บทที่1622 ความรู้สึกสามารถเปลี่ยนได้
เขาหยิบกิ๊บนั้นออกมาดู มันพังแล้วจริงๆ ด้วย
ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะยังซ่อมได้อยู่รึเปล่า?
ตอนนั้นแค่จงฉู่เฟิงเห็นกิ๊บอันนี้ก็รู้สึกว่ามันดูดีมาก ต้องเหมาะสมกับเธออย่างแน่นอน ไม่คิดเลยว่าตอนแรกที่มานั้นใจเต้นเป็นลิงโลด แต่ว่าตอนนี้กลับเคร่งขรึม
พอถางหยวนหยวนวิ่งเสร็จแล้ว จงฉู่เฟิงก็ฝืนยิ้มแล้วก็หยิบทิชชูออกมาเช็ดให้เธอ
“เหนื่อยไหม ดื่มน้ำหน่อย”
เขาส่งกระติกน้ำร้อนให้กับถางหยวนหยวน
ถางหยวนหยวนดื่มลงไป อุณหภูมิกำลังพอดีเลย หลังจากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา “ขอบคุณนะคะพี่ฉู่เฟิง”
“ขอบคุณอะไรกัน กระติกน้ำนี้หนูก็เป็นคนเอามาเอง เหงื่อออกเยอะเลย ดื่มเยอะๆ หน่อยนะ”
“อืมๆ ”
ถางหยวนหยวนนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นก็ถามว่า “พี่ฉู่เฟิง ช่วงนี้พี่ชายของหนูยังยุ่งมากอยู่อีกเหรอคะ? ”
“ยังดีอยู่นะ น่าจะไม่ได้ยุ่งเท่าไหร่”
“อ้อ”
ถางหยวนหยวนเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เป็นอะไรไป? หนูกับพี่ชายไม่ได้เจอกันนานแล้วใช่ไหม? ”
“อืม”
“เอางี้ พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ หรือว่าพรุ่งนี้พี่กับพี่ชายของหนูมารับหนูไปปีนเขากันดีไหม? ”
“ไม่ๆ ” ถางหยวนหยวนส่ายหน้า ปฏิเสธไวมาก “ไม่ไปหรอก”
“ทำไมล่ะ? เพราะว่าพี่ฉู่เฟิงรึเปล่า? ” จงฉู่เฟิงเห็นว่าเธอปฏิเสธอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ก็นึกว่าเป็นเพราะว่าตัวเอง “นี่หนูยังคงสงสัยความจริงในสิ่งที่พี่พูดไปยังงั้นเหรอ? ”
“เปล่าค่ะ หนูเชื่อพี่ฉู่เฟิง แต่หนูแค่……”
ศึกลดน้ำหนักของเธอยังไม่จบเลย ดังนั้นเธอก็ยังไม่อยากเจอยู่ฉือยี่ซูชั่วคราว
“สรุปก็คือ พี่ชายไม่ยุ่งก็ดีแล้ว พี่ฉู่เฟิง วันนี้หนูวิ่งเสร็จแล้ว พี่รีบกลับไปเถอะ”
พอพูดจบ สาวน้อยก็โบกมือให้เขา แล้วก็หันหลังพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างไร้เยื่อใย
จงฉู่เฟิงมองแผ่นหลังของหญิงสาวแล้วก็นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน จนถึงช่วงเวลาพลบค่ำ ความมืดก็กลบร่างกายของเขาไป
และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จงฉู่เฟิงถึงได้ลุกขึ้นและกลับไป
ยู่ฉือยี่ซูอ่านเอกสารมาทั้งวัน เขารู้ว่าช่วงนี้จงฉู่เฟิงขยันไปตรงที่หยวนหยวนวิ่งมาก เพราะว่าเคยทำข้อตกลงกับเขาไว้แล้ว ดังนั้นยู่ฉือยี่ซูก็เลยไม่ได้พูดอะไร
แต่ว่าวันนี้ เขารอแล้วรออีก จนถึงตอนนี้แล้ว จงฉู่เฟิงก็ยังคงไม่กลับมา
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ้าเพื่อนคนนี้ไปทำอะไรกัน? คงไม่ได้พาหยวนหยวนไปเที่ยวเล่นมั่วซั่วหรอกนะ?
ยู่ฉือยี่ซูนึกถึงท่าทางที่ใสซื่อและไร้เดียงสาของถางหยวนหยวน ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็วางเอกสารที่อยู่ในมือ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็เดินออกไปด้านนอก
พึ่งจะเดินมาถึงประตู มือเขายังไม่ทันจะจับประตูเลย ก็มีคนผลักประตูเข้ามาจากด้านนอก
กลิ่นเหล้าลอยหึ่งเข้ามา
ยู่ฉือยี่ซูยังไม่ทันเห็นคนคนนั้น พอได้กลิ่นเหล้าก็ถอยหลังไปสองสามก้าว อยู่ในห่างจากคนที่อยู่นอกประตูหน่อย
“เอ่อ!”
ตัวของจงฉู่เฟิงเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า เดินโซซัดโซเซเข้ามา เขาเซจนเกือบจะล้มลงที่พื้น
พอเห็นภาพนี้ ยู่ฉือยี่ซูก็โกรธอย่างมาก ก้าวขึ้นไปด้านหน้าแล้วก็คว้าคอเสื้อของเขาไว้ “แกไปไหนมา? ”
“ปล่อย ปล่อยฉัน”
จงฉู่เฟิงดื่มจนเมามาย พอถูกยู่ฉือยี่ซูคว้าไว้แบบนี้ ก็เริ่มมีโทสะขึ้นมา แล้วก็ออกแรงผลักเขาออก
แต่ว่ายู่ฉือยี่ซูเป็นคนที่มีแรงเยอะมาโดยตลอด แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็เมาอยู่ด้วย จะผลักออกได้ยังไงกัน
“วันนี้แกได้ไปหาหยวนหยวนมารึเปล่า? ”
พอได้ยินชื่อของถางหยวนหยวน จงฉู่เฟิงก็เหมือนกับได้รับการกระทบกระเทือนทันที “ใช่ ฉันไปหาเธอมา แล้วมันทำไมกันล่ะ? วันนี้ฉันโดนปฏิเสธมาแล้ว ฮ่าๆๆๆ! ”
ปฏิเสธงั้นเหรอ?
ยู่ฉือยี่ซูหรี่ตาอย่างอันตราย “หมายความว่ายังไง? ”
“แกพูดอะไรกับหยวนหยวน? จงฉู่เฟิง จำได้ไหมว่าแกเคยรับปากอะไรไว้กับฉัน? ”
“ฉันไม่ได้ลืม แน่นอนว่าไม่ได้ลืม! ”
“แล้วทำไมแกถึงโดนปฏิเสธได้? ”
ตอนนี้ยู่ฉือยี่ซูกังวลว่าจงฉู่เฟิงไปพูดจามั่วซั่วอะไรกับหยวนหยวนรึเปล่า ถ้าเธอรู้สึกกลัวจะทำยังไง
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็กัดฟันกรอดและพูดว่า “แกรู้รึเปล่าว่าเธอยังไม่โตเต็มที่เลย? แกทำอะไรอยู่หะ? ”
ยู่ฉือยี่ซูพยายามอดทน ยังไม่ทันได้ต่อยเขาสักที
จงฉู่เฟิงพิงกำแพง ท่าทางดูเศร้าใจเป็นอย่างมาก “แน่นอน ฉันรู้ว่าเธอยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น……ฉันก็เลยไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น ฉันนึกว่า แค่ได้เฝ้ารอเธออยู่เงียบๆ ก็พอแล้ว ใครจะไปคิดว่าเด็กคนนี้เหมือนจะรู้สึกอะไรได้”
รู้สึกอะไรได้งั้นเหรอ?
“เธอถามฉันว่า ชอบเธอรึเปล่า? ”
“แล้วแกตอบไปว่าไง? ” ยู่ฉือยี่ซูรู้สึกตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด เจ้าหมอนี่คงไม่ได้ยอมรับไปตรงๆ ใช่ไหม?
“แล้วฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ? ฉันจะพูดอะไรได้? เธอยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เลย ฉันจะกล้ายอมรับเหรอ? ” จงฉู่เฟิงทุบพื้นด้วยความโกรธ เขารู้สึกเจ็บมือ แต่ว่าก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
“ฉันทำผิดอะไร ทำไมต้องมาทนทุกข์แบบนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ว่าก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว”
ยู่ฉือยี่ซูโล่งอก “ไม่ยอมรับคือเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ไม่ยังงั้นแกอาจจะทำให้เธอกลัวก็ได้”
“ก็เพราะว่ากลัวจะทำให้เธอกลัวไง ก็เลยไม่พูด แต่ว่าพี่ซู แกรู้ไหมว่าการที่ฉันไม่ได้พูดในครั้งนี้ เกรงว่าต่อไปจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้ว”
ยู่ฉือยี่ซูมองเขา แล้วก็นั่งลงที่พื้น เอามือวางบนหัวเขา แล้วก็พูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด”
“ไม่พูด แล้วต่อไปฉันจะทำยังไง? หรือว่าจะให้ฉันโสดไปตลอดชีวิตเลยเหรอ? ”
โสดไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?
ยู่ฉือยี่ซูหันหน้าไปมองเขา แล้วก็ถามอย่างไม่มีทางเลี่ยงว่า “มันจำเป็นต้องเป็นเธอเท่านั้นเหรอ? ”
จงฉู่เฟิงก้มหน้าแล้วก็หัวเราะอย่างขมขื่น “ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องเป็นเธอเท่านั้น แต่ว่านอกจากเธอฉันก็ไม่มีความรู้สึกให้ผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว มันผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วนะ แกคิดว่าไงล่ะ? ”
สิ่งที่น่ากลัวก็คือ ความรู้สึกที่จงฉู่เฟิงมีให้กับเธอนั้น มันลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยจะน้อยลงเลย ทุกๆ วันเขาเฝ้าดูเธอพยายาม โตขึ้น แล้วก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ยิ่งนับวันจงฉู่เฟิงยิ่งรู้สึกชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้ก็รู้สึกรักเธอสุดหัวใจ
เดิมทีก็อยากจะคอยเฝ้ารอเธออยู่แบบนี้ อย่างน้อยหลังจากเฝ้ารอจนเธอโตขึ้นแล้ว มีอะไรถึงตอนนั้นค่อยพูดก็ได้
แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเจอเรื่องแบบนี้เข้า
“แกว่า ฉันแสดงออกชัดเจนไปงั้นเหรอ? แต่ว่าฉันควบคุมตัวเองมากแล้วนะ ทำไมเธอยังมองออกอีกล่ะ? ”
ยู่ฉือยี่ซูขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าถางหยวนหยวนจะมองความรู้สึกที่จงฉู่เฟิงมีให้ต่อเธอออก หรือว่านี่มันหมายความว่า เธอเริ่มรู้แล้วว่าความรักคืออะไร?
ความรู้สึกของยู่ฉือยี่ซูนั้นซับซ้อนไปหมด เขาเม้มปากแน่น แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าเกิดว่าให้เวลาฉันครึ่งปี ถ้าผ่านไปครึ่งปีแล้วเธอถามฉัน ฉันต้องยอมรับอย่างแน่นอน แต่ว่าทำไมเธอต้องถามตอนนี้ด้วย? พี่ซู ต่อไปฉันจะทำยังไง? ”
ยู่ฉือยี่ซูมองเขา แล้วก็พูดอย่างนิ่งเรียบว่า “แกคิดจะทำยังไงล่ะ? ถ้าเกิดว่าชอบจริงๆ หน้าหนาหน่อยจะเป็นอะไรไป”
“หน้าหนางั้นเหรอ? ”
“ตอนนี้ไม่ยอมรับ แล้วต่อไปก็จะยอมรับไม่ได้แล้วยังงั้นเหรอ? ตอนนี้ไม่ชอบ แล้วต่อไปก็ชอบไม่ได้งั้นเหรอ? ความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้นะ”
ก็เหมือนกับเรื่องของพ่อกับแม่ของเขา ตอนเริ่มแรกชีวิตแต่งงานก็ไม่ได้มีความสุขอะไร แต่หลังจากนั้นก็เป็นไปได้อย่างหอมหวานเลยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้พ่อของเขาติดหม่ามี๊ของเขาอยู่แบบนั้น ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ก็ยังคงเหมือนเดิม
จงฉู่เฟิงได้ยินดังนั้น ก็อึ้งไป
“ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ? ”
ยู่ฉือยี่ซูเบือนหน้าหนี “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ขอแค่ความรู้สึกแกไม่ได้เปลี่ยนไป จะตอนไหนก็ทันทั้งนั้นแหละ”