เมื่อระบายอารมณ์จนพอใจ จึงลุกขึ้นแล้วเตะไปที่ท้องของเมิ่งเข่อเฟยอีกที “คราวหน้าถ้ายังพูดจาเหลวไหลต่อหน้าหยวนหยวนอีก ฉันจะฉีกปากแก”
เสียงของเมิ่งเข่อเฟยอ่อนล้า “พวกเธอหมายความ……ว่าอะไรกันแน่?”
“หมายความว่าไง?” จางเสี่ยวลู่หัวเราะเยาะ “ถ้าหยวนหยวนไม่ได้บอกว่าแกเป็นคนพูด พวกเราก็คงไม่รู้หรอก เมิ่งเข่อเฟย พวกเราชอบพี่ชายของหยวนหยวน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะเอามาพูด เข้าใจไหม?”
“แล้วก็ เรื่องวันนี้ถ้าแกกล้าพูดออกไป ก็ระวังแม่ของแกที่โรงงานทอผ้าให้ดีแล้วกัน”
“ไป!”
หลังจากรอให้พวกเธอเดินไป เมิ่งเข่อเฟยนอนอยู่บนสนามหญ้าด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย ข้างกายของเธอเป็นหนังสือที่หล่นกระจัดกระจาย โดนคนพวกนั้นเหยียบจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด เสื้อผ้าบนร่างกายก็ขาด ร่างกายเจ็บปวดจนแทบจะขยับไม่ได้ คนพวกนั้นมืออาชีพมาก พวกเธอไม่ลงมือบนหน้าของเธอเลย ตั้งใจเลือกแต่ตำแหน่งที่มีเสื้อผ้าปกปิดเอาไว้
แล้วที่ท้องของเธอ โดนหยวนเย่าหันเตะไปตั้งกี่ที ตอนนี้เจ็บจนจะขาดใจแล้ว
เมิ่งเข่อเฟยค่อนข้างสิ้นหวัง หยวนหยวนบอกจางเสี่ยวลู่ตามที่พวกเธอบอกว่าตนเองพูดคำพูดพวกนั้นจริงไหม พูดจริงๆหรือว่า จางเสี่ยวลู่แต่งเรื่องกันแน่?
แต่ เพราะอะไรพวกเธอถึงต้องแต่งเรื่อง จางเสี่ยวลู่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาโดยตลอด อยากจะหาเรื่องให้ตนเองไม่ใช่แค่วันสองวัน ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอย่างนี้อยู่แล้ว
นอนอยู่บนพื้นพักใหญ่ เมิ่งเข่อเฟยออกแรงอย่างมากมายที่จะลุกขึ้นมาจากบนพื้น แล้วเก็บหนังสือทีละเล่มๆขึ้นมาใหม่
เธอรู้ว่า ตอนนี้เธอควรจะไปสำนักงานบริหารการศึกษาเพื่อบอกอาจารย์ ความรุนแรงในสถานศึกษาควรจะได้รับความสำคัญอยู่แล้ว แต่สองคนนั้นครอบครัวมีอิทธิพล ไม่นึกว่าจะรู้เรื่องที่แม่ของเธออยู่โรงงานทอผ้า แสดงว่าไม่ให้เธอมีทางหนีทีไล่ได้เลยสินะ
ถ้าเธอบอกอาจารย์ขึ้นมาจริงๆ งั้นแม่ของเธอต้องมีปัญหาแน่ๆ
ครอบครัวยากจนอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เมิ่งเข่อเฟยจะได้เรียนหนังสือ ไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ของเธออีกจริงๆ เธอทนเจ็บฝืนลุกขึ้น แล้วเดินโซซัดโซเซไปข้างหน้า
วันนี้เมิ่งเข่อเฟยนอนอยู่ในหอพักทั้งวัน แค่ทายาไปนิดหน่อย แล้วก็เหนื่อยจนเดินไม่ไหวแล้ว เพราะไม่มีบาดแผลตรงที่มองเห็นได้ ดังนั้นถางหยวนหยวนจึงไม่รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ
เพียงแค่ตอนที่รบกวนถางหยวนหยวนให้ลาอาจารย์ให้เธอ ถางหยวนหยวนก็เป็นห่วงมาก
“เธอเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เฟยเฟย พวกเราไปโรงพยาบาลกันหน่อยไหม?”
โรงพยาบาล? นั่นไม่ใช่สถานที่ที่คนจนอย่างเธอไปได้ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยทนอยู่ที่บ้านเดี๋ยวก็หายแล้ว ดังนั้นเมิ่งเข่อเฟยจึงส่ายหัว เสียงเบาหวิว
“ฉันไม่เป็นไร ประจำเดือนคงใกล้จะมาแล้ว จึงปวดท้องนิดหน่อย”
“อ้อ งั้นฉันจะไปซื้อแผ่นแปะความร้อนมาให้ แล้วก็ชงน้ำตาลทรายแดงอุ่นๆไว้ให้ด้วย!”
“อื้ม ขอบใจนะ”
เมิ่งเข่อเฟยกำลังมองถางหยวนหยวนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ จู่ๆก็เรียกเธอ : “หยวนหยวน”
“ห๊ะ?”
“เธอ ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฉันต่อหน้าจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันหรือเปล่า?”