บทที่ 1631 พวกเรามาพูดคุยกัน
ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้น ทำให้ฝีเท้าของถางหยวนหยวนชะงัก
เธอไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองนัก คิดว่านี่อาจจะหูฝาด ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ยินเสียงพี่ชายในตอนนี้ได้
ยืนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกถางหยวนหยวนหัวเราะอย่างสมเพชในใจ
หูฝาดไปเองจริงๆนี่
เธอก้าวเท้าไป มุ่งหน้าเดินเข้าด้านใน
ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าเดินตามมา จากนั้นร่างสูงเพรียวก็มาขวางทางที่เธอจะไป ถางหยวนหยวนเงยหน้าด้วยความแปลกใจ
สิ่งที่เห็น คือโครงหน้าที่หล่อเหลาของยู่ฉือยี่ซู
พี่เหรอ
คือเขาจริงหรือ
ถางหยวนหยวนสติหลุดลอย แทบจะแยกความฝันกับความจริงไม่ออกแล้ว
นี่คือภาพลวงตาของเธอหรือไม่
ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“หาฉันอยู่ตั้งนาน ตอนนี้คนก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังไม่อยากเจอฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
เสียงของยู่ฉือยี่ซูฟังดูเหนื่อยล้า น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย หอบหายใจเดินไปตรงหน้าเธอ
ถางหยวนหยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ“พี่”
ยู่ฉือยี่ซูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เห็นในดวงตาเธอมีความอับจนหนทางเล็กน้อย“ยังจำได้ว่าฉันเป็นพี่เหรอ ในเมื่อรู้ว่าฉันเป็นพี่ ทำไมตั้งนานแล้วถึงไม่ยอมมาเจอหน้าฉันสักที”
สาเหตุที่ไม่อยากเจอ แน่นอนว่าไม่อาจบอกได้ แต่วันนี้ตัวเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว ไม่พูดอะไรบ้างก็คงจะไม่ได้
แต่จะพูดอะไรดี ถางหยวนหยวนไม่รู้ว่าตนเองควรจะพูดอะไร เธอไม่ใช่คนที่ต้องมารักษาความสงบสุข
คิดไปคิดมา ถางหยวนหยวนได้แต่ตอบอย่างโง่ๆว่า
“ไม่ใช่ไม่ยอมเจอพี่ แต่คือช่วงนี้ยุ่งเรื่องเรียนมากเกินไป”
“ยุ่งเหรอ”
ยู่ฉือยี่ซูพูดเสียงต่ำๆ“ไปเที่ยวกับพี่ฉู่เฟิงได้ไม่ยุ่งเหรอ”
ถางหยวนหยวน“……”“หืม”
เห็นเธอไม่พูดอะไร ยู่ฉือยี่ซูเดินไปข้างหน้าอีกก้าว
ถางหยวนหยวนเห็นเขาเดินมาข้างหน้า ก็ถอยหลังไปอีก ถึงขนาดหมุนตัวหันหลังให้ยู่ฉือยี่ซู“ไม่ใช่ไม่ว่าง แต่ว่าออกไปเที่ยวกับพี่ฉู่เฟิงแล้ว ก็ไม่มีเวลาเหลือแล้ว เมื่อก่อนยุ่งมาก ก็แค่วันนี้มีเวลาว่างพอดีเท่านั้นเอง”
หลังจากที่เธอรีบพูดประโยคนี้เสร็จ ถางหยวนหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกว่าที่ตนเองตอบกลับแบบนี้ก็ฉลาดมาก น่าจะหาช่องโหว่มาจับผิดไม่ได้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ว่างมั้ย”
ยู่ฉือยี่ซูถาม
ถางหยวนหยวนชะงักไปทันที หลังจากนั้นตอบว่า“พรุ่งนี้ต้องเรียน ไม่ ไม่ว่างค่ะ”
“วันมะรืนล่ะ”
นี่คือต้องการอะไร
ถางหยวนหยวนเม้มปาก“ก็ไม่มีค่ะ”
หลังจากพูดประโยคนี้ออกไปแล้ว คนที่ด้านหลังก็ไม่ได้ตอบโต้อยู่พักใหญ่ ถางหยวนหยวนกัดริมฝีปากล่าง เริ่มจะเสียใจภายหลังเล็กน้อยอีก เธอพูดแรงเกินไปหรือเปล่า
แม้จะชอบเขา แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอนี่
พี่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีก อีกอย่างไม่ชอบเธอเดิมก็ไม่ใช่เรื่องผิด
ทำไมเธอต้องโยนความผิดไปที่เขาด้วย
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงถอนหายใจลึกๆดังมาจากด้านหลัง
“เธอดื้อแล้วนะ”
ถางหยวนหยวนสงสัย เธอดื้อตรงไหน
หัวไหล่มีคนเกาะกุม ถางหยวนหยวนถูกยู่ฉือยี่ซูดึงให้หันหน้ามาหาเขา ตอนนี้เป็นฤดูร้อน เสื้อผ้าบนร่างกายไม่ได้หนา ดังนั้นถางหยวนหยวนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ลุกโชนอยู่ในฝ่ามือของเขาซึ่งถูกกั้นด้วยเสื้อผ้าบาง ส่งมาที่ร่างของเธอได้อย่างชัดเจน
“เมื่อก่อน เธอไม่เคยโกหกพี่มาก่อน”
โกหกเหรอ
ถางหยวนหยวนเงยหน้า สบตาเข้ากับดวงตากลึกล้ำคู่นั้นพอดี ดวงตาเขาหรี่มอง เหมือนกับว่ามองจนทะลุถึงก้นบึ้งหัวใจของเธอ
เธอหลบสายตาของเขาตามสัญชาตญาณ
“ไม่ได้โกหก แต่ต้องเรียนจริงๆนะคะ”
พูดจบ ถางหยวนหยวนอยากจะดิ้นให้หลุดจากมือของยู่ฉือยี่ซู กลับพบว่ามือของเขาออกแรงยึดหัวไหล่เธอเอาไว้แน่น เธอไม่สามารถดิ้นหลุดได้เลยสักนิดเดียว
“พี่คะ”
“หยวนหยวน พวกเรามาคุยกัน”
คุยอะไร
ถางหยวนหยวนนึกถึงพฤติกรรมที่น่าขายหน้าของตนเองในวันนั้น กัดริมฝีปากล่างอย่างเขินอายเล็กน้อย ส่ายหน้าปฏิเสธว่า“มีอะไรน่าคุยกันคะ
พี่คะ พี่รีบปล่อยฉันก่อนเถอะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ถ้าฉันไม่เข้ามหาวิทยาลัย ถึงเวลาเฟยเฟยและเพื่อนในหอพักคนอื่นต้องเป็นห่วงฉัน”
ได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูเงยหน้ามองไปทางประตูโรงเรียน พูดอย่างอับจนหนทางว่า“สายมากแล้วจริงๆ ครั้งต่อไปห้ามออกไปไปเที่ยวกับจงฉู่เฟิงจนดึกขนาดนั้น”
ถางหยวนหยวนโต้แย้งเขาด้วยจิตใต้สำนึกว่า
“พี่คะ ฉันใกล้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว เรื่องของฉันเอง ฉันสามารถตัดสินใจเองได้ค่ะ
อีกอย่าง แม้ฉันจะเรียกคุณว่าพี่ แต่…พี่ก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของฉัน”
ความหมายก็คือ เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของเธอ ไม่มีสิทธิ์จะมายุ่งเรื่องของเธอ
ยู่ฉือยี่ซูได้ฟัง ก็ใจหายวูบ แต่นึกถึงความคิดของเธอในช่วงนี้ เขาก็สามารถเข้าใจได้
“ฉันไม่ใช่พี่ชายแท้ของเธอก็จริง แต่ตั้งแต่เล็กก็เติบโตมาด้วยกัน ไม่ว่าจะในแง่ของความสัมพันธ์ จะอย่างไรก็ควรจะมีมากกว่าจงฉู่เฟิงอยู่บ้าง”
เธอไม่ตอบ ยู่ฉือยี่ซูถอนหายใจ ลูบหัวของเธอ“พรุ่งนี้ค่อยคุย”
เธอยังคงไม่พูดอะไร
“ถ้าเธอไม่ตอบ ฉันอาจจะไปถึงที่ในห้องเธอ แบบเดียวกับที่พี่ฉู่เฟิงของเธอ หรือว่า เธออยากให้ฉันไปหาเธอที่หอพัก”
ได้ยันดังนั้น ถางหยวนหยวนเงยหน้าอย่างตกใจเล็กน้อย มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หืม”
ยู่ฉือยี่ซูจ้องมองดวงตาของสาวน้อยอย่างพินิจพิจารณา มีความหลอกล่อแฝงอยู่ในน้ำเสียง“เลือกเอาเองอย่างหนึ่ง”
ถางหยวนหยวนหลุบตาอย่างเซื่องซึม“อย่างนั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ”
“ได้ พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเจอกันที่ประตูโรงเรียน”
หลังจากได้รับคำสัญญาจากเธอแล้ว ยู่ฉือยี่ซูก็ไม่ได้บังคับฝืนใจเธออีก ปล่อยมือลูบหัวเธอ“เข้าไปเถอะ รีบพักผ่อนนะ”
ถางหยวนหยวนวิ่งเหยาะๆเข้าไปในโรงเรียน ไม่ได้หันกลับมาอีก
ตรงดิ่งไปที่หอพัก พุ่งขึ้นบันได เข้าห้องแล้ว จากนั้นเธอก็เข้าห้องน้ำเลย
อารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย ถางหยวนหยวนมองตนเองในกระจก ทำไมรู้สึกว่าตนเองเหมือนจะเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดออกมาแล้ว
ถ้าหากเป็นไปได้ เธอไม่อยากจะพบยู่ฉือยี่ซูอีก
วันนั้นดื่มชานมดื่มจนอาเจียน แล้วก็แกล้งหลับในห้องน้ำอีก แกล้งหลับอยู่อย่างนั้น น่าขายหน้าจริงๆเลย
สิ่งที่น่าขายหน้ายิ่งกว่านี้คือ ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา
ถางหยวนหยวนยื่นมือไปจิ้มหน้าตนเองในกระจก หัวเราะเยาะเบาๆว่า“หน้าตาอย่างเธอนี้เหรอ มีสิทธิ์อะไรให้เขามาชอบเธอ พวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ถ้าเขาจะชอบเธอ คงชอบไปนานแล้ว”
ถ้าพรุ่งนี้คุยกัน จะพูดอะไรดี
ถ้าพี่ถามความรู้สึกตนเองขึ้นมา เธอจะตอบว่าอะไร
ปฏิเสธไปตรงๆ หรือยอมรับไปตรงๆดี
หลังจากยอมรับแล้วจะพูดอะไร
บอกว่าตัวเองปลงแล้ว จากนั้นก็อวยพรเขากับพี่สาวคนสวยคนนั้นรักกันไปนานๆ
คำพูดแบบนี้แสดงให้เห็นความใจกว้างของตนเองบ้างมั้ย
ไม่ได้ เธอคิดว่าตนเองพูดไม่ออก
เธอทำไม่ได้จะไปอวยพรให้กับผู้หญิงคนอื่นอยู่ด้วยกันไปจนนิรันดร์
แต่ถ้าปฏิเสธล่ะ
ถ้าปฏิเสธ อย่างนั้นพฤติกรรมวันนั้นของเธอจะอธิบายว่าอย่างไรดี
คงจะพูดไม่ได้ว่า จู่ๆฉันก็คิดถึงเรื่องที่เศร้าเสียใจขึ้นมา ดังนั้นก็เลยไปดื่มชานม
คิดไปคิดมา ถางหยวนหยวนปวดหัวทันที รู้แต่แรกวันนี้ก็จะไม่ออกไปกับพี่ฉู่เฟิง แบบนี้ก็จะไม่ถูกพี่จับได้