บทที่1588 นิสัยเปลี่ยน
เก็บโทรศัพท์ลง อานเชี่ยนยังคงคิดวิตกเรื่องสายตาของยู่ฉือยี่ซูอยู่
ทั้งที่เป็นผู้ชายที่หล่อมาก ทำไมสายตาถึงเย็นชาแบบนั้นนะ? อานเชี่ยนรู้สึกเสียใจขึ้นมา เธอไม่น่าทำลายภาพลักษณ์ตัวเองเพราะยัยอ้วนนี่เลย ตอนนี้คงยากที่จะทำให้ภาพลักษณ์ที่ดีตัวเองกลับมา
ดูแล้วคงต้องหาโอกาสอื่น
พอถึงกลางคืนตีสอง รถจอดลงที่ปั้มน้ำมัน ยู่ฉือยี่ซูหันไปมองถางหยวนหยวนที่หลับไปแล้ว สายตามีแต่ความเอ็นดู
ยัยเด็กคนนี้……
จงฉู่เฟิงเห็นท่าทางของเธอ ก็อดไม่ได้ถามว่า: “หาโรงแรมพักก่อนไหม ให้เธอนอนสบายหน่อย?”
อานเชี่ยนไม่ได้นอนเลย เธอไม่ชินกับการนอนบนรถ ตอนแรกยังทนได้ แต่สุดท้ายอยากหลับมากจริงๆ ก็แอบหลับตางีบไปแปบนึง
สุดท้ายพึ่งหลับได้ไม่นาน ถางหยวนหยวนที่อยู่ข้างๆก็ขยับตัว ล้มตัวลงไปถูกตัวของเธอโดยไม่ทันระวัง
อานเชี่ยนโมโหจนแทบจะระบายออกมา
ถ้าไม่ใช่เพราะยู่ฉือยี่ซูอยู่ เธอคงจะกระชากผมถางหยวนหยวนออกไปแล้ว
เพราะยู่ฉือยี่ซูอยู่ ดังนั้นอานเชี่ยนจึงทำได้แค่อดทน ยิ่งไปกว่านั้นยังแกล้งทำเป็นถอดเสื้อนอกตัวเองออกมา คลุมไว้บนตัวถางหยวนหยวน
และเงยหน้ามองสองคน พูดว่า: “นอนตรงนี้อาจจะหนาวหน่อย?”
จงฉู่เฟิงจ้องเธอเหมือนกับสัตว์ประหลาด: “เธอนิสัยเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
อานเชี่ยน: “ฉันทำไม?”
“เธอเป็นห่วงคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันทำแบบนี้มาตลอดนะ” อานเชี่ยนอยากจะตีจงฉู่เฟิงจริงๆ พูดมากจริงๆเลย เธอทำเรื่องดีเขายังจะพูดแบบนี้อีก ไม่พูดสักวันจะตายหรือไง?
จงฉู่เฟิงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ เขาพูดต่อว่า: “เมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นห่วงคนอื่นเลย?”
“นั่นเป็นเพราะนายไม่อยู่กับฉันไง เหมือนกับการเที่ยวครั้งนี้ ตอนแรกนายก็ไม่อยากพาฉันไปนี่?”
จงฉู่เฟิงเบะปาก ยังไงก็ยังรู้สึกอานเชี่ยนแปลกมากอยู่ดี แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
พอเติมน้ำมันเสร็จแล้ว จงฉู่เฟิงกับยู่ฉือยี่ซูเปลี่ยนที่นั่งกัน
ยู่ฉือยี่ซูนั่งอยู่ข้างคนขับ ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ เปิดประตูรถด้านหลังพูดกับอานเชี่ยนว่า: “เธอนอนแบบนี้จะรบกวนเธอได้ เธอไปนั่งข้างหน้าแล้วกัน”
โอกาสดีแบบนี้อานเชี่ยนจะปล่อยไปได้ยังไง เธอรีบอธิบายว่า: “ไม่นะๆ ฉันนั่งตรงนี้ก็ได้ ไม่รบกวนฉันหรอก ยังไงก็ฉันก็ง่วงพอดี”
ที่จริงเธอทั้งง่วงทั้งหนาว บนตัวใส่ก็น้อยอยู่แล้ว เสื้อคลุมยังให้ถางหยวนหยวนอีก ตอนนี้บนตัวเธอก็มีแค่ตัวเดียว แม้รถจะมีแอร์ แต่อากาศแบบนี้ก็ยังหนาวมากอยู่ดี
“ไม่ง่วงเหรอ?”
“อืมๆ”
“งั้นดีเลย เธอไปนั่งหน้า ฉันขับรถนานเกินเริ่มง่วงแล้ว อยากจะพักผ่อนกับเธอ”
อานเชี่ยนไม่คิดว่าเขาจะไม่ไว้หน้าตัวเองแบบนี้ สีหน้าดูลำบากใจ สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรและลงจากรถไป
“เดี๋ยวก่อน”
อานเชี่ยนหันกลับไป เห็นยู่ฉือยี่ซูเอาเสื้อคลุมตัวนั้นคืนให้ตัวเอง: “ใส่กลับไปเถอะ”
อานเชี่ยนเบะปาก เอาเสื้อคลุมตัวนั้นกลับมา
พอเปลี่ยนที่นั่งแล้ว ยู่ฉือยี่ซูนั่งลงไปแล้วเรื่องแรกที่ทำเลยก็คือถอดเสื้อตัวเองคลุมไว้บนตัวถางหยวนหยวน และจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเธอ
อานเชี่ยนมองจากด้านหน้า อดไม่ได้เบะปาก
พอเช้าแล้ว รถก็ขับเข้ามาถึงเมืองแล้ว พอลงจากทางด่วนจงฉู่เฟิงหาร้านที่ขายซาลาเปาน้ำเต้าหู้และจอดรถลง จากนั้นปลดที่คาดเข็มขัดออก
“น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ที่นี่ดูเหมือนจะไม่เลวเลยนะ พวกเธออยากกินอะไร ฉันลงไปซื้อเอง”
ถางหยวนหยวนตื่นแล้ว เธอขยี้หน้าและนั่งตัวตรง เห็นด้านนอกสว่างแล้ว ก็สงสัยว่า “เช้าแล้วเหรอ?”
เสื้อบนตัวตกลงมา ถางหยวนหยวนถึงเห็นว่าเป็นเสื้อคลุมของยู่ฉือยี่ซู เธอหยิบเสื้อมาก่อนที่เสื้อจะตกลงพื้น
“พี่?”
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงของยู่ฉือยี่ซูแหบเล็กน้อย เขาพูดขึ้นว่า: “ด้านนอกมีร้านขายน้ำเต้าหู้ ลงไปดื่มก่อนไหม?”
ได้ยินคำว่าน้ำเต้าหู้ ถางหยวนหยวนตื่นขึ้นมาทันที
“ดีเลย”
ถางหยวนหยวนไม่เคยเลือกของกิน แม้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋จะมีแต่คนจนที่กิน อย่างคนแบบอานเชี่ยน
ตอนแรกได้ยินจงฉู่เฟิงบอกว่าจะลงรถไปซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ เธอก็รู้สึกแปลกใจมาก อยากจะบอกว่าเขาคงบ้าไปแล้ว? นายกล้ากินของคนจนแบบนี้ได้ยังไง
แต่ก่อนที่จะได้พูด ถางหยวนหยวนก็บอกว่าดีเลย!
อานเชี่ยนยิ่งดูถูกถางหยวนหยวนเข้าไปใหญ่
ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? รู้สึกว่าพลุดอกไม้ไฟสวยก็ช่างเถอะ ยังอยากจะกินน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋อีก เธอบ้าคนเดียวก็ช่างเถอะ ทำไมจงฉู่เฟิงกับยู่ฉือยี่ซูยังตกลงด้วยล่ะ?
บ้าไปแล้วจริงๆ
“พี่ งั้นพวกเราลงไปกินกันเถอะ?”
“ได้หมดเอาที่เธอสบายใจเลย”
“ได้ งั้นพวกเราลงไปกินกันเถอะ”
จงฉู่เฟิงกลับพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจ: “อยู่ในเมืองแล้ว อุณหภูมิต่ำไปหน่อย เธอแน่ใจว่าจะลงไปเหรอ? ให้พี่ฉู่เฟิงลงไปซื้อให้ดีกว่าไหม พวกเราขึ้นมากินบนรถกัน”
ถางหยวนหยวนส่ายหน้าพูดว่า: “ไม่ต้องแล้วพี่ฉู่เฟิง พี่ลองคิดว่ายืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเหน็บ? ดื่มน้ำเต้าหู้อุ่นๆ กินซาลาเปาอีกไม่ใช่เรื่องที่มีความสุขเหรอ?”
จงฉู่เฟิง: “……”
ความคิดของเด็กคนนี้แปลกคนจริงๆ
เขายังจะพูดอะไรได้อีก? เขายังคงเอ็นดูเด็กคนนี้อยู่! ดังนั้นก็รีบตอบไปว่า: “นั่นสิ เธอพูดมาก็ถูก งั้นพวกเราลงไปกินเถอะ”
จงฉู่เฟิงเปิดประตูรถลงไป
อานเชี่ยนยังนั่งอยู่ในรถ
“เธอไม่ลงไปกินเหรอ?”
ที่จริงอานเชี่ยนไม่อยากลงไป กินของแบบนั้นได้ยังไงกัน แต่ที่นี่มีสี่คนที่เหลือสามคนลงไปแล้วเหลือแค่ตัวเธอเองละก็ เหมือนจะทำตัวแปลกแยกเกินไปหน่อย
“เดี๋ยวฉันค่อยไป พวกเธอไปก่อนเลย”
จากนั้นอานเชี่ยนก็หยิบกระจกขึ้นมา เติมแต่งหน้าสักหน่อยค่อยลงไป
แน่ใจว่าตัวเองสวยเด่นแล้ว เธอก็ถึงค่อยเปิดประตูลงจากรถช้าๆ
แค่เพียงวินาทีเดียว ลมหนาวเย็นพัดมา อานเชี่ยนเกือบถูกแช่เย็นเป็นน้ำแข็งแล้ว
เพราะยังไงเธอใส่กระโปรงสั้นมา แม้ด้านนอกจะเป็นหนัง แต่ด้านล่างก็ใส่แค่ถุงน่องบางๆมา
ของแบบนี้ใส่ที่ทางใต้ยังดี พอมาทางเหนือใส่แบบนี้ละก็
ความหนาวนั้นทำเอาเธอยากที่จะแบกรับจริงๆ
อานเชี่ยนยืนตัวสั่นท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ เธอทนไม่ไหวและรีบกลับเข้ารถไปอีกครั้ง
หนาวเกินไปแล้ว
จงฉู่เฟิงเห็นภาพแบบนี้ ก็อดไม่ได้หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฉันจะหัวเราะให้ฟันหลุดไปเลย มาทางเหนือใส่ถุงน่องเนี้ยนะ ฉันละยอมใจเลย”
ถางหยวนหยวนหันไปมอง และพูดว่า: “พี่ฉู่เฟิง ทำไมยังหัวเราะได้อีกล่ะ? เธอไม่ใช่น้องสาวพี่เหรอ?”
ได้ยินแล้ว สีหน้าจงฉู่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที รีบสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาใหม่
“ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ฉันทนไม่ไหวจริงๆ ไม่ตั้งใจหัวเราะหรอก”
“งั้นทำยังไงดี? พี่ฉู่เฟิงเอาน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ไปให้เธอกินไหม”