บทที่1627 อร่อยจนร้องไห้
คิดไปคิดมา ถางหยวนหยวนก็ตัดสินใจจะกลับก่อน
เธอแอบแฝงตัวไปกับกลุ่มคนที่ครึกครื้นด้านข้าง พวกเขายังไม่ทันรู้ตัว
ตอนที่เดินออกมาถึงนอกสวนสนุกนั้น จู่ๆ ถางหยวนหยวนก็รู้สึกอยากจะหัวเราะ ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เธอคิดไปเองว่าพี่จะชอบเธอ
เธอหลับตาลง หลังจากนั้นถางหยวนหยวนก็เปิดกระเป๋าสตางค์ออกอีกครั้ง หลังจากนั้นก็หยิบรูปใบนั้นออกมา พร้อมกับเอามาใส่ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองแทน
ถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นรูปของครอบครัวของเขา เธอไม่มีสิทธิอะไรไปแตะ แต่ว่าในรูปนี้ก็ยังมีเธออยู่ด้วยนะ ดังนั้นเธอจะเอารูปนี้ไปก็คงไม่น่าจะมีเรื่องอะไรหรอกนะ?
เธออยากจะเป็นคนในครอบครัวของเขา แต่ไม่ใช่คนในครอบครัวแบบที่เขาคิดไว้
หลังจากที่ถางหยวนหยวนดึงรูปถ่ายออกไปแล้ว ก็รีบเดินก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เวินจิ่งหรัวอยู่ในสวนสนุกยืนกอดอกมองยู่ฉือยี่ซูที่ไม่ได้มองมาที่เธอด้วยซ้ำ
“คนที่ชวนฉันมาก็คือนาย และคนที่ไม่อยากจะคุยกับฉันตอนนี้ก็คือนายเหมือนกัน ยู่ฉือยี่ซู ถึงแม้ว่าฉันเวินจิ่งหรัวจะชอบนาย แต่ว่านายก็ไม่ควรจะย่ำยีฉันแบบนี้ไหม?
ยู่ฉือยี่ซูไม่ได้พูดอะไร
“ก่อนหน้านี้ฉันยังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจู่ๆ นายถึงชวนฉัน ยังไงทุกคนก็รู้ว่าฉันเวินจิ่งหรัวชอบนาย แต่ว่านายยู่ฉือยี่ซูไม่ได้ชอบฉัน”
“ตอนนี้……” เวินจิ่งหรัวมองไปยังทางหนึ่ง แล้วก็ยิ้มมุมปาก “ถือว่าฉันรู้แล้ว”
เธอพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมามาก “นายชอบน้องสาวของนายใช่ไหม? ”
คำเรียกนี้ทำให้ฉือยี่ซูขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่พอใจ “ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ”
“แน่นอนว่าฉันรู้ว่าพวกเธอไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กัน พวกเธอก็เป็นแค่เพื่อนเล่นที่โตมาด้วยกัน เธอเรียกนายว่าพี่ชายมาตั้งแต่เด็กๆ นายนึกว่าเรื่องพวกนี้ฉันไม่รู้เหรอ?
ฉันชอบนาย ก็ย่อมรู้เรื่องเกี่ยวกับนายทั้งหมด รวมถึงเรื่องของถางหยวนหยวน ไม่ยังงั้นนายคิดว่าทำไมครั้งที่แล้วฉันถึงหาโรงเรียนของเธอเจอได้ล่ะ? ”
ยู่ฉือยี่ซู:“……”
“เมื่อกี้ฉันถามว่านายชอบเธอรึเปล่า นายไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับอธิบายว่าเธอไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของนาย”
คำพูดของเวินจิ่งหรัวนั้นแทงใจดำมาก
เขาไม่ได้ตอบ ปลายนิ้วที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวของตัวเองนั้นสั่น อารมณ์ของเขาซับซ้อน
“ในเมื่อนายก็รู้สิ่งที่ตัวเองใส่ใจดีอยู่แล้ว ทำไมยังต้องลากฉันออกมาอีกล่ะ? ”
สายตาของเวินจิ่งหรัวที่มองไปที่เขานั้นดูผิดหวังเล็กน้อย “ก่อนที่จะมานั้น ฉันก็นึกว่าเรื่องที่ฉันทำไปนั้นในที่สุดมันก็ได้ผลแล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแค่สิ่งที่ชั่วคราวเท่านั้น?
อุ้ยไม่ใช่สิ จะเรียกตัวเองว่าสิ่งที่ชั่วคราวก็ไม่ถูก ฉันไม่เคยมีตัวตนอยู่เลยด้วยซ้ำไป”
“ก็ได้”
เวินจิ่งหรัวยิ้ม “ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่น ฉันก็คงจะสงสัยว่าตาของนายมีปัญหาอะไรรึเปล่า แต่ว่าถ้าเกิดว่าเป็นถางหยวนหยวนนั้น ฉันก็ยอมรับอย่างเต็มหัวใจ ยังไงมิตรภาพของคนที่โตมาด้วยกัน มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครสามารถมาแทนได้”
ที่จริงแล้วพวกเพื่อนที่โตขึ้นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นอกจากอีกฝ่ายมีคุณสมบัติไม่ตรงตามเกณฑ์การคัดเลือกคู่ครอง โดยปกติแล้วก็จะชอบฝ่ายตรงข้าม ความรู้สึกมันจะลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอน ในการที่ชอบอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ถ้าเกิดว่าไม่ได้มีความรู้สึกตั้งแต่แรกเริ่ม ก็จะไม่เป็นเช่นนั้น
เวินจิ่งหรัวความรู้สึกที่ยู่ฉือยี่ซูมีให้กับถางหยวนหยวนนั้นออก ทันใดนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากพูดความคิดของตัวเองเสร็จ เวินจิ่งหรัวก็มองไปที่ชิงช้าสวรรค์ที่แกว่งเสร็จตั้งนานแล้ว เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า “นายกำลังกังวลว่าเด็กคนนี้ชอบนายจริงๆ รึเปล่า หรือว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกพึ่งพาอาศัยเท่านั้น”
พอได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เป็นครั้งแรกที่เขาประเมินเวินจิ่งหรัวอย่างจริงจัง เพราะว่าเธอพูดตรงกับความคิดของเขาทุกอย่าง
“นั่นเป็นเหตุผลที่ออกมาในวันนี้งั้นเหรอ?
พูดตามตรง การที่นายใช้ฉันเป็นเครื่องมือแบบนี้ฉันรู้สึกแย่มาก แต่ว่าฉันจะปล่อยให้มันแล้วไปเพราะถือว่าฉันชอบนาย ถ้านายอยากจะรู้ว่าเธอแค่รู้สึกพึ่งพานายรึเปล่านั้นง่ายมากเลย ถ้าเกิดว่าสาวน้อยคนนี้ชอบนายมากจริงๆ ต่อให้นายจะคบกับคนอื่น เธอก็จะยังชอบนายต่อไป
ปีหนึ่งมั้ง หรือว่าสองปี ถ้าเกิดว่าเธอยังไม่หาแฟนล่ะก็ นายก็น่าจะรู้แล้วว่าผลมันคืออะไร”
“แน่นอน ถ้าเกิดว่าเธอมีแฟน แล้วก็มีชีวิตรักอย่างมีความสุขมากล่ะก็ นายก็ควรจะรู้ว่าควรจะทำตัวยังไง”
ก่อนที่จะไปนั้น เวินจิ่งหรัวก็คิดอะไรขึ้นได้ “เห็นแก่มิตรภาพฉันจะเตือนนายหน่อยแล้วกัน สาวน้อยของนายออกไปจากสวนสนุกนี้ตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วๆ ”
“เธอพูดอะไร? ”
สีหน้าของยู่ฉือยี่ซูเปลี่ยนไปทันที “ทำไมเธอไม่รีบพูดให้เร็วกว่านี้? ”
เวินจิ่งหรัวขยับเข้ามาใกล้ สีหน้าค่อนข้างแย่ “เป็นการลงโทษที่นายหลอกใช้ฉันในวันนั้น ก็เลยบอกนายในตอนนี้ ก็ไม่แย่เหมือนกันนะ”
ยู่ฉือยี่ซูเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ขอบคุณมากนะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังแล้วก็เดินไป เดินเร็วมาก รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินจิ่งหรัวนั้นหายไป เธอยืนมองดูแผ่นหลังของยู่ฉือยี่ซูอยู่ที่เดิมพร้อมกับกัดฟันแน่น
“สมควรตายจริงๆ ผู้ชายที่คุณภาพดีเยี่ยม ได้เจอสิ่งที่ดีขนาดนี้แล้ว แล้วต่อไปฉันยังจะหาคู่ครองได้ยังไงกัน? ”
หลังจากที่ถางหยวนหยวนออกมาจากสวนสนุกนั้น ก็เดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเดินมานานแค่ไหนแล้ว ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกรอบนั้น ก็เห็นร้านชานมอยู่ตรงหน้า เธอก้มหัวและเดินเข้าไปโดยที่ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ? ”
“ชานมค่ะ”
“ได้ค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ”
“แป๊บค่ะ”
ถางหยวนหยวนเรียกพนักงานไว้ แล้วก็พูดด้วยสีหน้าที่เฉื่อยชาและไร้ความรู้สึก “ฉันอยากได้สิบแก้ว”
สีหน้าของพนักงานนั้นแข็งทื่อเล็กน้อย “สิบ สิบแก้วเหรอคะ?
รับกลับบ้านใช่ไหมคะ? ”
“ไม่ใช่ค่ะ ดื่มที่นี่”
หลังจากพูดจบ ถางหยวนหยวนก็ยื่นเงินไปจ่าย “ขอบคุณค่ะ”
พนักงานเห็นว่าเธอส่งเงินให้ตัวเอง ก็รีบอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่า สิบแก้วจะทานหมดเหรอคะ? ”
“หมดค่ะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเสิร์ฟให้นะคะ”
ตอนที่รอชานมนั้น ถางหยวนหยวนก็ก้มหน้ามองบนโต๊ะ
ช่วงนี้เธอเลิกกินชานม เลิกกินช็อกโกแลต อยากจะพบกับพี่ชายด้วยใบหน้าที่ดูดีที่สุด แต่ว่า?
ที่แท้แล้วเรื่องทั้งหมด เธอคิดไปเองคนเดียว
ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปกลายเป็นแบบไหน ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ถ้าเกิดว่าชอบล่ะก็ ก็คงจะไม่ถือสาว่าเธอจะดูเป็นยังไงหรอกใช่ไหม?
มันก็เหมือนกับที่เธอไม่ได้ชอบพี่ฉู่เฟิง ดังนั้นต่อให้พี่ฉู่เฟิงจะดีกับเธอขนาดไหน ความชอบที่เธอมีให้กับพี่ฉู่เฟิงนั้น ก็เป็นได้แค่ความรู้สึกของพี่น้อง มันไม่มีทางข้ามไปเป็นความรู้สึกแบบอื่นได้อีก
ดังนั้นที่พี่ชายเป็นกับเธอก็เหมือนกัน เขาเห็นเธอเป็นน้องสาว เป็นคนในครอบครัว ก็จะไม่มีทางชอบเธอตลอดไป
ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่ว่าในอนาคตก็เป็นไปไม่ได้
ไม่นาน ชานมสิบแก้วก็มาเสิร์ฟ
ถางหยวนหยวนตอบสนอง แล้วก็หยิบแก้วหนึ่งขึ้นมาดื่ม
ดื่มไปคำหนึ่ง รสชาติของชานมที่ห่างหายไปนานก็จู่โจมปุ่มแยกรสชาติทั้งหมดของเธอ
แปะๆๆ ——น้ำตาก็ไหลออกมา พนักงานยังไม่ทันจะเดินออกไป ก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้พอดี แล้วก็ถามด้วยความเป็นห่วง “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? ”
พอเธอพูดออกมา ถางหยวนหยวนก็น้ำตาไหลแรงมากกว่าเดิม น้ำตาของเธอเม็ดใหญ่เท่าเม็ดถั่ว หยดลงในแก้วชาไข่มุก
เธอร้องไห้ไปด้วยพร้อมกับดื่มชานมไปด้วยแล้วก็ส่ายหน้าไปด้วย
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็แค่รู้สึกว่า……ฮือๆๆ ชานมนี้มันอร่อยมากเลย ฮือๆๆๆ อร่อยมากก็เลยร้องไห้ออกมา”
พนักงาน:“??”
มุมปากของพนักงานคนนี้กระตุกอย่างอดไม่ได้ ร้องไห้เพราะว่าชานมอร่อยงั้นเหรอ?
มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?
ต่อให้อร่อยขนาดไหนก็ไม่จำเป็นต้องร้องไห้ก็ได้มั้ง?
“วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ฉันก็แค่ไม่ได้ดื่มชานมมานานมากๆๆๆ แล้ว”