บทที่1590 หมู่บ้านหิมะ
เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา ดวงตาสว่างไม่มีความคิดอื่นเลย
อานเชี่ยนรู้สึกสับสนขึ้นมา
เธอด่าถางหยวนหยวนในกรุ๊ปวีแชทว่าเป็นยัยบ้านนอก ยังด่าว่าเป็นยัยอ้วนอีก ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังกินของชั้นต่ำแบบนี้อีก
แต่เธอกลับถามตัวเองอย่างไร้เดียงสาว่าอร่อยไหม ท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรเลย ทำให้อานเชี่ยนรู้สึกโมโห
ถางหยวนหยวนเป็นแบบนี้ทำเอาตัวเองเหมือนผู้ร้ายเลย
คนก็แบบนี้ พอเธอเริ่มจุกจิก อีกฝ่ายถ้าเหมือนกับเธอ ทั้งสองฝ่ายก็จะจุกจิกกันไปตลอด สุดท้ายอาจจะสูญเสียตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นภาพลักษณ์ก็จะหายไปอีก
แต่ถ้าอีกฝ่ายเลือกที่จะใจกว้างกับคนอื่น อีกฝ่ายก็จะทำต่อไปไม่ได้
อานเชี่ยนกระตุกมุมปาก จากนั้นก็พยักหน้า
“อืม ไม่เลวเลย”
ถางหยวนหยวนรีบยิ้มกว้างเหมือนเด็ก
“พี่ฉู่เฟิงบอกว่าเธอไม่ชอบกินพวกนี้ ฉันไม่เชื่อ ฉันบอกกับพี่ฉู่เฟิงว่าเธอต้องชอบแน่”
ได้ยินแล้ว อานเชี่ยนก็มองจงฉู่เฟิง พี่ชายขยะแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อกี้พูดเรื่องไม่ดีตัวเองไปมากเท่าไหร่ ดังนั้นเธอก็บอกไปว่า: “พี่ชายฉันไม่เคยพูดความจริงหรอก ตั้งแต่เด็กเขาก็จิกกัดฉันมาตลอด ดังนั้นเขาพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับฉัน เธอจะเชื่อไม่ได้เด็ดขาด”
“จิกกัดเธอตั้งแต่เด็ก? ทำไมล่ะ?” ถางหยวนหยวนไม่เข้าใจ “พี่ชายต้องทำดีกับน้องสาวไม่ใช่เหรอ?”
ก็เหมือนกับที่พี่ชายกับเธอ เขาเอ็นดูแลเธอมาตลอด
“ใช่ ฉันก็คิดว่าพี่ชายควรจะทำดีกับน้องสาว เพราะยังไงก็เป็นพี่ชาย ขอโทษสิ?”
อานเชี่ยนมองจงฉู่เฟิง ตั้งใจพูดให้เขาได้ยิน
จงฉู่เฟิงหัวเราะ “ให้ฉันทำดีกับเธอ? ก็ได้ ต่อไปเห็นฉันเธอก็ต้องเรียกฉันว่าพี่ ทุกครั้งเห็นฉันเธอก็เรียกชื่อฉันตลอดเลย เธอไม่คิดว่าฉันเป็นพี่ชายด้วยซ้ำ ฉันจะเอาเธอเป็นน้องสาวทำไม?”
สำหรับอานเชี่ยน จงฉู่เฟิงไม่ชอบมาตลอด ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้ที่แม่เธอพูดกับเขาว่า น้ามีลูกสาวแค่คนเดียว อายุก็น้อยกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ปีใหม่ ถ้าไม่ตกลงละก็ สองบ้านอาจจะมีช่องว่างระหว่างกันก็ได้
จากนั้นจงฉู่เฟิงก็คิด น้าเขาก็ยังดีอยู่ ดังนั้นจริงตอบตกลง
แต่เขาคิดไม่ออกว่า น้าเขาที่เป็นคนดีแบบนี้ ทำไมถึงสอนลูกสาวที่ไร้มารยาทแบบนี้ออกมา ไม่เป็นที่รักของคนอื่นเลยจริงๆ
ไม่เหมือนกับถางหยวนหยวน
จงฉู่เฟิงนึกถึงภาพครั้งแรกที่ตัวเองเจอกับถางหยวนหยวน
ตอนนั้นเขากับยู่ฉือยี่ซูเป็นเพื่อนกันแล้ว ไปเป็นแขกบ้านเขาครั้งแรก จากนั้นสาวน้อยคนนี้ก็นั่งบนโซฟา บนโต๊ะทางขวามือของเธอเป็นขนมทั้งหมด และเธอกำลังกินมาร์ชเมลโลอยู่ ท่าทางนั้นดูจะตั้งใจกินมาก
นั่นเป็นครั้งแรกที่จงฉู่เฟิงเห็น มีคนตั้งใจกินขนาดนั้น เหมือนจะเคารพต่อการกินมาก
ในมือเธอถือของกินไว้ เหมือนไม่ใช่มาร์ชเมลโล แต่เป็นของรักของหวง เธอกัดกินแต่ละคำ กินด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแวววาว
แค่พริบตาเดียว จงฉู่เฟิงห็จดจำท่าทีของเธอไว้ก้นบึ้งหัวใจแล้ว
ต่อมาสาวน้อยเรียกเขาพี่ฉู่เฟิง จงฉู่เฟิงก็แทบจะละลายไปเลย ใบหูเขาแดงก่ำ จากนั้นผ่านไปหลายปี
ถางหยวนหยวนยังคงเป็นถางหยวนหยวน เธอยังเหมือนครั้งแรกที่เจอ ยังคงความไร้เดียงสาไว้อย่างเดิม
แต่ถางหยวนหยวนยังไงก็กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ไม่รู้ว่าเธอจะรักษาได้นานแค่ไหน แต่จงฉู่เฟิงคิดว่า ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เขาก็รับได้ตลอด
แต่ เขายังอยากจะปกป้องความไร้เดียงสาน้อยๆของเธอ
“เรียกพี่ก็ได้นะ ทำดีกับฉันก่อน ดีแล้วฉันค่อยเรียก ถ้านายทำไม่ดีกับฉัน ทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วยล่ะ?”
ถางหยวนหยวนหัวเราะกับการทะเลาะของสองพี่น้องคู่นี้ อดไม่ได้หันไปมองยู่ฉือยี่ซู
เธอกับพี่ชายเหมือนจะไม่เคยทะเลาะกันเหมือนสองคนนี้เลย
พี่ชายเอ็นดูเธอมาตลอด และยังพูดน้อยด้วย ปกติก็พูดแต่เรื่องสำคัญ
ดังนั้นเจอแบบนี้ครั้งแรก ถางหยวนหยวนก็รู้สึกว่าสนุกดี
วันนั้นกลางวัน พวกเขาหาร้านอาหาร พักอยู่สองชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อ
ตลอดทั้งทางพักๆไปๆ ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านหิมะในสามวัน
วันนี้หิมะตกหนักมาก เป็นหิมะเม็ดใหญ่ๆทั้งนั้น ตอนแรกแผนที่จะขับรถเข้าไปก็ต้องยกเลิกไปทันที หาที่ฝากรถได้แล้ว ทุกคนก็ถือกระเป๋าเดินเท้าเข้าไป
แม้จะเป็นการท่องเที่ยวอิสระ แต่ถ้าไม่มีไกด์ละก็ มีหลายเรื่องที่ต้องพึ่งพาตัวเอง ดังนั้นยู่ฉือยี่ซูจึงหาไกด์ในพื้นที่จากในอินเทอร์เน็ตมานำทาง แต่ไม่อยู่ด้วยตลอดทั้งทริป แค่มานำทางเท่านั้น
“ปีก่อนในตอนนี้รถสามารถขับเข้ามาได้ ปีนี้มาได้ หิมะตกกองจนลึกไปหน่อย รองเท้าของพวกคุณก็ไม่ได้ ต้องไปซื้อรองเท้าสำหรับหิมะในร้านก่อน ต่อไปฉันจะพาทุกคนเข้าไปเอง”
รองเท้าหิมะแก้ไขได้แล้ว แต่ปัญหาของกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเดินทางที่สะดวกก็เป็นเพราะมีล้อให้เลื่อน แต่ตอนนี้มีหิมะ ผู้หญิงสองคนยกไม่ไหวแน่ ถ้ากระเป๋าสี่ใบก็ยังได้อยู่ ให้ผู้ชายสองคนช่วยกันถือคนละสองใบก็ยังได้
แต่ครั้งนี้พวกเขาเอาของมาเยอะเกินไปจริงๆ
ชาวบ้านในพื้นที่รีบพูดว่า: “เรื่องของกระเป๋าพวกคุณก็ไม่ต้องกังวลไป เอาของมีค่าไปก็พอ เสื้อผ้าของกินอย่างอื่นเดี๋ยวเรียกคนขนขึ้นรถไปส่งให้”
“ได้”
ดังนั้นทุกคนก็เข้าไปจัดการข้าวของ เลือกของมีค่าออกมา อานเชี่ยนกลับมีปัญหาขึ้นมา เธอพูดอย่างไม่พอใจตลอดว่า: “จงฉู่เฟิง กระเป๋าของฉันนายถือไปได้ไหม? ฉันไม่อยากให้คนอื่นช่วยขนไป ใครจะรู้ว่าระหว่างที่ขนส่งพวกเขาจะทำอะไรไหม?”
ได้ยินดังนี้ จงฉู่เฟิงก็จ้องมองเธอ
“ด้านในมีทองหรือไง? ถ้ามีแค่เสื้อผ้าของใช้พวกเขาจะทำอะไรกับกระเป๋าเธอไม่ทราบ?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง พวกเขายังไม่ทำก็ยังไม่รู้ไง”
จงฉู่เฟิงไม่ยอมทำตามเธอ เพราะยังไงบอกแล้วว่าจะให้คนขนเข้าไป ทำไมยังต้องให้เขายกไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ของมีค่าอะไร ทำไมต้องลำบากเขาด้วย
“จงฉู่เฟิงถ้านายไม่ช่วยฉันละก็ ฉันจะบอกป้า ว่านายรังแกฉัน”
ได้ยินดังนี้ จงฉู่เฟิงก็แสยะยิ้มเย็นชา: “ได้สิ เธอไปบอกเลยนะ ตอนนี้ฉันจะโทรไปเลย ทางที่ดีบอกว่าถูกฉันรังแกจนอยู่ไม่ไหวนะ ให้บ้านเธอรีบมารับกลับไปเลย”
อานเชี่ยนไม่คิดว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกแบบนี้ เห็นถางหยวนหยวนกับยู่ฉือยี่ซูเดินมาทางนี้แล้ว เธอก็หัวเราะ “งั้นฉันจะบอกถางหยวนหยวน ว่านายชอบเธอ!”
จงฉู่เฟิงที่ตอนแรกยังทำหน้าเฉยๆ พอได้ยินคำนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“หยวนหยวน พี่ชายฉันเขา……”
อานเชี่ยนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกจงฉู่เฟิงปิดปากไว้ “เธอหุบปากไปเลยนะ พูดไร้สาระอะไร? หยวนหยวนยังเด็กอยู่ เธออยากทำอะไรเนี้ย?”
“งั้นนายช่วยฉันถือกระเป๋าสิ?”