บทที่160 คิดซะว่าคือของขวัญตอนเจอหน้ากัน
คุณแม่เสิ่นจ้องมองเธอนานพอสมควร
“ลูก…..ดูแล้วลูกคงอยากจะทำให้แม่รู้สึกบ้าตาย ถึงจะสมความตั้งใจของลูกสินะ”
เสิ่นเฉียวยืนอยู่กับที่แล้วจ้องมองไปที่เธอ
“แม่ขอเงินหนึ่งแสนห้าหมื่น นี่ก็เหมือนกับเอาชีวิตของฉันเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
“…..โอเค ไม่เอาหนึ่งแสนห้าหมื่นก็ได้! งั้นหนึ่งแสน! หรือไม่ห้าหมื่นก็ได้!”
“แม่ แม่มองฉันสูงเกินไปแล้ว”
“เสิ่นเฉียว แม่เลี้ยงลูกโตขนาดนี้ ลูกตอบแทนแม่แบบนี้รึไง? ก็แค่เงินไม่กี่หมื่นเท่านั้นเอง ลูกก็ยังไม่อยากให้แม่? ไม่อยากเป็นลูกกตัญญูรึไง?”
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร เพียงแค่มือที่อยู่ข้างลำตัวเริ่มกำแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เธอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เธอปล่อยให้ผู้คนจ้องมองหน้าเธอด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
ช่างมันเถอะ คนอื่นอยากจะมองยังไงก็มองไป
เพียงแค่ในวันนี้เธอไม่มีเงินนี้จริงๆ
“ลูกพูดสิ!” คุณแม่เสิ่นใช้แรงดึงเสื้อผ้าของเธอ “ลูกมองดูสิบนร่างกายของลูก มองดูเสื้อผ้าที่ลูกใส่ทุกวัน พวกนี้ก็เป็นสิ่งที่แม่หามาให้ลูกทั้งนั้น ไอ้ลูกอกตัญญู พอมีชีวิตที่ดีแล้วก็ไม่เอาพ่อแม่”
เธอตะโกนเสียงดัง เสิ่นเฉียวหลับตาลงแล้วยอมให้เธอด่าว่า
ทันใดนั้น มีมือใหญ่ๆคู่หนึ่งเข้ามาขวางเอาไว้ หยุดการโจมตีของคุณแม่เสิ่นเอาไว้ทั้งหมด
“คุณป้าท่านนี้ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยครับ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนดังอยู่บนหัวของเธอ เสิ่นเฉียวค่อยลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองคนที่มา
คือเย่หลิ่นหาน…..
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
“คุณ คุณเป็นใครน่ะ?” คุณแม่เสิ่นจ้องมองผู้ชายที่อยู่ๆเข้ามาปกป้องเสิ่นเฉียวแล้วดันเธอไปด้านหลังของเขา เขาดูเป็นผู้ดี สวมชุดเสื้อผ้าแลดูไม่เหมือนคนทั่วไป
คุณแม่เสิ่นหรี่ตาแล้วจ้องมองไปที่เขา “คุณเป็นสามีของเฉียวเฉียวหรอ?”
เสิ่นเฉียวอึ้งไปสักพัก จากนั้นรีบพูดอธิบาย “แม่ เขาไม่ใช่…..”
เมื่อฟังจบ เย่หลิ่นหานตกใจเล็กน้อย จากนั้นยิ้มอ่อนๆ “ที่แท้คุณคือแม่ของเฉียวเฉียวนี่เอง”
เสิ่นเฉียวจ้องมองเย่หลิ่นหานด้วยความประหลาดใจ คำพูดนี้ของเขาหมายความว่ายังไง? ทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ!
“ใช่แล้ว ฉันคือแม่ของเฉียวเฉียว คุณคือสามีของเธอสินะ?” คุณแม่เสิ่นเริ่มยิ้มประจบสอพลอขึ้นมาทันที “ คืออย่างนี้ ช่วงนี้ที่บ้านค่อนข้างจะลำบาก ดังนั้นฉันเลยมาหาเฉียวเฉียวเพื่อขอยืมเงิน แต่นึกไม่ถึงว่าไอ่ลูกคนนี้จะดื้อดึง บอกกับฉันว่าไม่มี…..มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? เธอแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลเย่ของพวกคุณใช่มั้ย……..ปกติก็ควรที่จะมีเงินไว้ใช้จ่ายมากมายสินะ? อีกอย่างเธอมีงาน………”
ไม่รอให้คุณแม่เสิ่นพูดจบ เย่หลิ่นหานก็ยิ้มอ่อนๆแล้วถาม “ ขอโทษด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณป้าต้องการยืมเท่าไหร่?”
คุณแม่เสิ่นรีบพูดตัวเลขที่ตัวเองอยากได้
“ไม่เยอะ แค่สองแสนเท่านั้นเอง!”
“ แม่! เมื่อตะกี้แม่พูด!” เสิ่นเฉียวอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกเธอ
คุณแม่เสิ่นถลึงตาใส่เสิ่นเฉียวด้วยความโกรธ
เย่หลิ่นหานยิ้มอ่อนๆแล้วดันเสิ่นเฉียวไปอยู่ด้านหลังของตัวเองเพื่อไม่ให้เธอพูดอะไรออกมา จากนั้นหยิบเอาบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้กับคุณแม่เสิ่น
“คุณแม่ครับ ด้านในบัตรใบนี้มีเงินสามแสนหยวน ถ้าคุณต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วนคุณเอาไปใช้ก่อนเถอะ รหัสคือเจ็ดหกตัว”
เมื่อเสิ่นเฉียวที่โดนเย่หลิ่นหานดันไปอยู่ด้านหลังตัวเขาได้ยินตัวเลขนี้แล้วเธอรีบจะมาแย่งบัตรธนาคารใบนั้นทันที แต่นึกไม่ถึงว่าคุณแม่เสิ่นจะรีบหยิบออกไปก่อน ตอนนี้เธอดูมีความสุขเป็นอย่างมาก
“ลูกเขยของฉันเชื่อฟังจริงๆ! งั้นแม่ต้องขอบคุณมากนะ เฉียวเฉียว ลูกแต่งงานกับสามีที่ดีจริงๆ!”
เมื่อพูดจบ คุณแม่เสิ่นกลัวว่าเสิ่นเฉียวจะเข้ามาแย่งเงินไป เธอรีบถอยหลังแล้วพูด “แม่ยังมีธุระด่วน แม่ไปก่อนนะ วันหลังค่อยมาเยี่ยมพวกคุณใหม่”
หลังจากที่คุณแม่เสิ่นเดินข้ามตรอกถนนออกไปแล้วอยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้
น่าแปลก เสิ่นเฉียวแต่งงานกับคนพิการไม่ใช่หรอ? ทำไมผู้ชายคนนั้นในเมื่อสักครู่ถึงยืนได้?
ช่างมันเถอะ ยังไงซะได้สามแสนหยวนมาแล้ว หลังจากนี้อยากจะทำอะไรก็ได้ไม่ใช่หรอ?
*
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เสิ่นเฉียวยืนนิ่งอยู่กับที่ เย่หลิ่นหานหันหลังมามองดูเธอ
“โอเค แม่ของคุณไปแล้วล่ะ”
“ทำไมคุณต้องให้สามแสนกับเธอ?” เสิ่นเฉียวถามเขาด้วยความรู้สึกโกรธ เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่งดงามจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ดูเศร้า “คุณรู้มั้ยว่าเงินสามแสนคืออะไร? คุณรู้มั้ยว่าฉันไม่มีปัญญาคืนเงินนี้ให้คุณ? คุณรู้มั้ยว่าเงินสามแสนนี้เธอจะเอาไปทำอะไร?”
เย่หลิ่นหานรู้สึกตกใจกับสายตาที่หดหู่ของเธอ จากนั้นค่อยๆยิ้มอ่อนๆออกมา
“แล้วมันมีอะไรล่ะ สามารถช่วยคุณได้ พี่ก็รู้สึกมีความสุขมาก อีกอย่างพี่ก็ไม่เคยคิดว่าจะให้คุณคืนเงิน”
เสิ่นเฉียวถอยหลังหนึ่งก้าว เธอเบิกดวงตาที่งดงามกว้าง
“จะไม่คืนได้ยังไง? ฉันเกลียดการติดค้างหนี้บุญคุณกับคนอื่นมากที่สุด แม่ของฉันเอาเงินของคุณไปแล้ว งั้นฉันก็ต้องคืนเงินแทนเธอ!”
พอมาเอาก็เป็นเงินสามแสน คราวนี้จบกัน….
เย่หลิ่นหานยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย “คุณกำลังโทษพี่ใหญ่คนนี้หรอ?”
เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาแล้วไม่พูดอะไร
เย่หลิ่นหานเผยสายตาที่เป็นกังวลออกมา “งั้นคุณก็ให้อภัยพี่สิ พี่ไม่อยากมองเห็นภาพที่คุณโดนด่าอีกแล้ว เมื่อมองดูแล้วช่างรู้สึกปวดใจ ยัยเด็กโง่!”
เมื่อพูดจบ เย่หลิ่นหานยื่นมือมาลูบหัวของเธอ
“……”
เสิ่นเฉียวยืนตัวแข็งอยู่กับที่ จากนั้นจ้องมองเขาด้วยสายตาที่รู้สึกเหลือเชื่อ
น้ำเสียงที่เอาอกเอาใจเธอเช่นนี้มันคือยังไงกัน……เสิ่นเฉียวมองเห็นสายตาที่ลุ่มลึกของเขา การแสดงออกภายนอกที่อ่อนโยนและเอาอกเอาใจซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง
นั่นคืออะไร??
เสิ่นเฉียวดึงสติกลับมาแล้วรีบถอยหลังไปก้าวใหญ่ เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาที่หวาดกลัวเล็กน้อย มือของเย่หลิ่นหานลอยค้างอยู่กลางอากาศ จากนั้นเมื่อผ่านไปสักพักเขาจึงค่อยๆดึงมือกลับมา
รอยยิ้มจางหายไปจากมุมปากของเขา “พี่ไม่ดีเอง แต่พี่แค่ทำดีกับคุณในฐานะคนในครอบครัวเฉยๆ อย่ากดดันมาก เงินสามแสนนั้นคิดซะว่าเป็นของขวัญเจอหน้ากันที่พี่ใหญ่มอบให้น้องสะใภ้ละกัน”
เสิ่นเฉียว “…..มอบเงินสามแสนเป็นของขวัญตอนเจอหน้า พี่ช่างใจกว้างเหลือเกิน”
คำพูดนี้แฝงไปด้วยความรู้สึกเย้ยหยั่นที่ชัดเจน เย่หลิ่นหานไม่ใช่ว่าฟังไม่ออก
เสิ่นเฉียวกำหมัดในมือแน่น “ของขวัญตอนเจอหน้ากันไม่ต้องให้หรอก สามแสนนี้ฉันจะค่อยๆคืนพี่ใหญ่เอง”
เมื่อพูดจบ เสิ่นเฉียวก็หันหลังเดินออกไป
“น้องสะใภ้….” เย่หลิ่นหานพยายามที่จะเรียกเธอ แต่เสิ่นเฉียวราวกับว่าไม่ได้ยิน เธอเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเฉียวรีบเดินเข้าไปในบริษัท หลังจากที่เดินเข้ามาในลิฟต์แล้วสีหน้าของเธอก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลเย่ เธอมีชีวิตที่ไม่ราบรื่น ติดค้างเงินกับทางบริษัทยังไม่พอ ยังติดค้างเย่โม่เซิน เดิมทีนึกว่าจะตั้งใจทำงานชิ้นต่อไปเพื่อให้ได้เงินโบนัส แต่นึกไม่ถึงว่าจะโดนเย่โม่เซินลดตำแหน่ง
ตอนนี้….อยากจะหาเงินอีกก็ช่างเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ
ทันใดนั้น เสิ่นเฉียวนึกถึงสัญญาห้างสรรพสินค้าที่ก่อนหน้านี้เย่โม่เซินได้ให้กับตัวเอง
ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลาที่จนตรอกจริงๆ เสิ่นเฉียวก็คงจะลืมสัญญาห้างสรรพสินค้านั้นไปแล้วจริงๆ
ตอนนั้นเขาซื้อห้างทั้งห้างแล้วเอาสัญญามอบให้กับเธอ แต่เธอรู้สึกไม่ดีต้องรับมัน เขาก็ไม่เอาสัญญาอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงเก็บสัญญานี้ไว้ใต้ตู้
ดูจากวันนี้แล้ว…..เป็นเวลาที่เธอควรจะไปเยี่ยมดูห้างแล้ว
หลังจากเลิกงานแล้ว เสิ่นเฉียวเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าทันที
เธอมาที่ร้านเสื้อผ้าในคราวที่แล้ว เมื่อพนักงานเห็นเธอเดินเข้ามาในร้าน เธอรู้สึกดีใจมาก
“คุณหนูเสิ่น ในที่สุดคุณก็มา!”
เสิ่นเฉียว “……”
เธอรอให้ตัวเองมาตลอดงั้นหรอ?