บทที่163 แอบฟัง
เฉียวเฉียว ฉันเห็นพี่เย่ก็ดีกับเธออยู่นะ เธอจะไม่พูดออกมาจริงๆ หรอ? หานเส่โยวพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น : “เธอไม่มีความกล้าใช่ไหม? ถ้าเธอไม่กล้าพูดจริงๆ งั้นฉันไปพูดแทนเธอเองไหม? ”
เธอกระตือรือร้นที่จะลอง ปีศาจตัวน้อยในใจเติบโตขึ้น แล้วก็ไม่สามารถควบคุมมันได้แล้ว
ได้ยินว่าเธอจะพูดแทนตัวเอง เสิ่นเฉียวตกใจ ก่อนที่สมองของเธอจะตอบสนอง ปากก็โพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว : “ไม่ต้อง”
หานเส่โยวตอนแรกการมองเห็นในสายตาก็ว่างเปล่า
เกิดความเงียบระหว่างทั้งสองคน
ใครก็ไม่พูดออกมา ล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง
หานเส่โยวจ้องเสิ่นเฉียวที่อยู่ข้างหน้า มือที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นหลายนาที
ตอนแรกเธอคิดว่าหลังจากเอาข่าวนี้บอกกับเสิ่นเฉียวแล้ว เธอควรจะมีความสุข จากนั้นเธอกับเย่หลิ่นหานก็เดินไปใกล้แล้วไม่ใช่หรอ? งั้นก็อยู่กับเขาใกล้ๆ ทำไมยังต้องลำคานเย่โม่เซินล่ะ?
บางทีหานเส่โยวก็รู้สึกว่าเสิ่นเฉียวเกินไปแล้ว ยุ่งผู้ชายคนสองคนไม่ปล่อย
ลืมตัวตนของตัวเองไปทั้งหมดแล้ว และโกหกความจริง
จากนั้นทั้งสองคนแยกกัน หานเส่โยวกลับไปที่บ้านตระกูลหานด้วยความหนักใจ เขาไปในประตูเห็นรถพี่ชายใหญ่ของตัวเองอยู่ในบ้าน เธอถามสาวใช้แปลกๆ ประโยคหนึ่ง : “วันนี้พี่ใหญ่ไม่ไปบริษัทหรอ? ”
สาวใช้ตอบด้วยความเคารพ : “คุณผู้ชายน่าจะไม่ค่อยสบายนะคะ อยู่ในห้องทำงาน”
หานเส่โยวตกใจ : “พี่ใหญ่ไม่สบาย? ฉันจะไปดูสักหน่อย”
สาวใช้รีบตามไป : “คุณผู้หญิง นายหานสั่งไว้แล้ว ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนทั้งนั้น ”
“เรื่องตลกน่า ฉันเป็นน้องสาวของพี่ชายฉันนะ อะไรที่เรียกว่ารบกวน? ฉันแค่เห็นว่าพี่ชายของตัวเองไม่สบายจะไปเยี่ยมเฉยๆ นี่เธอกำลังพูดอะไร? ”
หานเส่โยวหน้าตาดูดุดัน
สาวใช้ก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรอีก
หานเส่โยวตรงไปที่ชั้นบน แล้วไปที่ห้องของหานชิง
สุดท้ายเห็นว่าห้องของหานชิงไม่ได้ล็อก ข้างในมีคน
“ประธานหาน นี่คือข้อมูลที่คุณให้ผมสืบเกี่ยวกับคุณหนูเสิ่น”
เป็นเสียงของซูจิ่ว หานเส่โยวรีบนอนลงข้างประตูแล้วหยุดการเคลื่อนไหว
“อืม วางไว้เถอะ” ลำเสียงต่ำหานชิงนั้นปะปนไปด้วยความแหบกร้าน ฟังดูแล้วเหมือนกับไม่สบายจริงๆ
ซูจิ่วพูดต่อ : “ประธานหาน ทำไมคุณถึงให้สืบเรื่องคุณหนูเสิ่นล่ะ? เพราะเธอเป็นเพื่อนของคุณเส่โยว? จากที่สืบมา นี่ชื่อเสิ่นเฉียว เธอเป็นสาวเก่งในทุกๆ ด้าน แต่ว่า……ประสบการณ์ตอนเด็กของเธอน่าสงสาร ”
ที่จริงคำพูดพวกนี้ซูจิ่วไม่น่าพูดออกมา ปกติเธอพูดเรื่องพวกนี้หานชิงสนใจก็ไม่สนใจเธอ อีกอย่างเธอก็เรียนรู้ที่จะปรับปรุงภาษา
แต่ว่าซูจิ่วเห็นหานชิงสองวันนี้สนใจเรื่องของเสิ่นเฉียวมาก อีกอย่างพูดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวออกมาสองประโยค
ในห้องเงียบไปสักพัก ซูจิ่วกระแอมเล็กน้อย คิดว่าตัวเองพูดมากตอนที่กำลังจะหยุดพูดนั้น กลับได้ยินหานชิงถามด้วยเสียงต่ำมาประโยคหนึ่ง : “สงสาร? ”
“ใช่สิ ” ซูจิ่วพยักหน้า : “สามีที่เธอแต่งงานก่อนหน้านี้มีเมียน้อยแล้ว แต่เมื่อสองมีที่แล้วคุณหนูเสิ่นไม่รู้มาก่อน จู่ๆ วันหนึ่งสามีของเธอก็ถูกลอตเตอรี่ ตอนแรกคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตที่ดี ใครจะรู้ว่าเลิกกันแล้ว เมียน้อยเข้ามาในบ้านพร้อมกับท้องที่โต สุดท้ายคุณหนูเสิ่นก็ไม่ได้อะไรเลย”
ได้ยินแบบนี้ หานชิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว : “อะไรก็ไม่มี? ”
“ใช่ งานแต่งงานของตระกูลเสิ่นกับตระกูลเย่ ที่จริงแล้วเป็นน้องสาวของคุณหนูเสิ่นเวิ่นโย่ว แต่แม่ของคุณหนูเสิ่นได้ยินมาว่าคนที่ต้องแต่งงานด้วยเป็นคนพิการ พอดีคุณหนูเสิ่นก็หย่าพอดี เลยตัดสินใจให้คุณหนูเสิ่นแต่งงานเข้าตระกูลเย่แทนน้องสาว”
“วันนั้น…..ท่าทางที่พวกเราเห็นในห้องประชุม น่าจะ……ก็คือสถานการณ์ของเสิ่นเฉียวตอนนี้”
หลังจากฟังคำเหล่านี้แล้ว หานชิงไม่พูดอะไรสักคำ แค่เอาปลายนิ้วที่เรียวยาวปัดไปที่หน้าจอ ทำเสียงเบื่อหน่าย รีบทำหน้าไร้อารมณ์ แต่ว่าซูจิ่วเห็นท่าทางนี้ของเขาก็รู้แล้วว่าโกรธ
แต่ว่า…..ทำไมต้องโกรธ?
ตั้งแต่เขาเจอเสิ่นเฉียวจนถึงตอนนี้ก็ไม่นานนะ หรือว่า…….จะเป็นรักแรกพบ?
แต่นั่นก็ไม่น่าใช่นะ เสิ่นเฉียวแม้ว่าจะโชคร้าย ทำให้คนเห็นใจ แต่ก็ไม่ได้สวยที่สุดในประเทศจนคนสามารถหลงรักตั้งแต่แรกพบได้หรอกมั้ง?
ไม่ใช่ไม่ใช่ สวยที่สุดในประเทศจนคนสามารถหลงรักตั้งแต่แรกพบก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก เพราะว่าหานชิงเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนคนอื่นที่ความสวยไม่สามารถดึงดูดเขาได้
ถึงจะรักแรกพบยังไง นั่นก็คนมีสามีแล้วนะ
คิดถึงตรงนี้ ซูจิ่วอยากจะเตือนหานชิงด้วยความหวังดีซักประโยค แต่เห็นหน้าเขาที่คมเหมือนมีด พอจะพูดมันก็ติดอยู่ที่ริมฝีปากสุดท้ายก็กลืนมันลงไป
พอแล้ว ผู้ชายคนนี้สุขุมมากในทุกๆ เรื่อง เธอคงไม่ต้องไปยุ่งมากหรอก
แล้วหานเส่โยวที่แอบฟังอยู่นอกประตู ฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจนทุกคำ เสียงบทสนทนาข้างในเงียบลงไปแล้ว หานเส่โยวสีหน้าซีดมาก เหมือนกระดาษสีข้าวที่ลากขึ้นจากน้ำ มันซีดมาก
พี่ใหญ่ให้เลขาซูไปสืบข้อมูลของเสิ่นเฉียว?
ทำไม? อีกอย่างเขายังถามเรื่องเสิ่นเฉียวเป็นครั้งแรก ราวกับเป็นห่วงเธอมากแบบนั้น
พอคิดถึงเรื่องแอบอ้างตัวเอง หานเส่โยวรู้สึกอ่อนแอไปทั้งตัว พี่ใหญ่ปกติเฉยเมยกับเธอ สงสัยตัวตนของเธออยู่หรือเปล่า?
หรืออาจจะ เขาไม่เคยยอมรับน้องสาวคนนี้อย่างจริงจังตั้งแต่แรก?
อีกอย่างตอนนี้เห็นเสิ่นเฉียว เขาก็เริ่มสืบเสิ่นเฉียวแล้ว
ไม่ ไม่ได้……
เธอไม่ได้ตัวตนนี้มาง่ายๆ พี่สาวคนใหญ่ของบ้านตระกูลหาน คนจำนวนมากจึงนับถือเธอ ทุกวันเธออยู่ดีกินดี อยู่บ้านที่ใหญ่จนคนอิจฉา ซื้อกระเป๋าน้ำหอมเครื่องสำอางและเสื้อผ้าสุดหรูทุกชนิด จนผู้หญิงหลายคนต่างอิจฉาตาร้อน
เธออยู่บนก้อนเมฆ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะหล่นลงมา
ทำยังไง? หานเส่โยวฉันกังวลมากจนตาเป็นสีแดง คนข้างในก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้งแล้ว
ซูจิ่วพูด :“ประธานหาน ถ้าหากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันก็กลับก่อน”
“อืม”
จากนั้นก็เป็นเสียงก้าวเท้า หานเส่โยวเรียกสติกลับมา ตระหนักว่าเธอยังคงยืนอยู่ที่ประตูห้องของพี่ใหญ่ อีกอย่างเลขาซูก็ออกมาอย่างเร็ว
เธอจะให้เลขาซูรู้ว่าตัวเองแอบฟังพวกเขาพูดได้
หานเส่โยวรีบเร่งฝีเท้าออกไป
เธอหลบอยู่ในมุมเห็นซูจิ่วออกมาจากห้องพี่ใหญ่ของเธอ จากนั้นแล้วก้าวลงไปชั้นล่าง
ในตอนกลางซูจิ่วยังหันกลับย้อนไปทิศทางที่เธออยู่อีกครั้ง ราวกับว่าจะรู้ตัว ทำให้หายเส่โยวตกใจจนรีบซ่อนตัวอยู่หลังกำแพง หายใจแทบไม่ออก
ซูจิ่วเป็นเลขคนสำคัญของพี่ใหญ่ ถ้าหากให้เธอจับได้……
โชคดีที่เสียงรองเท้าส้นสูงหายไปแล้ว หานเส่โยวรู้ตัวว่าตัวเองตกใจจนเหงื่อแตกทั้งตัว พิงกำแพงนั่งลงอย่างไม่มีแรง
ทำยังไง? พี่ใหญ่เริ่มจะสืบเรื่องเสิ่นเฉียวเเล้ว งั้นเข้าจะสืบรู้ไหมว่าเสิ่นเฉียวจะเป็นลูกสาวที่แท้จริงของบ้านตระกูลหาน? ถ้าหากสืบรู้แล้วจะทำยังไง ถึงตอนนั้นหานเส่โยวเธอจะทำยังไง?
เธอไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตที่มืดมนอีกแล้ว
ไม่ได้——เธอต้องคิดหาวิธี คิดหาวิธี…..