บทที่1597 ทะเลาะ
หลังจากนั้นถางหยวนหยวนก็มองไปทางยู่ฉือยี่ซู แล้วคล้องแขนเขาไว้ ก่อนจะพูด “พี่ชายคะ พวกเราไปกันเถอะค่ะ”
ยู่ฉือยี่ซูมองไปทางอานเชี่ยนเล็กน้อย เห็นได้ชัดถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของถางหยวนหยวน
“ได้ ลงไปข้างล่างกัน”
หลังจากทั้งสองคนเดินลงไป อานเชี่ยนก็พูดอย่างไม่พอใจ “ให้ฉันขอโทษเธอ แล้วดูท่าทางของเธอสิ”
“ท่าทางอะไร” จงฉู่เฟิงมองไปที่เธอ “คำพูดพวกนั้นถ้ายังกล้าพูดต่อหน้าพี่อีก พี่คงจะตบหน้าเธอไปแล้ว เธอเชื่อหรือไม่เชื่อ”
“จงฉู่เฟิง?”
จงฉู่เฟิงไม่สนใจเธออีก เขาเดินลงด้านล่าง ทิ้งให้อานเชี่ยนยืนกัดฟันกรอด แล้วเดินตามลงไปทันที
เจ้าของบ้านพักเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว มีหลายเมนูมาก พอเห็นถางหยวนหยวนเธอก็รีบกวักมือเรียกเธอทันที
ถางหยวนหยวนเป็นเด็กที่มีมารยาทมาก เธอจึงกล่าวทักทาย “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณน้า”
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ เธอคืนหลับสบายหรือเปล่า”
พอพูดจบ เธอก็พบว่าเด็กสาวตรงหน้าตาบวมแดงเล็กน้อย แต่ดูไปแล้วไม่เหมือนมีปัญหา เธอจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
“หลับสบายดีค่ะ ในห้องอบอุ่นมากด้วย”
“ปากหวานจริงๆเด็กคนนี้ รีบมากินข้าวเช้าเถอะ”
อาหารเช้าถูกจัดไว้เต็มโต๊ะ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเมนูที่เธอชอบทั้งนั้น เจ้าของบ้านพักยกข้าวต้มให้เธอ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ
“พี่ชายของเขาส่งเมนูอาหารมาให้น้าโดยเฉพาะเลยนะ”
พอได้ยินอย่างนั้น ถางหยวนหยวนก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าตกตะลึง “จริงเหรอคะ”
เธอหันไปมองทางยู่ฉือยี่ซู เขาตักข้าวต้มเข้าปาก “มองอะไร ยังไม่รีบกันอีก” พอดีกับที่จงฉู่เฟิงกับอานเชี่ยนลงมาพอดี ทั้งสองคนมองหาเก้าอี้ว่างเพื่อจะนั่ง แต่ผลสุดท้ายยังไม่ทันจะได้นั่งลง เธอก็ถูก จงฉู่เฟิงลากไปเสียไกล “มานั่งตรงนี้”
อานเชี่ยนโมโหจนแทบบ้า อีกทั้งยังอยากจะตีเขาให้ตาย
ที่จริงแล้วถางหยวนหยวนเองก็ไม่อยากนั่งกินข้าวกับอานเชี่ยนเช่นกัน ถึงแม้เธอจะเห็นแก่หน้าของจงฉู่เฟิงยอมยกโทษให้ให้เธอ แต่สิ่งที่เธอพูดเมื่อวานเธอไม่โอเคจริงๆ
ตอนนี้ถ้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า เธอคงจะอารมณ์เสียขึ้นมาทันที
แต่เธอยังไม่อยากแสดงออกมา เธอจึงหยิบขนมปังมากัดกินช้าๆ
ในขนมปังสอดไส้ไว้จนเต็ม พอกัดกินก็ได้รับรสชาติเต็มๆคำ ถางหยวนหยวนรู้สึกได้ถึงความหอมหวน อร่อยจนเธอแทบอยากจะร้องไห้
ฮือๆ ฝีมือการทำอาหารของเจ้าของบ้านพักดีเกินไปแล้ว เธอจะต้องกินเพิ่มอีกสองสามชิ้น
“กินช้าๆ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”
ยู่ฉือยี่ซูวางชามข้าวต้มลงบนมือของถางหยวนหยวน “กินข้าวต้มด้วย”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย”
จงฉู่เฟิงมองท่าทางของเธอ แล้วอดที่จะหัวเราะเธอไม่ได้ “น้องอ้วน กินช้าๆก็ได้ ไม่มีใครแย่งเราสักหน่อย ถ้าน้องชอบกิน พี่ฉู่เฟิงเอาส่วนของพี่ให้เธอด้วย”
พอได้ยินแบบนั้น อานเชี่ยนเองก็อยากแสดงตัวตนของตัวเอง จึงยื่นส่วนของเธอให้ถางหยวนหยวนด้วย
“ยังมีส่วนของพี่ด้วย พี่ให้”
ไม่ให้เธอยังดี พอขนมปังของทั้งสองคนมาวางไว้ตรงหน้า เธอมองไปทางอานเชี่ยนที่หุ่นผอมเพรียว เธอก็นึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายพูดเมื่อคืน จึงหมดอารมณ์จะกินข้าวไปทันทีเลย
เธอส่ายหน้าไปมา “ไม่ต้องแล้วค่ะ พวกคุณกินเองเถอะ”
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ แต่เธอในตอนนี้…คงจะเป็นเพราะเอาแต่ใจตัวเองมาก”
โชคดีที่ยู่ฉือยี่ซูช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้เธอ
“พวกนายกินของพวกนายก็พอแล้ว จะให้เธอทำไม อาหารบนโต๊ะไม่ใช่ว่าจะไม่มีแล้ว”
จงฉู่เฟิงเบ้ปาก “ก็ฉันแค่เห็นว่าน้องเขาชอบกิน ทำไม ฉันทำดีกับน้องสาวนาย นายไม่พอใจหรือไง”
“กินของนายไป”
ถางหยวนหยวนรู้สึกอารมณ์ไม่ดี หลังจากเธอกินขนมปังเสร็จเธอก็ตักข้าวต้มกินอีกครึ่งชาม แล้วเช็ดมือ ก่อนจะพูดว่า “หนูอิ่มแล้วค่ะ”พอพูดจบ ทั้งสามคนก็มองมาทางเธอ
พอต้องถูกสายตาของทั้งสามคนจ้องมอง ถางหยวนหยวนจึงรู้สึกทำตัวไม่ถูก ใบหน้าของเธอเริ่มแดง
“มี มีอะไรคะ?”
จงฉู่เฟิงที่กลั้นอารมณ์มานานไม่กล้าพูดออกมา สีหน้าของเขาเริ่มดูไม่ได้
เพราะปกติถางหยวนหยวนจะไม่กินน้อยถึงขนาดนี้ เธอจะต้องกินขนมปังอีกหลายชิ้นกว่าจะหยุด แล้วกินอย่างอื่นต่อ เหมือนลูกหมูน้อยที่กินตลอดเวลา แต่มันก็ดูน่ารักมากด้วย
แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับกินเข้าไปแค่ชิ้นเดียว แล้วบอกว่าตัวเองอิ่มแล้ว
เป็นเพราะคำพูดของอานเชี่ยนที่พูดกับเธอเมื่อคืนหรือเปล่า ถึงแม้เขาจะเคยปลอบใจเธอแล้ว แต่สิ่งที่พูดออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไปแล้ว ร่องรอยที่เกิดขึ้นมันล้างออกยาก
จงฉู่เฟิงรู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่ยอมให้อานเชี่ยนตามมาด้วย
ถ้าไม่พาเธอมาด้วย ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว แต่สีหน้าของยู่ฉือยี่ซูกลับเรียบนิ่งมาก เขาเหมือนจะรู้อะไร แต่เขาไม่แสดงออกทางสีหน้า เขาคีบกับข้าวใส่ชามของเธอ แล้วพูดเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้เรานั่งกินข้าวเป็นพี่ไปก่อน เรายังอยู่ในช่วงเติบโต จะต้องกินให้เยอะ”
““แต่ว่า… “ถางหยวนหยวนเกือบจะหลุดพูดว่าเธออ้วนมากออกไปแล้ว เธอพยายามกลั้นอารมณ์ตัวเองไว้
“แต่ว่า งั้นหนูกินข้าวเป็นเพื่อนเอง”สุดท้ายถางหยวนหยวนก็ยอมกินเพิ่มอีกเล็กน้อย ยู่ฉือยี่ซูคีบอาหารใส่ชามของเธออีกครั้ง จนเธอรู้สึกอิ่ม ถางหยวนหยวนคิดว่าตัวเองกินต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจึงหันไปมองทางยู่ฉือยี่ซู แล้วดึงแขนเสื้อของเขาก่อนจะพูด “พี่ชายคะ หนูกินอิ่มแล้วจริงๆนะคะ”
ยู่ฉือยี่ซูได้ยินแบบนี้ถึงได้หยุดคีบอาการให้เธอ “กินอิ่มแล้ว งั้นออกไปเดินย่อยอาหารกัน ไปค่ะ”
พอพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วหันไปพูดกับจงฉู่เฟิง “ฉันจะพาเธอออกไปเดินเล่นสักพัก”
จงฉู่เฟิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูด “ได้”
ความหมายของคำพูดคือไม่ให้เขาตามไปด้วย เขาเป็นเพื่อนกับยู่ฉือยี่ซูมาหลายปี เขาฟังออก
อานเชี่ยนเองก็ปล่อยช้อนในมือ “ฉันเองก็กินอิ่มแล้ว ขอไปเดินเล่นด้วยได้ไหมคะ”
ผลสุดท้ายตอนที่เธอกำลังจะลุกขึ้นกลับถูกจงฉู่เฟิงดึงลงไปนั่งตามเดิม “เธอจะไปเดินอะไรของเธอ เธอกินไปแค่เท่าไหร่เธอเอง นั่งกินต่อเลยนะ”
“ แต่ฉันกินอิ่มแล้ว”
“ อิ่มแล้วก็นั่งรอไปก่อน”
จงฉู่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พอเห็นว่ายู่ฉือยี่ซูกับถางหยวนหยวนเดินออกไปไกลแล้ว เขาถึงได้พูดออกมา “ดูไม่ออกหรือไงว่าคนอื่นเขาไม่อยากให้เธอไปด้วย”
“จงฉู่เฟิง พี่มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉัน”
“มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้อย่างนั้นเหรอ การมาเที่ยวในครั้งนี้พี่ชวนเธอมาด้วยหรือไง ไม่รู้หรือไงว่าผู้หญิงต้องรักในศักดิ์ศรีของตัวเองคนอื่นไม่ได้ชวน นั่นก็หมายความว่าเขาไม่อยากให้เธอตามมาด้วย แต่เธอก็ยังหน้าด้านตามมาด้วยอีก”
พอได้ยินแบบนี้ อานเชี่ยนก็ลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันหน้าด้านอย่างนั้นเหรอ พี่ต่างหากที่หน้าด้าน พี่ไม่เห็นหรือไงว่าในสายตาของถางหยวนหยวนมีแค่พี่ชายของเธอเต็มไปหมด ไม่มีที่ว่างให้พี่เลย สุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่หน้าด้านตามมาด้วย ฉันว่าเป็นพี่มากกว่า”
“นี่เธอ!”
จงฉู่เฟิงถูกคำพูดของเธอทำให้โมโหจนหน้าบูดบึ้ง “นี่ยังมีหน้าจะมาพูดฉันอีก” อานเชี่ยนกอดอกยิ้มเยาะ “ตัวเองเป็นยังไงไม่รู้ตัวเลยหรือไง”