เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1591 แบกเธอ

บทที่1591 แบกเธอ

จงฉู่เฟิงคิดไม่ถึงว่าอานเชี่ยนจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ ถึงขั้นใช้ชื่อถางหยวนหยวนมาบังคับให้ตนเองช่วยเธอถือกระเป๋า

แต่เธอก็จับจุดอ่อนของเขาได้ตรงมาก จงฉู่เฟิงสามารถยอมรับได้ที่อานเชี่ยนชอบพูดจาไร้สาระต่อหน้าพ่อแม่ของตนเอง เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็รู้ว่าพ่อแม่ของเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่คำเดียว แต่ถึงแม้จะเชื่อเล็กน้อย สุดท้ายพวกท่านกเป็นพ่อแม่ของตนเอง ไม่มีทางทำอะไรตนเองอยู่แล้ว

เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่ว่ายังไงก็ตัดกันไม่ขาด

แต่ถางหยวนหยวนไม่เหมือนกันนี่นา

เด็กคนนั้นขาวสะอาดบริสุทธิ์ราวกระดาษสีขาว ถ้าอานเชี่ยนไปพูดอะไรไร้สาระให้เธอฟัง หรือพูดใส่ร้ายเขาให้เธอฟัง ไม่แน่ว่าถางหยวนหยวนอาจจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดก็ได้

ถ้าแค่พูดใส่ร้ายก็ช่างเถอะ เรื่องความรู้สึกของเขายังให้ถางหยวนหยวนรู้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจากนี้ไปจงฉู่เฟิงจะกล้าพูดอะไรอีก

ถ้าปฏิเสธออกไป บอกว่าไม่ชอบ แล้วทิ้งภาพลักษณ์ที่บอกว่าเขาไม่ได้ชอบเธอไว้ในความทรงจำของถางหยวนหยวน แล้วถ้าเธอเริ่มเข้าใจเรื่องความรักมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพลักษณ์ที่อยู่ในความทรงจำของเธอก็จะบอกว่า จงฉู่เฟิงไม่ได้ชอบเธอ

ถ้าหากยอมรับออกไป เด็กคนนั้นคงจะตกใจจนหนีเขาไปแน่ๆ

ดังนั้น ในเวลานี้ไม่ควรจะพูดอะไรทั้งนั้น ให้เธอเติบโตอย่างอิสระ เรื่องอื่นรอเธอโตพอที่จะเข้าใจแล้วค่อยว่ากันอีกที

“ได้ พี่ถือให้ก็ได้ จะให้ถือนานแค่ไหนก็ตามใจเธอ”

อานเชี่ยนได้สมดังใจหวัง จึงยกยิ้มอย่างพึงพอใจ “จงฉู่เฟิง ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจุดอ่อนของพี่จะอยู่ที่เธอ พี่ตอบรับง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน พี่แสดงจุดอ่อนให้ฉันจับได้แบบนี้ ตลอดวันนี้พี่คงจะต้องลำบากแล้วล่ะ”

“อ้อ”อานเชี่ยนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงยกโทรศัพท์มือถึงขึ้นแล้วโบกไปมา “ไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้นนะคะ เพราะฉันสามารถเพิ่มวีแชทของหยวนหยวนได้ จากนี้ไปถ้าพี่ทำอะไรให้ฉันไม่ชอบใจ ฉันจะเอาเรื่องที่พี่มีความคิดไม่ดีไม่ร้ายไปบอกกับเธอ”

พอได้ยินแบบนั้น จงฉู่เฟิงก็ยิ้มเยาะ “พี่มีความคิดไม่ดีไม่ร้ายอย่างนั้นเหรอ เธอคิดว่าพี่จะยอมให้เธอข่มขู่ได้ฝ่ายเดียวหรือยังไง เธอคิดว่าพี่ไม่รู้หรือไงว่าจุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่คืออะไร”

อานเชี่ยนนิ่งชะงัก

“พี่หมายความว่าอะไร”

จงฉู่เฟิงมองไปทางยู่ฉือยี่ซูกับถางหยวนหยวนเล็กน้อย ทั้งสองคนเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว ถ้ายังพูดต่อไปอีกล่ะก็ พวกเขาจะต้องได้ยินแน่นอนเลย

ดังนั้นจงฉู่เฟิงจึงรีบพูดสรุปแบบสั้นๆ

“เรื่องบางเรื่องจะให้พูดออกไปทั้งหมดเลยมันก็ไม่สนุกน่ะสิ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ คนที่ถูกข่มขู่ไม่ได้มีแค่พี่คนเดียว กระเป๋าพี่ช่วยเธอลากได้ แต่จากนี้ไป ถ้าหากเธอทำอะไรที่มันมากเกินไป ก็อย่าโทษพี่ก็แล้วกัน”

พอพูดจบ จงฉู่เฟิงก็หันกลับไปลากกระเป๋า ไม่สนใจอานเชี่ยนอีกเลย

อานเชี่ยนยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่กลับเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาซะก่อน จึงได้แต่กลืนคำพูดลงท้องไป แต่สีหน้าของเธอดูอารมณ์เสียเล็กน้อย คำพูดของจงฉู่เฟิงเมื่อตะกี้เหมือนเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ เธอกัดริมฝีปากอย่างโมโห โดยที่ถางหยวนหยวนเดินมาถึงตรงหน้าเธอพอดี

“อานเชี่ยน?”

ถางหยวนหยวนกระพริบตาปริบๆอย่างไร้เดียงสามองมาทางเธอ “เมื่อตะกี้เธอเรียกหาเรา มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

พอได้ยินแบบนั้น จงฉู่เฟิงที่กำลังลากกระเป๋าอยู่ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ท่าทางของเขาดูตื่นตัวมาก เพราะกลัวว่าอานเชี่ยนจะพูดอะไรบ้าๆออกไปโดยไม่ทันได้คิด

“ไม่มีอะไรหรอก”อานเชี่ยนยกยิ้มแล้วพูด “ขอแค่อยากจะถามเธอว่า เดี๋ยวพักห้องเดียวกันไหม”

พักห้องเดียวกันอย่างนั้นเหรอ

เดิมทีถางหยวนหยวนนึกว่าหนึ่งห้องพักแค่หนึ่งคนซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าอานเชี่ยนจะขอพักห้องเดียวกับเธอ ในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว อานเชี่ยนก็เดินมาจับมือของเธอไว้ “จริงสิ ดูเหมือนว่าฉันจะอายุมากกว่าหนึ่งปี ดังนั้นจากนี้ไปต้องเรียกพี่นะ ถ้าพวกเราพักห้องเดียวกัน ตอนกลางคืนจะได้ไม่รู้สึกกลัวไง”

ถางหยวนหยวนเอ่ยพูดด้วยสีหน้าซื่อๆ “ฉันนอนคนเดียวก็ไม่กลัวนี่นา”

พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของอานเชี่ยนก็แหยไปทันที ก่อนจะพูด “ฉันกลัวนิดหน่อยน่ะ เธอถือซะว่าอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม”

“งั้นก็ได้ ในเมื่อพี่กลัว งั้นเดี๋ยวหนูอยู่เป็นเพื่อนเอง”

ถางหยวนหยวนตบไหล่อานเชี่ยนแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวนะ”

อานเชี่ยน:“……”

เธอกลัวบ้าอะไรล่ะ

จงฉู่เฟิงเกือบจะหลุดหัวเราะออกไปเพราะท่าทางของถางหยวนหยวน เขาพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลัง ก่อนจะลากกระเป๋า​พร้อมกับเอ่ย​พูด​ “ไปกันได้หรือยัง​”

“อืม”

พอพูดเสร็จ​ ยู่ฉือยี่ซูก็ย่อตัวลงตรงหน้าถางหยวนหยวน แล้วพูดเสียงทุ้ม “หิมะตกหนักเดินไม่สะดวก ขึ้นมาสิ”

ถางหยวนหยวนตกตะลึง​เล็กน้อย​ “พี่ชาย​จะแบกหยวนหยวนเหรอคะ”

“อืม”

สุดท้าย​เธอก็รีบขึ้นหลังยู่ฉือยี่ซูทันที สองมือเล็กโอบลำคอของเขาไว้ ท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก

พอเห็น​ฉากนี้ อานเชี่ยนก็รู้สึกอิจฉา​ในใจ

เธอกันกลับไปมองทางจงฉู่เฟิง จงฉู่เฟิงรีบชี้ไปที่กระเป๋า​เดินทางของเธอแล้วพูด “เธอ​บอกให้พี่ช่วยลากกระเป๋าเองนะ มือพี่ลากระเป๋า​อยู่​แบกเธอไม่ไหวหรอก”

พอพูดจบเขาก็เดินลากกระเป๋าไปทันที อานเชี่ยนยืนกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจอยู่กับที่

ยู่ฉือยี่ซูคนนั้นดีทุกอย่าง เธอรู้เรื่อง​ของ​เขาดี เขามีชื่อเสียง​มากในกลุ่มของพวกเธอ เป็นเจ้าชาย​ในฝัน​ของ​สาวๆหลายคน ทั้งรูปร่าง หน้าตา​ ฐานะ ล้วนแล้วแต่​สมบูรณ์​แบบทุกอย่าง

นอกจากสาวๆในมหาวิทยาลัย​พวกเธอแล้ว ยังมีสาวๆจากที่อื่นที่อยากได้เขามาครอบครอง​อีกมากมาย

แค่มีรูปเขาปล่อยออกมาก็สามารถสร้างความโกลาหล​ในหมู่สาวๆได้แล้ว อานเชี่ยนเองก็เห็นรูปเขาเข้าโดยบังเอิญ​ แล้ว​เกิดรักแรกพบขึ้นมา หลังจาก​นั้นเธอก็พยายามสืบค้น​ข้อมูล​ของยู่ฉือยี่ซูมาให้ได้มากที่สุด

​เธอถึงได้รู้ว่าเขาเป็นทายาท​ของ​ตระกูลเย่ ​เศรษฐี​ที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในเมืองเป่ย แต่เป็นเพราะคุณ​ตาทวดของเขาไม่มีทายาทสืบทอด​ธุรกิจ​ ดังนั้น​เขาจึงต้อง​ใช้​นามสกุลยู่ฉือ แล้ว​เปลี่ยน​ชื่อ​เป็นยู่ฉือยี่ซูแทน

นั่นก็หมายความว่า เบื้องหลัง​ของ​เขาไม่ได้มีแค่ตระกูล​เย่คอยสนับสนุน​ แต่ยังมี​ตระกูล​ยู่ฉือที่แสนโด่งดัง​ใน​ต่างประเทศคอยสนับสนุน​ด้วย ถ้าเอาสองตระกูล​มารวมกัน คงจะ​ทำให้​ผู้คนกรีดร้อง​กันอย่างบ้าคลั่ง​

แน่นอน​ ยังมีหานมู่จื่อแม่ของเขาอีกคน ที่เป็นถึงน้องสาวของ​หานชิง นั่นหมายความ​ว่า​ ลุงของเขาเป็นถึงประธาน​ประธานบริษัทตระกูลหาน

ไม่ว่าจะพูดชื่อ​ใครออกมาก็ล้วนแต่​จะ​สร้าง​เสียงกรีดร้อง​ขึ้นได้อยู่​แล้ว​ แต่ทั้งสามยังเข้ามารวมกันในตัวเขาอีก

รวมถึง​ความฉลาดเฉลียว​ของ​ตัวเขาเอง ความโดดเด่น​ แต่​ก็ยังไม่ถือตัว รูปร่าง​หน้าตา​หล่อเหลา​ ทำให้​เขากลายเป็นผู้ชาย​ในฝัน​ของ​สาวๆ เป็นผู้ชาย​ที่​ถูกโหวต​จากสาวๆว่าอยากแต่งงาน​ด้วยมากที่สุด

ครั้งนี้​อานเชี่ยนมารู้เข้าโดยบังเอิญ​ว่าจงฉู่เฟิงกับเขาสนิทกัน แล้ว​กำลังจะไปเที่ยวที่หมู่บ้าน​หิมะกัน เธอจึงตามมาด้วย

แต่ว่าตลอดทาง ยู่ฉือยี่ซูจะดูแลถางหยวนหยวนคนนี้ดีเกินไปหรือเปล่า ถึงแม้ต่อหน้าจะเรียกกันว่าพี่ชายกับน้องสาว แต่คงไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนแค่เติบโตมาด้วยกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลย

ดูเหมือนว่าถางหยวนหยวนจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเย่มาตั้งแต่เด็กจนโต

ไม่รู้ว่าจะเป็นอานเชี่ยนที่คิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องเหมือนที่ทุกคนเห็น

พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็รีบเดินเข้าตามไปทันที

ระยะทางที่เดิมทีต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ผลสุดท้ายเพราะหิมะที่ตกหนักมาก ทำให้ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะถึงจุดหมาย หลังจากถึงจุดหมายแล้ว ขาของอานเชี่ยนก็หนาวจนเหมือนถูกแช่แข็ง

เธอหันไปมองถางหยวนหยวน ที่พิงอยู่บนหลังของยู่ฉือยี่ซูอย่างสบาย แล้วเดินทิ้งห่างพวกเธอไปไกล ภายในใจของเธอรู้สึกอิจฉาจนแทบจะบ้าตาย

เธอมีสิทธิ์อะไรกัน

ทั้งๆที่เธอเป็นแค่ผู้หญิงอ้วนๆธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ยู่ฉือยี่ซูกลับแบกเธอเดินมาตลอดทางแบบนี้

น่าโมโหจริงๆเลย เมล็ดพันธุ์แห่งความอิจฉาถูกเพาะปลูกภายในใจของอานเชี่ยนแล้วเรียบร้อย

“อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก ถ้าคุณไม่เรียกให้ผมลากกระเป๋า ไม่แน่ว่าผมอาจจะแบกคุณก็ได้” จงฉู่เฟิงยังไม่ลืมที่จะเยาะเย้ยเธอ

สุดท้ายอานเชี่ยนก็โยนความผิดทั้งหมดไปที่ถางหยวนหยวน

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset