บทที่ 1578 ทุกข์ใจ
ได้ยินคำถามนี้ ถางหยวนหยวนงงงันเล็กน้อย “ห๊ะ? หมายความว่าไงเหรอ?”
ถางหยวนหยวนมองอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไร” เมิ่งเข่อเฟยส่ายหัว สีหน้าท่าทางซีดเซียวอ่อนล้า “อยู่ๆก็นึกขึ้นได้ จึงถามเธอดู”
แม้ถางหยวนหยวนจะใสซื่อ แต่ไม่ได้โง่ หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นแปลกๆเล็กน้อยทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
วันนั้นที่ไปกินปิ้งย่าง ไม่ได้พาเฟยเฟยไป แต่สองคนนั้นไปกันทั้งคู่ อีกอย่างครั้งที่แล้วที่จางเสี่ยวลู่กับเมิ่งเข่อเฟยทะเลาะกัน ก็ยังไม่คืนดีกันเลย
“ไม่มีหรอก” เมิ่งเข่อเฟยส่ายหน้า “อาจจะเพราะประจำเดือนใกล้มาแล้ว จึงไม่สบายตัวจนทำให้คิดเพ้อเจ้อไปเรื่อย”
“เธออย่าคิดฟุ้งซ่านเลยนะ ฉันจะไปชงน้ำตาลทรายแดงให้”
หลังจากถางหยวนหยวนชงน้ำตาลทรายแดงให้เมิ่งเข่อเฟยแล้ว ยังหาแผ่นแปะความร้อนมาให้เธอด้วย เนื่องจากใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว จึงทำได้เพียงออกไปก่อน
เมิ่งเข่อเฟยอยู่ในหอพักตามลำพัง มองน้ำตาลทรายแดงชามนั้นที่ชงไว้อย่างดีแล้วฝืนยิ้ม สักพักจึงลุกไปยกชามนั้นขึ้นมาดื่ม
บาดแผลบนร่างกายดื่มสิ่งนี้จะดีขึ้นได้อย่างไร จึงถือว่าเป็นการปลอบใจทางจิตวิทยาก็แล้วกัน เมิ่งเข่อเฟยคิด
สุดสัปดาห์นี้ เมิ่งเข่อเฟยไม่ได้กลับบ้านกับถางหยวนหยวน แค่บอกว่าร่างกายยังไม่ค่อยสบาย อยากนอนอย่างเดียว จึงไม่ได้ไปไหนเลย
ดังนั้นถางหยวนหยวนจึงไม่กลับบ้านด้วย ใจกว้างที่จะอยู่หอพักเป็นเพื่อนเธอ
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันเห็นเมิ่งเข่อเฟยไม่กล้าพูดอะไร กี่วันนี้เอาแต่นอนอยู่ในที่ของตนเองเงียบๆ ด้านอาจารย์ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆแพร่ออกมา และท่าทางของถางหยวนหยวนที่มีต่อพวกเธอก็เหมือนเดิม ดังนั้นทั้งสองคนจึงกลับบ้านอย่างสบายใจ
ในหอพักจึงเหลือเพียงแค่ถางหยวนหยวนกับเมิ่งเข่อเฟย
จงฉู่เฟิงก็รอคอยให้ถึงสุดสัปดาห์ อยากจะเจอสาวน้อยคนนั้น แล้วยังเตรียมซื้อขนมมากมายที่เธอชอบกินเอาไว้ให้ แต่ใครจะรู้ไม่นึกว่าสุดสัปดาห์นี้เด็กน้อยนั่นจะไม่กลับบ้าน จงฉู่เฟิงผิดหวังขึ้นมาทันที
ที่น่าแปลกคือ ยู่ฉือยี่ซูก็ไม่ได้พูดเรื่องกลับบ้าน ตั้งแต่หลังจากวันนั้นที่จงฉู่เฟิงพูดจาเหลวไหล สภาพจิตใจของยู่ฉือยี่ซูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ พูดน้อย กินน้อย เรื่องนอนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ในใจของจงฉู่เฟิงละอายใจมาก ด่าตนเองในใจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังชดเชยกับเรื่องนี้ไม่ได้
ดังนั้นสุดสัปดาห์นี้ทั้งสองคนจึงอยู่ที่หอพัก จงฉู่เฟิงนอนไปครึ่งวันถึงจะเอ่ยปากพูดกับยู่ฉือยี่ซู
“คำพูดในวันนั้นไม่ได้เจตนาจริงๆ ฉันมันต่ำทรามถึงได้พูดจาเหลวไหล คนอื่นไม่คิดอย่างนั้นหรอก นายกับน้องหยวนโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวนายดีขนาดนั้น ถ้าสนิทกว่านี้ แม่นายคงรับเธอไว้เป็นลูกสาวแน่ๆ”
ใช่สิ ยู่ฉือยี่ซูตั้งแต่เล็กก็โตมาด้วยกันกับเธอ แล้วยังมีเสี่ยวโต้วหยาอีกคน ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนดีมาโดยตลอด แต่หลังจากวันที่จงฉู่เฟิงพูดคำนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แปลกไป
ความเอ็นดูที่เขามีต่อถางหยวนหยวนราวกับมากเกินกว่าที่เขาเองคาดการณ์เอาไว้ แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไร หยวนหยวนใสซื่อขนาดนั้นก็คงไม่คิดอะไรมาก แต่ในสายตาของคนอื่นล่ะ?
สิ่งที่จงฉู่เฟิงพูด แม้จะพูดโดยไม่เจตนา แต่ถ้ามีคนที่สองคนที่สามคิดเหมือนเขาล่ะ? “คำพูดพวกนี้ อย่าไปพูดต่อหน้าเธอ” ครุ่นคิดอยู่นาน ยู่ฉือยี่ซูจึงตอบกลับไปอย่างเคร่งขรึม
“แน่นอน พี่ซู ต่อให้ตีฉันให้ตายฉันก็จะไม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าน้องหยวน!” เธอบริสุทธิ์ราวกับกระดาษขาว จงฉู่เฟิงไม่มีทางพูดคำพูดที่ต่ำทรามพวกนี้ต่อหน้าเธอเด็ดขาด
“งั้นก็จดจำคำพูดของนายไว้ ต่อไปดูแลปากของตัวเองให้ดี”
“ได้เลยพี่ซู ฉันจะดูแลให้ดี!”
อันที่จริงเรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงของถางหยวนหยวน ดังนั้นจงฉู่เฟิงจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
อีกพักหนึ่ง ยู่ฉือยี่ซูพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ : “หากนายมีความตั้งใจจริงกับเธอ งั้นก็……”
พูดถึงตรงนี้ คำพูดของเขาก็หยุดชะงักเล็กน้อย ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรอยู่ อีกสักพักจึงพูดเพิ่มเติม : “ดีกับเธอหน่อยแล้วกัน ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด รอตอนที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่อยสารภาพความในใจกับเธอ ถ้าเธอไม่ชอบนาย ห้ามบังคับเธอ แล้วก็ห้ามคุกคามเธอด้วย”
ได้รับคำอนุญาตอย่างนี้ จงฉู่เฟิงดีใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมา
“พี่ซู ต่อไปนายก็จะเป็นพี่ชายแท้ๆของฉัน จริงๆ! หากว่าต่อไปฉันกับหยวนหยวนได้คบกัน ฉันจะดูแลนายเหมือนเป็นพี่ชายแท้ๆแน่นอน!”
“ไสหัวไป”
จงฉู่เฟิงดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ลงจากเตียงแล้วกระโดดโลดเต้นทันที
“ฉันได้ยินว่าสัปดาห์นี้น้องหยวนอยู่ในโรงเรียน เดี๋ยวต้องเบื่อมากแน่ๆ ตอนเบื่อๆยัยเด็กคนนี้จะกินเยอะ งั้นฉันเอาขนมไปให้เธอนะ”
เขาพลางเก็บของพลางใส่รองเท้าไปด้วย “พี่ซู นายไปกับฉันไหม?”
“นายไปเถอะ”
ยู่ฉือยี่ซูหลับตาลง บนใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรมาก พูดเรียบๆ : “ง่วงแล้ว ฉันจะนอนหน่อย”
จงฉู่เฟิงเบ้ปาก “งั้นก็ได้ ฉันไปหาน้องหยวนแล้วนะ ฮี่ๆ”
หลังจากจงฉู่เฟิงออกไป ในห้องก็กลับมาเงียบสงบ ยู่ฉือยี่ซูลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในใจลึกๆถอนใจออกมาเบาๆ
เพื่อนสนิทคนนี้ จริงๆหน้าตาท่าทางไม่เลวเลย ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว เขาก็ถือว่าเข้าใจนิสัยของจงฉู่เฟิงอย่างชัดเจน หากในอนาคตหยวนหยวนยอมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา ก็เหมือนจะไม่เลว?
เพียงแต่เพราะอะไร ยู่ฉือยี่ซูมักจะมีความรู้สึกแปลกๆอย่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในใจ บอกได้ไม่ชัดเจน
สองวันนี้ถางหยวนหยวนอยู่เป็นเพื่อนเมิ่งเข่อเฟยในหอพัก เมิ่งเข่อเฟยคงจะเหนื่อยมากจริงๆ ทุกๆวันเอาแต่นอน กินข้าวก็เป็นถางหยวนหยวนที่ซื้อมาให้ทุกครั้ง แต่เธอหลังจากกินไปไม่กี่คำก็ไม่อยากอาหารแล้ว สีหน้าไม่ดีเลย ที่สำคัญที่สุดคือ ถางหยวนหยวนก็ยังไม่เห็นว่าเธอจะมีประจำเดือนเลย
ประจำเดือนยังไม่มาอยู่ชัดๆ แต่ทำไมถึงอ่อนแรงจนเป็นอย่างนี้ ถางหยวนหยวนสงสัยมาก จึงเสนอให้เมิ่งเข่อเฟยไปหาหมอ
ได้ยินคำว่าหมอ แต่เมิ่งเข่อเฟยกลับส่ายหัว
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น ไม่ต้องไปหาหมอหรอก”
“แต่ว่า สีหน้าเธอแย่มากเลย สองวันนี้เธอก็กินน้อยมาก เฟยเฟย เธอไม่สบายแล้วไม่กล้าบอกฉันหรือเปล่า เธอกลัวฉันเป็นห่วงใช่ไหม?”
ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของถางหยวนหยวนกำลังมองเธอ
เห็นท่าทางอย่างนี้ของถางหยวนหยวน ความกลัดกลุ้มในใจของเมิ่งเข่อเฟยก็หายไปบ้างแล้ว เธอคิดมากไปเองสินะ หยวนหยวนไร้เดียงสาขนาดนี้ ต่อให้พูดอะไรต่อหน้าของจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันจริงๆ นั่นก็คงไม่ได้ตั้งใจหรอก
หรืออาจจะบอกได้ว่า โดนสองคนนั้นหลอกถาม
อันที่จริงหยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่ออกจะเก่งกาจขนาดนั้น ถ้าพวกเธออยากจะหลอกถามหยวนหยวนจริงๆ หยวนหยวนก็คงปิดบังไม่ได้อยู่แล้ว
แต่กี่วันนี้ เธอก็กลุ้มใจเพราะเรื่องนี้มาตลอดหลายวัน ในใจเอาแต่รู้สึกอึดอัด หลังจากคิดอย่างนี้ ในที่สุดก็ผลักความทุกข์ใจออกไปได้เสียที
ประจวบกับตอนนี้ ด้านนอกมีคนเคาะประตู
“ถางหยวนหยวนอยู่ไหมคะ?”
“ใครเหรอคะ?” ถางหยวนหยวนลุกขึ้นไปดูด้านนอก
มีนักเรียนที่ไม่รู้จักคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าหอพักของเธอ เห็นเธอออกมาจึงพูดขึ้น : “พี่ชายเธอมาหา จึงวานให้ฉันช่วยเรียกเธอให้หน่อย เขารอเธออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน”