บทที่1599 ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะลดน้ำหนัก
เธอพูดมากเกินไปหรือเปล่า พอหันกลับมาพบว่ายู่ฉือยี่ซูยังคงมองหน้าเธอเงียบๆ ในสายตาของเขาไม่มีแววตาคาดโทษ
ถางหยวนหยวนตกตะลึงเล็กน้อย ทั้งๆที่เธอพูดรุนแรงขนาดนี้ เธอฟังแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่ใจน่าดู แต่พี่ชายกลับไม่แม้แต่จะต่อว่าเธอเลย
“พี่ชายคะ?”
ถางหยวนหยวนกัดริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาไม่ได้ “ที่หยวนหยวนพูดไปทั้งหมดก่อนหน้านี้… มันแรงไปหรือเปล่าคะ”
ยู่ฉือยี่ซูยกยิ้ม ก่อนจะจูงมือของถางหยวนหยวนมานั่งลงบนหิมะด้วยกัน “แรงตรงไหนกัน”
“ไม่แรงไปจริงๆนะคะ”
เธอเหมือนกำลังแอบนินทาว่าร้ายอานเชี่ยนลับหลังอยู่เลย
“อืม”
ถางหยวนหยวนนิ่งคิด เธอเอียงศีรษะแล้วมองใบหน้าด้านข้างของยู่ฉือยี่ซู “พี่ชายคะ ถ้าหากคำพูดที่พูดไปก่อนหน้านี้เป็นคำพูดที่คนอื่นพูดหยวนหยวนล่ะคะ”
พอพูดจบ ถางหยวนหยวนจึงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบข้างของยู่ฉือยี่ซูเยือกเย็นหลายส่วน “ใคร”
“ไม่มีค่ะ”เธอโบกมือไปมา ก่อนจะเอ่ยอธิบาย “พี่ชายบอกว่าไม่คิดว่าคำพูดที่หยวนหยวนพูดจะแรงเกินไป ดังนั้นหยวนหยวนก็เลยรู้สึกสงสัย ถ้าหากคำพูดพวกนี้เป็นคำพูดที่คนอื่นพูดถึงหยวนหยวน มันจะถือว่าแรงเกินไปหรือยัง”
“แน่นอนว่ามันไม่เหมือนกัน” ยู่ฉือยี่ซูก้มหน้าลงไปสบตากับเธอ “สำหรับพี่แล้ว น้องไม่เหมือนกับคนอื่น น้องจะบ่นคนอื่นต่อหน้าพี่ได้ แต่คนอื่นจะว่าอะไรน้องไม่ได้”
ไม่รู้ว่าถางหยวนหยวนรู้สึกไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าคำพูดช่วงท้ายแฝงความหมายแฝงบางอย่าง
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน
พี่ชายไม่รู้เรื่องนี้ ทางฝั่งพี่ฉู่เฟิงเองก็น่าจะจัดการเรียบร้อยแล้ว เธอไม่บอกพี่ชายจะดีกว่า
พอคิดถึงตรงนี้ ถางหยวนหยวนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “พี่ชายปกป้องหยวนหยวนแบบนี้ คงไม่มีใครกล้านินทาหยวนหยวนลับหลังแล้วล่ะค่ะ”หลังจากที่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วอยากจะถามว่าพี่ชายถ่ายรูปคู่ด้วยกันไหมคะ
แต่คำพูดของเธอเธอติดอยู่ที่ปลายลิ้น พอนึกถึงรูปที่เธอถ่ายด้วยกันเมื่อวาน สุดท้ายคำพูดนี้เธอก็กลืนลงท้องไป ก่อนจะเปิดกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปธรรมชาติทันที
หลังจากถ่ายรูปได้สักพัก ยู่ฉือยี่ซูก็พูดเสนอ “พี่ช่วยถ่ายรูปน้องดีไหม ตอนกลับบ้านจะได้เอากลับไปล้างรูปออกมาทำอัลบั้มรูปภาพได้”
“ฮะ ไม่ ไม่ดีกว่าค่ะ”
ถางหยวนหยวนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่ายู่ฉือยี่ซูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูปเธอ ถางหยวนหยวนตกใจจนรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าไว้ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายถ่ายรูปเธอ
ท่าทางตอบสนองที่รุนแรงมาก ทำให้ยู่ฉือยี่ซูดวงตาเศร้าหมองลง เขาเม้มปากเล็กน้อย อาการของเขาใกล้จะกำเริบแล้ว แต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงอดทนไว้ได้
สาวน้อยตรงหน้าทำให้เขาต้องอดกลั้นอย่างทรมานมากขนาดนี้ เขาจะเปิดโปงเธอได้ยังไงกัน
พอคิดถึงตรงนี้ ยู่ฉือยี่ซูก็ถอนหายใจยาว เขารีบปรับแววตาของเขาให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ไม่ถ่ายก็ได้ งั้นก็มานั่งเถอะ เรามาปั้นตุ๊กตาหิมะกัน แล้วเราค่อยถ่ายรูปตุ๊กตาหิมะที่เราปั้นด้วย”
พอได้ยินว่าจะถ่ายตุ๊กตาหิมะไม่ถ่ายตัวเอง ถางหยวนหยวนถึงได้ตอบรับ ในตอนแรกเธอยังมีอารมณ์ไม่ดีอยู่บ้าง แต่พอตุ๊กตาหิมะถูกปั้นจนเสร็จ ความรู้สึกไม่สบายใจและไม่ชอบในของถางหยวนหยวนก็หานไปเป็นปลิดทิ้งเลย และแทนที่ด้วยความสุขสนุกสนานในการปั้นตุ๊กตาหิมะ แต่ในขณะเดียวกันสองมือของเธอก็เย็นมากจนเกือบจะแข็งตัว มือของเธอแดงเผือด เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป หลังจากถ่ายรูป เธอก็นิ่งคิด เธอรู้สึกว่านี่เป็นตุ๊กตาหิมะที่เธอปั้นเป็นตัวแรก จึงหันไปพูดอย่างเอียงอาย “พี่ชายคะ พี่ช่วยถ่ายรูปหนูกับตุ๊กตาหิมะสักรูปได้ไหมคะ”
ตอนที่เธอปั้นตุ๊กตาหิมะ เธอจงใจปั้นหน้าของตุ๊กตาหิมะใหญ่ๆ เพื่อตอนที่ถ่ายรูปคู่กัน หน้าของเธอจะได้ไม่เห็นชัดเจนขนาดนั้น
“ได้สิ”
หลังจากที่ยู่ฉือยี่ซูถ่ายรูปให้ถางหยวนหยวนเสร็จ เธอรับโทรศัพท์คืนมา แล้วกดเปิดดูรูปภาพ พบว่าหน้าของเธอกับตุ๊กตาหิมะไม่แตกต่างกันมากนัก
เธอรู้สึกดีใจเล็กน้อย เธอรีบกดบันทึกรูปภาพไว้ทันที
หลังจากนั้นยู่ฉือยี่ซูกับถางหยวนหยวนก็ไม่กลับบ้านพักตลอดวัน ข้าวเที่ยงกับข้าวเย็นพวกเขาหากินข้างนอกเลย หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จถึงจะเดินทางกลับที่พัก
พวกเธอเดินไปตามแสงไฟข้างถนน เงาที่สะท้อนอยู่บนพื้นยาวขึ้นเรื่อยๆ
ถางหยวนหยวนพบว่าเงาของเธอเหมือนไม่ได้อ้วนเลย ดูเหมือนจะผอมด้วย ถ้าหากเธอผอมลงได้แบบนี้ ตอนที่ยืนอยู่ด้วยกัน คงจะเหมาะสมกันน่าดูเลย
ความรู้สึกของเธอมีแค่เธอคนเดียวที่รู้ เธอไม่ได้บอกเขา และไม่บอกคนอื่น และเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
ถางหยวนหยวนตัดสินใจแล้ว ว่าหลังจากกลับไปจะลดน้ำหนัก
พี่ชายโดดเด่นถึงขนาดนี้ เธอจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้เขา
ไม่ ไม่ใช่สิ เธอจะเริ่มลดน้ำหนักตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่พี่ชายจะต้องไม่ยอมให้เธอกินน้อยลงแน่ๆ ดังนั้นมันจะไม่เห็นผล คงต้องกลับถึงโรงเรียนแล้วค่อยว่ากัน
ถึงตอนนั้น เธอจะต้องบอกความคิดของเธอให้เมิ่งเข่อเฟยรู้ เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนที่เธอสนิทด้วยที่สุด ถ้าหากอีกฝ่ายรู้ ความตั้งใจนี้ คงจะสนับสนุนเธอแน่นอน
มีคนเข้าใจตนเอง แล้วมองเห็นถึงความพยายามของตนเองคงจะเป็นเรื่องที่มีความสุขมากแน่ๆ
ตอนนี้ถางหยวนหยวนยังไม่รู้ เลยว่าความคิดนี้ของเธอมันไร้เดียงสามากแค่ไหน
และความคิดที่ไร้เดียงสาในอนาคตจะสร้างความเจ็บปวดให้เธอ หลังจากนั้นก็ทำให้เธอตื่นขึ้นมาสู่โลกความเป็นจริง
“พี่ชายคะ พวกเราออกมาเที่ยวทั้งวันแบบนี้ พี่ฉู่เฟิงจะโกรธพวกเราไหมคะ”
“ไม่หรอก”
ยู่ฉือยี่ซูมีสีหน้าเรียบนิ่ง “พี่พาเราไปเที่ยว เขาพาน้องสาวตัวเองไปเที่ยว สมเหตุสมผลแล้ว มีอะไรต้องโกรธกัน”
“อ๋อ” งั้นเธอก็สบายใจแล้ว แค่ไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะทะเลาะกันหรือเปล่า
ตอนที่กลับถึงที่พักก็ค่ำมากแล้ว ภรรยาเจ้าของโรงแรมเห็นพวกเธอกลับมา ก็ยังกล่าวต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พอได้ยินว่าทั้งสองคนกินข้าวมาจากข้างนอกแล้ว จึงเทชานมให้ทั้งสองคนละหนึ่งแก้ว
“ดื่มหน่อยเถอะจ๊ะ คืนนี้จะได้นอนหลับสบาย”
ถางหยวนหยวนจ้องมองชานมแก้วนั้น จากที่เธอเคยรู้มาชานมมีแคลอรี่ที่สูงมาก เธอไม่ดื่มแล้วจะดีกว่า
ดังนั้นถางหยวนหยวนจึงผลักแก้วชานมกลับไปให้ภรรยาเจ้าของโรงแรม
“ขอบคุณค่ะคุณน้า แต่หนูไม่ดื่มชานมแล้วค่ะ หนูขอน้ำเปล่าสักแก้วก็พอ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ หรือว่าชาที่น้าชงให้ไม่อร่อย”
“ไม่ใช่ค่ะคุณน้า หนูแค่รู้สึกคอแห้ง ได้ยินมาว่ายิ่งดื่มหวานจะยิ่งคอแห้ง หนูก็เลย…”
เพราะพูดโกหก สาวน้อยตรงหน้าจึงหน้าแดงก่ำ นิ้วมือพันกันไปมาด้วยความรู้สึกเอียงอาย ภรรยาเจ้าของโรงแรมเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอจึงทำใจที่จะเผยความจริงออกมาไม่ได้ สุดท้ายเธอก็ไปเทน้ำใส่แก้วมาให้อีกฝ่ายแทน
“ได้จ๊ะ ได้ น้าเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าให้ ดื่มเถอะ”
“ขอบคุณค่ะคุณน้า”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มย่างว่าง่าย หลังจากดื่มน้ำเสร็จเธอก็เดินขึ้นชั้นบนไปพร้อมกับยู่ฉือยี่ซู
รอจนหญิงสาวเดินขึ้นไปแล้ว ภรรยาเจ้าของโรงแรมถึงได้ถอนหายใจออกมา
“ดูท่า สาเหตุของการทะเลาะกันในวันนี้ คงเป็นเพราะแม่หนูคนนี้สินะ”
สามีของเธอเป็นพวกซื่อบื้อ ฟังในสิ่งที่เธอพูดไม่เข้าใจ จึงถามขึ้นมา “คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกว่า เด็กสาวที่ชื่ออานเชี่ยนคนนั้น คงจะไปพูดอะไรหยวนหยวนเข้า ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างไม่พอใจ คุณดูสิคะ เด็กสาวที่เคยรักในการกิน ตอนนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะดื่มชานม ตอนเช้าก็กินขนมปังไปแค่ชิ้นเดียวก็บอกว่าอิ่มแล้ว”